บท
ตั้งค่า

บทที่7

ดวงอาทิตย์ทอแสงสีทองผ่านเข้ามาหาหน้าต่างของห้องรับประทานอาหาร ซึ่งขณะนี้สมาชิกทุกคนในครอบครัวกำลังรับประทานอาหารกับอย่างเอร็ดอร่อย พูดคุยกันด้วยเสียงอันดัง ขัดแย้งโต้เถียงกันอยู่ตลอดเวลาพร้อมกับจิบน้ำชาร้อนๆ กลั้วคอเป็นระยะ

เวคฟิลด์มีมีดกับส้อมชุดเล็กสำหรับตนเอง รวมทั้งถ้วยเงินแบบมีหูซึ่งเป็นมรดกตกทอดกันมาจากพี่ชายคนแล้วคนเล่า และบ่อยครั้งเมื่อเกิดทะเลาะวิวาทขึ้นถ้วยใบนี้จะกลายเป็นอาวุธที่ใช้ขว้างใส่หัวกันด้วย

ตรงปลายโต๊ะอีกด้านหนึ่งนั้นคือที่นั่งของเรนนี่ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าครอบครัว เขาเป็นบุรุษร่างผอมสูง ศีรษะเล็ก ปกคลุมด้วยเรือนผมสีแดงเข้ม ใบหน้าค่อนข้างตอบ ดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มนั้นนอกจากจะคมปลาบแล้วยังบอกถึงความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ที่เกิดอยู่เสมอ

ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาคือเม๊ก พี่สาวคนเดียวของเขา ขณะนี้เม๊กอายุสี่สิบแล้ว แต่ด้วยเรือนร่างที่ค่อนข้างท้วมทำให้เธอดูแก่กว่าอายุมาก เธอเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้ากลม ดวงตาสีฟ้ากลมโต เรือนผมสีน้ำตาลเริ่มมีสีเทาแซมขึ้นบ้างแล้ว แต่ริมฝีปากที่ได้รับมรดกมาจากคุณปู่คือ ร้อยเอกไว้ท์โอ๊คนั้นจะดูมีความอ่อนหวานสมเป็นผู้หญิงมากกว่า

เม๊กดูจะเป็นคนเดียวที่รับประทานอาหารน้อยที่สุดคอยปรนนิบัติคนอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา คอยดูแลเอาใจใส่น้องชายคนเล็กให้อยู่ในระเบียบ ช่วยตักอาหารใส่จานให้คุณย่า ดูเหมือนเธอมีความรักมากมายที่พร้อมจะให้กับน้องชายทุกคน แต่ความรักและความริษยาในตัวเรนนี่นั้นบางครั้งก็สร้างความหวั่นไหวให้เกิดขึ้นกับเธออย่างรุนแรง

บรรดาน้องชายต่างมารดาทั้งหลายนั้นนั่งเรียงกันเป็นแถวอยู่ฟากหนึ่งของโต๊ะที่หันหน้าไปทางหน้าต่างจากเวคฟิลด์ ฟิ้นช์ซึ่งปกติแล้วที่นั่งในโต๊ะอาหารของเขามักจะว่างเสมอเพราะต้องเข้าไปเรียนหนังสือในเมือง ถัดไปคือปิแอร์ ซึ่งเค้าหน้าละม้ายแม้นร้อยเอกฟิลลิปผู้เป็นปู่มาก เพียงแต่ออกจะเป็นคนเจ้าทิฐิดื้อดึงมากกว่า คนสุดท้ายคืออีเด็น ร่างผมสูง ผิวขาว เค้าหน้าเหมือนมารดามากกว่าใคร

ฟากตรงข้ามคือที่นั่งของคุณย่ากับลุงทั้งสองคนเออร์เนสท์นั้นมีแมวชื่อซาช่าเกาะอยู่บนไหล่ตลอดเวลา ส่วนนิโคลาสก็มีสุนัขพันธ์ยอร์คเชียร์ แทร์เออร์ ชื่อนิพซุกอยู่ตรงปลายเท้า ส่วนสุนัขสองตัวของเรนนี่นั้นกระหนาบซ้ายขวาอยู่ข้างเก้าอี้

นี่คือบรรยากาศในโต๊ะอาหารของสมาชิกในตระกูลไว้ท์โอ๊ค

“อะไรล่ะที่ถูกยอมรับน่ะ” เสียงคุณย่าตะโกนถามขึ้น

“ก็บทกวีสิครับ” ลุงเออร์เนสท์ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“บทกวีของอีเด็นได้รับการยอมรับอย่างดีมากทีเดียว”

“นี่น่ะเรอะที่พวกเจ้าคุยกัน?”

“ครับ แมมม่า”

“แล้วนังคนนั้นเป็นใคร?”

“ใครเป็นใครกันครับ?”

