บทที่8
สมาชิกทุกคนลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้ว และเดินไปเป็นกลุ่มตรงไปยังประตูห้อง กลุ่มแรกนั้นคือมิสซิสไว้ท์โอ๊คที่มีลูกชายประคับประคองอยู่ข้างละคน พร้อมด้วยสุนัขและแมวที่ไม่ยอมห่างจากเจ้าของและเดินช้าๆ ไปตามทางเดินที่ปูลาดด้วยพรมสีแดงสู่ห้องของคุณย่า ส่วนเรนนี่ ปิแอร์ และเวคฟิลด์เดินไปยังประตูที่เปิดออกสู่ด้านหลัง เด็กชายพยายามจะกระโดดขึ้นขี่หลังปิแอร์ที่กำลังจุดบุหรี่สูบอยู่ ส่วนเม๊กกับอีเด็นนั้นหายตัวเข้าไปในห้องสมุด
ในเวลาเดียวกันนั้นคนรับใช้ชายชื่อ จอห์น วแร๊กก์ ซึ่งทุกคนในบ้านเรียกเขาว่า “แร๊ก”ก็เข้ามาเก็บโต๊ะ เอาจานที่ใช้แล้วเรียงซ้อนกันเป็นตั้งใส่ลงในถาดใบใหญ่สีดำลายกุหลาบแดงเพื่อที่จะยกลงไปยังห้องครัว แร๊กกับภรรยามีที่อยู่ในห้องชั้นใต้ดินนั้น นางมีหน้าที่ในการทำอาหาร ส่วนเขาก็จะเป็นคนยกถาดอาหารขึ้นไปตามบันไดที่ค่อนข้างชันเพื่อเสิร์ฟให้กับเจ้านายทุกคน และยังรับหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน เช็ดถูประตูหน้าต่าง และคอยอยู่ช่วยภรรยาในทุกเรื่องที่จำเป็น แต่กระนั้นก็ยังได้รับการต่อว่าอยู่เสมอว่าเขาพยายามจะผลักภาระต่างๆ มาให้นาง แม้แร๊กจะยืนยันว่าทุกวันนี้เขาต้องทำงานทั้งในหน้าที่ของตนเองและของนางแล้วก็ตาม
ดังนั้นบรรยากาศในห้องใต้ดินนี้มักจะระงมด้วยเสียงทะเลาะวิวาทอยู่เสมอ และในบางครั้งก็แถมด้วยการขว้างปารองเท้าบ้าง แตงกวาบ้าง เข้าใส่กันเหมือนลูกบอมบ์ แต่เคหาสน์จาลน่านั้นได้รับการออกแบบสร้างมาอย่างดี เสียงทั้งหลายแหล่เหล่านี้จึงมิได้หลุดรอดขึ้นไปถึงชั้นบนเลย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าทั้งสองสามีภรรยาสามารถทะเลาะกันได้อย่างเต็มที่ แต่พอถึงตอนกลางคืนทั้งคู่ก็จะจู๋จี๋กันอย่างมีความสุขสดชื่น
แร๊กนั้นมีหน้าตาเหมือนพวกค๊อกนี่ จมูกโด่ง แต่ก็งองุ้มเหมือนก้านไปป์ ตอนที่เรนนี่ ปิแอร์กับเวคฟิลด์เดินมาถึงนั้น เขากำลังยืนอยู่ตรงหัวบันไดที่จะลงไปสู่ชั้นล่าง เวคฟิลด์รออยู่จนกระทั่งเมื่อพี่ชายทั้งสองคนเดินคล้อยหลังไปแล้วจึงได้กระโจนขึ้นเกาะหลังแร๊ก ราวกับเขาเป็นต้นไม้และเกือบจะทำให้ทั้งคนทั้งถาดตกบันไดลงไปพร้อมกัน
“โอ๊ย” เสียงแร๊กร้องออกมาด้วยความตกใจ
“อย่าทำอย่างนี้อีกนะ ชอบทำอย่างนี้เรื่อยเลย เห็นไหมว่าคุณหนูเกือบทำให้ผมตกลงไปแล้ว แหม...ซนจริงๆ เห็นใจผมบ้างสิครับ...ช่วยผมด้วยสิครับคุณไว้ท์โอ๊ค”
ปิแอร์ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดกระชากร่างน้องชายลงมาจากหลังแร๊ก ขณะเดียวกันก็อดหัวเราะด้วยความขบขันไม่ได้แต่เรนนี่มิได้เห็นขันด้วย
“เห็นจะต้องฟาดก้นเสียบ้างแล้ว” เขาพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“จริงอย่างที่แร๊กว่า เวค...แกนี่ชอบแกล้งเขาเสียจริงๆ เชียวนะ”
“เดี๋ยวผมจะจับมันยืนห้อยหัว” ปิแอร์บอก
“อย่า...อย่าทำอย่างนั้นนะฮะ ผมยิ่งหัวใจไม่ดีอยู่”
แต่ปิแอร์ไม่ฟังเสียง เขาจับขาน้องชายไว้แน่นและให้ห้อยหัวอยู่เช่นนั้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้กล่องหมากฝรั่งร่วงลงมาจากกระเป๋าของเวคฟิลด์
“ให้มันยืนตามเดิม” เรนนี่สั่ง
“แล้วนี่อะไร?” เขาคว้ากล่องสีชมพูขึ้นมาถือไว้ พิจารณาอย่างสงสัย
“หมากฝรั่งฮะ” เวคฟิลด์ตอบเสียงอ่อน
“มิสซิสบรอนว์ให้ผมมา ผมเกรงใจไม่กล้าบอกเขาว่าผมไม่ได้รับอนุญาตให้เคี้ยวหมากฝรั่งฮะ ผมคิดว่าไม่ควรทำให้เขาเสียใจที่บอกอย่างนั้น เพราะผมยังเป็นหนี้เขาอยู่ แต่ดูสิฮะ เรนนี่...” ดวงตากลมโตคู่นั้นมองหน้าที่ชายอย่างอ้อนวอน
“ดูสิฮะว่าผมยังไม่ได้เปิดกล่องออกเลย”
“เอาละ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยแกไป” เรนนี่ขว้างกล่องหมากฝรั่งทิ้งไปตามบันได
“แร๊ก เอาไปโยนทิ้งด้วยนะ”
แร๊กหยิบกล่องหมากฝรั่งขึ้นมาพิจารณา ก่อนที่จะต้องตอบขึ้นมาว่า
“โอ...อย่าเลยครับ คุณไว้ท์โอ๊ค ผมเอาไปให้เมียดีกว่า หอมกลิ่นวานิลลาดีเสียด้วย เขาชอบนักละครับ ถ้าได้เคี้ยวหมากฝรั่งดีๆ อย่างนี้อารมณ์ของเขาจะได้ดีขึ้นไงครับ”
“แกเป็นหนี้มิสซิสบรอนว์อยู่เท่าไหร่?” เรนนี่หันไปถามเวคฟิลด์
“สิบแปดเซ็นต์ครับพี่เรนนี่ แต่ถ้าพี่คิดว่าผมควรจะจ่ายค่าหมากฝรั่งนี้ด้วย ทั้งหมดก็เป็นยี่สิบแปดเซ็นต์ครับ”
เรนนี่ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบเหรียญเงินออกมาส่งให้
“เอ้า...เอาเงินนี่ไปให้มิสซิสบรอนว์เสีย แล้วก็อย่าไปก่อหนี้ขึ้นมาอีกล่ะ”
ขณะนั้นคุณย่าเดินมาถึงหน้าประตูห้องส่วนตัวของนางแล้ว แต่ได้ยินเสียงเหมือนมีใครทะเลาะกันอยู่ ทำให้นางเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา นางคว้าไม้เท้าที่ทำจากไม้มะเกลือขึ้นมาถือไว้ เดินตรงไปยังที่ซึ่งหลานชายทั้งสามกำลังยืนอยู่ทันที
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” นางถามเสียงกร้าว
“ไอ้เจ้านี่มันไปทำอะไรมา ปิแอร์?”
“กระโดดเกาะหลังแร๊กครับคุณย่า เกือบจะทำให้แร๊กตกบันไดแล้ว เรนนี่บอกว่าถ้าคราวหน้าทำอย่างนี้อีกละก็จะต้องถูกตี คราวนี้เขายอมยกโทษให้ครั้งหนึ่งก่อน”
ใบหน้าของนางแดงก่ำขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ท่าทางเหมือนนกแก้วดุๆ ไม่มีผิด
“เรื่องอะไรปล่อยมันไว้” คุณย่าร้องเสียงแหลม
“เดี๋ยวนี้มันเอาใหญ่แล้วรู้ไหม? เอ้า...ฟาดมันเสียบ้าง ได้ยินที่ย่าพูดรึเปล่า เรนนี่? ฟาดมันเลย ย่าอยากจะดู...เอาสิ...เอาไม้เท้านี่ไป แล้วก็ฟาดมันให้เต็มที่เลย”
เวคฟิลด์ถลาเข้าไปกอดเรนนี่ไว้ ร้องออกมาด้วยความตกใจกลัว
“อย่าเฆี่ยนผมเลยนะฮะ เรนนี่” เกชายอ้อนวอน
“มา...ข้าจะฟาดมันเอง” คุณย่าร้องเสียงแหลม
“ข้าเคยตีลูกมาตั้งหลายคนแล้ว ทั้งนิโคลาส เออร์เนสท์ เพราะฉะนั้นตอนนี้จะต้องเฆี่ยนไอ้เด็กจรจัดนี่เสียหน่อย มานี่...” มิสซิสไว้ท์โอ๊คต้องการอย่างยิ่งที่จะแสดงอำนาจของนางออกมา
“เอาละครับ...เอาละ แมมม่า” ลุงเออร์เนสท์ขัดขึ้น
“ตื่นเต้นมากๆ อย่างนี้ไม่ดีนะครับ มา...เราไปกินลูกอมเป๊ปเปอร์มิ้นท์กันดีกว่า หรือเซอร์รี่สักแก้วก็ยังดี” เขาค่อยๆ ประคับประคองมารดาให้หันหลังกลับอย่างอ่อนโยน
“ไม่เอา...ไม่เอา...ไม่เอา” คุณย่าร้องเอะอะและทั้งเจ้านิพกับนางซาช่าก็ทั้งเห่าทั้งร้องกันดังขรมไปหมด
เรนนี่ยุติเรื่องนี้ด้วยการคว้าแขนน้องชายพาเดินไปยังทางเดินด้านข้าง ปิดประตูตามหลังลงด้วยเสียงอันดัง เวคฟิลด์ได้แต่ยืนจ้องหน้าพี่ชาย ท่าทางของหนุ่มน้อยยามนี้เหมือนนกโรบินตัวเล็กที่ถูกเหวี่ยงลงมาจากรังด้วยพายุอันแรงกล้า เต็มไปด้วยความแปลกใจอย่างที่สุดแต่ก็มีความสนใจต่อโลกที่เพิ่งค้นพบด้วยตนเอง
“เอ้า...เรียบร้อยแล้ว” เรนนี่เอ่ยขึ้น ควักบุหรี่ออกมาจุดสูบ
เวคฟิลด์จ้องหน้าพี่ชายคนโตด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำ มองดูมือคู่สีน้ำตาลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง มองศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีแดง มองใบหน้ายาวๆ แก้มตอบๆ นั้น แล้วก็บอกตัวเองว่า...เขารักพี่ชายคนนี้เหลือเกินเวคฟิลด์ปรารถนาในความรักความเห็นใจจากเรนนี่มากกว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้แน่นอน เขาจะต้องทำให้เรนนี่บังเกิดความสนใจในตัวเองขึ้นมาให้ได้ ต้องทำให้เรนนี่รู้สึกเมตตาเขาให้มากที่สุด
เด็กชายจึงหลับตาลง ท่องประโยคอันศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถจะเรียกน้ำตาให้เอ่อขึ้นในดวงตาขึ้นมาได้เสมอหลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึกว่าน้ำอุ่นๆ เอ่อท้นขึ้นในดวงตาเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งหยาดน้ำใสๆ นั้นก็พรากลงมาตามแก้ม
“อะไรกัน?” เรนนี่ถามเสียงเครียด
“ย่าทำให้แกตกใจกลัวมากนักหรือ?”
“มะ...ไม่...เอ้อ...นิดหน่อยครับ”
“โธ่เอ๊ย...ไอ้ตัวเล็ก” เรนนี่โอบไหล่เวคฟิลด์รั้งร่างเข้ามากอดไว้
“ฟังนะ พี่ว่าแกไม่ควรจะร้องไห้ง่ายๆ อย่างนี้หรอก วันนี้พี่เห็นแกร้องสองครั้งแล้วนะ ถ้าแกขืนยังเอาแต่ร้องไห้อย่างนี้แกจะไปสู้กับใครเขาเวลาไปโรงเรียนได้ล่ะ?”
เวคฟิลด์บิดกระดุมเสื้อคลุมของเรนนี่เล่นดู
“ผมขอลูกหินคืน แล้วขออีกสักสิบเซ็นต์ได้ไหมฮะ?” เด็กชายทำเสียงอ้อน
“เพราะผมต้องใช้หนี้มิสซิสบรอนว์ตั้งยี่สิบแปดเซ็นต์แล้ว และผมก็อยากกินน้ำมะนาวสักขวดด้วย”
เรนนี่ส่งเงินสิบเซ็นต์กับลูกหินให้น้องชายแต่โดยดี