“ก็ผู้หญิงคนที่ยอมรับบทกวีนั้นน่ะสิ”

“ไม่ใช่ผู้หญิงหรอกครับ แมมม่า ผู้จัดพิมพ์ต่างหาก”

“คุณพระช่วย” อีเด็นร้องออกมาอย่างเหลือจะทนได้ต่อไป

“ผมว่าอย่าพยายามอธิบายให้คุณย่าฟังเลยครับ”

“ต้องอธิบายให้ย่าฟัง” คุณย่าไว้ท์โอ๊คใช้ส้อมเคาะโต๊ะดังลั่น

“เอ้า...ว่ามาสิเออร์เนทส์ เรื่องมันไปยังไงมายังไงกัน?”

ลุงเออร์เนสท์รีบกลืนขนมในปาก พร้อมกับยื่นถ้วยไปทางอีเด็นเพื่อให้ช่วยรินน้ำชาเติมก่อนจะพูดต่อว่า

“คืออย่างนี้ครับ อีเด็นเคยเขียนบทกวีหลายบทแล้วก็ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือของมหาวิทยาลัย กับ...กับหนังสือรายสัปดาห์ฉบับอื่นๆ ด้วย ตอนนี้บรรณาธิการ...เอ้อ...ผู้จัดพิมพ์น่ะครับ เขาอยากจะจัดรวมเล่มขึ้น แมมม่าเข้าใจที่ผมพูดไหมครับ?”

มิสซิสไว้ท์โอ๊คพยักหน้า พวงริบบิ้นที่คาดอยู่บนหมวกสีม่วงไหวพลิ้ว

“แล้วเขาจะพิมพ์เมื่อไหร่ล่ะ? เขาจะมาเมื่อไหร่? ถ้าเขามากินน้ำชาที่นี่แม่จะได้ใส่หมวกใบสีขาวที่มีริบบิ้นอันโตๆ ผูกไว้ใบนั้นเขาจะพิมพ์มันออกมาทันเวลาน้ำชาหรือเปล่า?”

“คุณพระ...” อีเด็นร้องออกมาดังๆ

“ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลุงถึงต้องพยายามเล่าเรื่องนี้ให้คุณย่าฟังด้วย เห็นไหมครับว่าคุณย่าไม่รู้เรื่อง? ผมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันจะต้องเป็นอย่างนี้”

มิสซิสไว้ท์โอ๊คจ้องหน้าหลานชายอย่างกราดเกรี้ยวนางได้ยินในทุกคำพูดของเขา แม่ว่าวัยของนางจะชราโรยเต็มที แต่เค้าแห่งความงามก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่อย่างมาก ดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มเป็นประกายกล้า จมูกที่เป็นเส้นโค้งงามนั้นแดงก่ำราวกับคนที่กำลังเป็นหวัดอย่างแรง

“เจ้าอย่าได้บังอาจมาด่าข้านะ” นางตวาดอีเด็นเสียงดังลั่น

“นิโคลาส แกสั่งให้ไอ้เจ้านี่มันหยุดด่าแม่เสียที”

“หยุดด่าคุณย่าเดี๋ยวนี้นะ” นิโคลาสคำรามออกมา

“เม๊กกี้ ขอทาร์ทอีกหน่อยสิ”

มิสซิสไว้ท์โอ๊คดูจะพอใจอย่างยิ่งที่ลูกชายของนางทำตามคำสั่ง นางพยักยิ้มอย่างผู้ชนะเอาช้อนตักขนมตรงหน้าใส่ปากเคี้ยวเสียงดังอย่างเอร็ดอร่อย

“ถึงจะยังไงก็ตามนะ” เรนนี่เปิดฉากสนทนาต่อ

“พี่ก็ยังไม่พอใจเท่าไหร่นักหรอก ไม่เคยมีใครในครอบครัวของเราทำอะไรพรรณนี้มาก่อน”

“แต่ตอนที่บทกวีของผมถูกนำลงไปตีพิมพ์ในแม็กกาซีนผมก็เห็นพี่พอใจนี่ครับ แต่ตอนนี้พอผมจะจัดพิมพ์มันออกมา...”

“เอามันออกมา...เขาจะเอามันมาวันนี้หรือเปล่าล่ะ?” เสียงคุณย่าโหวกเหวกขึ้นมาอีก

“ถ้าเขาเอามาย่าจะได้สวมหมวกใบสีขาวที่มี...”

“แมมม่ากินขนมนี่อีกหน่อยสิครับ” นิโคลาสขัดขึ้น

“เหลืออีกนิดเดียวเท่านั้น”

ความสนใจของมิสซิสไว้ท์โอ๊คผู้ชรานั้นเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย คล้ายกับนางได้กลับไปสู่สภาพความเป็นเด็กอีกครั้ง นางรับยื่นจานออกไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น

อีเด็นภายหลังจากที่นั่งสงบอกสงบใจรอให้ลุงคนโตตักขนมให้คุณย่าเรียบร้อยแล้ว จึงได้กล่าวต่อไปด้วยสีหน้าที่เครียดขรึมว่า

“เรนนี่ ผมคิดว่าพี่คงไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นการยากแค่ไหน แต่ที่เราจะทำให้สำนักพิมพ์ยอมรับที่จะพิมพ์บทกวีของเราได้และแถมยังจัดพิมพ์ขึ้นโดยสำนักพิมพ์ในนิวยอร์คด้วยนะครับ ผมอยากจะให้พี่ได้ยินที่พวกเพื่อนๆ ผมเขาพูดกันเหลือเกิน ทุกคนเขาดีใจ เขาชื่นชมกันทั้งนั้นที่ผมประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุขนาดนี้น่ะ”

“แต่เรื่องที่มันสำคัญกว่านั้นยังมีนะ” เรนนี่ตอบด้วยน้ำเสียงเผ็ดร้อน

“ก็เรื่องที่แกจะต้องสอบไล่ให้ผ่านด้วยไงล่ะ ทุกครั้งที่พี่คิดถึงเงินที่ต้องสูญเปล่าเพราะการส่งเสียให้แกได้ร่ำเรียน...”

“สูญเปล่างั้นเหรอครับ ก็ถ้าผมไม่ได้รับการศึกษาดีถึงขนาดนั้นแล้วผมจะเขียนบทกวีนี้ได้ยังไงกันล่ะครับ?”

“แกมันเก่งนักในเรื่องการบิดเบือนคำพูด” เรนนี่พูดอย่างไม่พอใจ

“ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าแกจะใช้มันเป็นเครื่องมือทำมาหากินได้งั้นรึ?”

“ก็ต้องให้เวลาผมหน่อยซีครับ อีกประการหนึ่งเวลานี้ผมก็ยังไม่ได้ส่งต้นฉบับไปให้ผู้จัดพิมพ์เลยเพราะฉะนั้นผมก็ยังบอกไม่ได้หรอกครับว่าอะไรมันจะเป็นอะไรถ้าพี่...ผมหมายรวมถึงทุกคนในบ้านนี้พอใจในสิ่งที่ผมได้ทำลงไปแล้ว...”

“พี่พอใจจ้ะ อีเด็น” เม๊กเอ่ยขึ้นทันที

“พี่คิดว่าเธอฉลาดมาก มีสติปัญญาเลอเลิศทีเดียว ก็อย่างที่เธอพูดนั่นแหละมันอาจจะนำเธอไปสู่...ที่ไหนสักแห่งหนึ่งได้”

“ครับ มันอาจทำให้ผมได้มีโอกาสไปอยู่นิวยอร์คถ้าผมคิดจะยึดอาชีพเขียนหนังสือขายจริงๆ” อีเด็นตอบสีหน้าดีขึ้นมาก

“เพราะมันเป็นธรรมดาครับ นักเขียนควรจะได้อยู่ใกล้ๆ สำนักพิมพ์”

“ผมว่านี่ก็ใกล้จะค่ำอยู่แล้วนะ” ปิแอร์น้องชายคนถัดจากเขาเอ่ยขึ้น

“ใครคนหนึ่งควรจะไปหว่านปุ๋ยได้แล้ว งานของใครคนหนึ่งอาจจะเป็นงานชั้นต่ำงานของคนที่มีความเสียใจที่ตัวเองไม่ได้เป็นกวี”

อีเด็นจับน้ำเสียงประชดประชันของน้องชายได้ แต่กระนั้นก็ยังอดตอบโต้ออกไปมิได้ว่า

“ปากแกนี่มันเหม็นเหมือนงานที่แกทำเลยนะปิแอร์”

เวคฟิลด์โน้มร่างเข้าไปหาปิแอร์ พร้อมกับร้องออกมาว่า

“เออ...จริง ผมได้กลิ่นจริงๆ ด้วย กลิ่นจากคอกสัตว์นี่แรงจังเลยนะฮะ”

“ถ้าอย่างนั้นแกก็เปลี่ยนที่นั่งกับพี่สิ” อีเด็นร้องรับ

“ได้กลิ่นทีไรมันกินอะไรไม่ลงสักที”

เวคฟิลด์กระโดดลงจากเก้าอี้ เต็มใจอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนที่นั่งกับพี่ชาย แต่ถูกพี่สาวจับตัวไว้

“นั่งที่เดิมนั่นแหละเวค แกก็รู้ไม่ใช่รึว่าถ้าไปนั่งใกล้ปิแอร์เดี๋ยวก็โดนแกล้งแย่ไปเท่านั้น สำหรับเรื่องการไปนิวยอร์คของเธอน่ะอีเด็นเธอย่อมจะต้องรู้ว่าพี่รู้สึกดีใจกับเธอมากแค่ไหน”

ความเป็นคนใจอ่อนของเม๊กทำให้หยาดน้ำใสๆ ขึ้นมาคลอหน่วยอยู่ในดวงตา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel