ตอนที่ : 6 กาแฟรสชาติคาปูชิโน 2
“ค่ะ แบบว่าถ้าอยากจะ...กับใครสักคน คาปูก็อยากจะทำกับคนที่เราชื่นชอบ แม้ว่ามัน...เอ่อ...จะต้องแลกมาด้วยเงิน” รอยยิ้มกึ่งขำกึ่งอยากจะร้องไห้ของชามาวีร์ทำเอาเกื้อรัฐกระตุกมุมปากขึ้นมาอย่างหยันๆ
“เป็นแค่พนักงานในบริษัทของเพื่อนของฉัน กล้าดียังไงมาบอกว่าชอบฉัน”
คนที่ก้มหน้าด้วยความอับอายถึงกับเงยขึ้นมองเขาอย่างงุนงง ครั้นสบสายตากับเขาเข้าก็เป็นอันต้องรีบก้มหน้าลงดังเดิม น้ำตามันไหลออกมาเอ่อเบ้าตาอย่างช่วยไม่ได้จากคำพูดของเขาเมื่อครู่
“มาสิ ฉันพร้อมแล้ว”
คนพูดเอนหลังพิงโซฟาอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แต่คนฟังกำลังรู้สึกเจ็บปวดต่อสิ่งที่ตัวเองเลือกทำอยู่ ชามาวีร์กลับรู้สึกหนาวยะเยือกในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หนังสือและวีซีดีเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ศึกษามาอย่างแจ่มแจ้งกลับไม่อยู่ในหัวของเธอเลยสักนิด เขยิบเข้าไปนั่งชิดบนโซฟาตัวเดียวกับเกื้อรัฐอย่างคนไร้วิญญาณ ฝ่ามือหนารวบเอวคอดในชุดทำงานของหญิงสาวเอาไว้แนบอก ก่อนจะบดริมฝีปากลงยังเรียวปากอิ่มของอีกฝ่าย ความหวานฉ่ำที่ได้ลิ้มลองนั้นแสนจะนุ่มลิ้น รสชาติกลมกล่อมจนต้องละเลียดชิมต่อเนื่องอย่างไม่รู้เบื่อ เขาตักตวงความหอมหวานบนเรียวปากฉ่ำจนหนำใจแล้วจึงผละออกห่าง แล้วเอ่ยคำพูดที่ไม่คิดจะปราณีหัวใจของคนฟังเลยแม้แต่น้อย
“อย่าได้ริมาชอบหรือรักฉันเด็ดขาดคาปู เธอเป็นคนขาย ส่วนฉันก็แค่คนซื้อ”
เหมือนคมมีดที่กรีดลงตรงหัวใจของชามาวีร์ ยามเมื่อเขาเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกมา หญิงสาวทำได้เพียงพยักหน้าลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ กระดุมด้านหน้าของเสื้อถูกแกะออกทีละเม็ดอย่างชำนาญ ชามาวีร์ได้แต่มองตามนิ้วมือหนาที่ยุ่มย่ามกับเสื้อของตัวเอง สายตาละห้อยคล้ายจะเสียดายบางสิ่งบางอย่างแต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจได้ พยายามนึกหาเหตุผลมาสนับสนุนการกระทำของตัวเองในตอนนี้
‘เพื่อพ่อท่องเอาไว้ยัยคาปู’
เพราะมัวแต่ท่องคำว่าเพื่อพ่อ หญิงสาวจึงไม่รู้ว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอหลุดออกจากร่างไปกองอยู่ที่พื้นตั้งแต่เมื่อไร
“อา...” เสียงร้องแปลกประหลาดดังขึ้นเมื่อฝ่ามือหนาอุ่นวางแหมะลงบนเต้างามภายใต้บราเซียร์สีชมพูทั้งสองข้าง ราวกับกำลังวัดขนาดของมันว่าเหมาะกับฝ่ามือของตัวเองหรือเปล่า สีหน้างุนงงของชามาวีร์ทำให้มุมปากด้านหนึ่งของเกื้อรัฐกระตุกขึ้น ก่อนจะเอื้อมฝ่ามือไปด้านหลังแล้วปลดตะขอออก
“โอ...” ชามาวีร์อ้าปากกว้างอีกครั้งด้วยความตกใจ จ้องมองใบหน้าของเขาด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ไม่กล้าแม้แต่จะก้มลงมองดูสภาพของตัวเองในขณะนี้ เกื้อรัฐนึกขำในท่าทีของหญิงสาวอยู่ไม่น้อย แต่พอเหลือบมองไปเห็นความเต่งตึงของดอกบัวคู่งาม ลมหายใจของเขาแทบจะสะดุด ฝ่ามือหนายื่นออกไปด้วยความสั่นระริก เหลือบขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา ชามาวีร์เองก็ลุ้นไม่ได้แตกต่างไปจากเขา หญิงสาวแทบจะกลั้นลมหายใจเมื่อรอคอยเวลาที่เขาสัมผัสด้านหน้าของตัวเอง ท้ายที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจยึดข้อมือของเขาเอาไว้แน่น เกื้อรัฐนิ่วหน้าเมื่อฝ่ามือของเขาหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ไปแตะสัมผัสดอกบัวคู่งามตรงหน้า ครั้นก้มลงไปมองก็พบว่าข้อมือของเขาถูกหญิงสาวรวบเอาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมองชามาวีร์แล้วถามทางสายตาว่าทำไม
“ขอเวลาทำใจก่อนได้ไหมคะ”
“ยัยบ้า!” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย ผลักร่างของชามาวีร์นอนราบไปกับโซฟา จากนั้นก็เอนตัวทาบทับลงไปอย่างแนบสนิท บดริมฝีปากรุกรานอย่างเรียกร้องแกมกระหาย ฝ่ามือร้อนวางทาบลงบนทรวงอกอวบหยุ่นข้างหนึ่งก่อนจะออกแรงเคล้นคลึงไปมาอย่างนุ่มมือ
“อื้อ!” เสียงประท้วงคล้ายคนหายใจไม่ออกทำให้เกื้อรัฐผ่อนแรงของตัวเองลง ให้อากาศได้ผ่านเข้าสู่ปอดของทั้งคู่ได้
“ให้เวลาหายใจหนึ่งนาที”
เขาล้ออย่างชอบใจ ไล้นิ้วชี้ไปมาบนริมฝีปากฉ่ำจากรสจูบของตัวเอง นิ้วมือเคลื่อนผ่านจากมุมปากอีกข้างไปยังอีกฝั่งอย่างเชื่องช้า ลิ้นเรียวเล็กของชามาวีร์แลบออกมาแตะปลายนิ้วของเขาแผ่วเบาโดยไม่รู้ตัว ทำให้อีกคนถึงกับทนไม่ได้ต้องก้มลงไปฉกจูบอีกครั้ง คราวนี้ทั้งเรียกร้องทั้งเอาแต่ใจ ราวกับว่าเขาได้ค้นพบน้ำหวานรสชาติชื่นใจจนต้องดูดกลืนกินให้ฉ่ำอุรา
“เอ่อ...คุณเกื้อคะ” ชามาวีร์ผลักใบหน้าของเขาออกห่างเมื่อรู้สึกวาบหวิวเกินจะทานทน ขืนถูกจูบจนแทบจะกลืนกินวิญญาณกันแบบนี้ สงสัยได้เป็นลมล้มพับให้อับอายเป็นแน่
“หือ...มีอะไร” เขาตอบอู้อี้ขณะที่เคลื่อนใบหน้าสากลงชื่นชมยอดบัวงามด้านล่าง
“โอ๊ย! แบบนี้...ไม่ไหวมั้งคะ”
คำพูดขาดห้วงของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มชะงัก เกื้อรัฐเงยหน้าขึ้นมองสบคนที่ดวงหน้าแดงก่ำไปทั่วอย่างชั่งใจ
“ไหนว่าเก่งเรื่องนี้ไง” เขาย้อนถามแบบยิ้มๆ ทั้งที่พอจะเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ค่ะ...เก่ง...มาก”
ไม่รู้ว่าประชดตัวเองหรืออารมณ์มันพาไป หญิงสาวจึงตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทาออกมา เมื่อฝ่ามือหนาคลึงหน้าอกทั้งสองข้างอย่างเมามันจนทั้งร่างสะท้านเยือกไปมา ชายหนุ่มจ้องมองคนที่กล้าพูดออกมาได้ว่าตัวเองเก่งมากทั้งที่ไม่ประสาอะไรสักอย่าง แค่โดนเล้าโลมนิดหน่อยก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟได้เพียงนี้ ช่างกล้า...หน้าไม่อายจริงๆ ด้านชามาวีร์นั้นแม้ว่าอารมณ์จะเตลิดไปตามแรงกระตุ้นเร้าของเขา แต่ว่าหญิงสาวก็ยังฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“เดี๋ยวค่ะ!” ชามาวีร์รีบร้องห้ามเขา
“มีอะไร” คนถูกขัดใจถึงกับถามออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนไม่สบอารมณ์
“เช็คเงินสดล่ะคะ”
“ยัย...หน้าเลือด ฉันไม่เบี้ยวเธอหรอก”
“ไม่ได้ค่ะ คุณเกื้อต้องเซ็นเช็คให้คาปูก่อน” หญิงสาวต่อรอง พยายามกระถดร่างถอยห่างไม่ให้เขาได้แตะต้องเนื้อตัวของเธอ
“เออ! จ่ายก่อนก็ได้วะ”
เขาลุกขึ้นอย่างคนอารมณ์ค้าง เดินตรงไปหยิบเช็คเงินสดออกจากลิ้นชักแล้วกรอกตัวเลขลวกๆ ลงไปบนนั้น ก่อนจะนำไปให้แก่หญิงสาว ปรายหางตาไปมองคนที่อยู่ในสภาพเปลือยด้านบน มีก็เพียงแต่กระโปรงตัวสอบที่ยังไม่ได้ถอดออกจากด้านล่าง และทันทีที่ได้รับเช็คเงินสด ชามาวีร์ก็รีบจัดการตรวจตราดูจำนวนและความเรียบร้อยของเช็ค ลืมกระทั่งว่าตัวเองนั้นเปลือยอกอยู่ ส่วนเกื้อรัฐนั้นถึงกับส่ายหน้าไปมาอย่างระอา แต่ก็ยังจ้องมองดูสองเต้าเต่งตึงของอีกคนอย่างไม่วางตา
“นี่ดูพอหรือยัง ทำงานของเธอได้แล้ว”
เสียงของเขาทำให้ชามาวีร์ถึงกับรีบนำเช็คไปเก็บในกระเป๋าสะพายของตัวเอง ครั้นจะเดินกลับไปหาเขาอีกครั้ง ความรู้สึกโล่งเย็นจากลมที่ผ่านมาปะทะร่าง ก็ทำให้หญิงสาวรีบก้มมองดูหน้าอกของตัวเองทันที ชามาวีร์ถึงกับกับสะดุ้งโหยงในสภาพอันล่อแหลมของตัวเธอ ฝ่ามือบางทั้งสองข้างรีบยกขึ้นปิดทรวงงามเอาไว้ด้วยความตกใจ
‘นี่เธอเห็นแก่เงินจนลืมว่าตัวเองโป๊อยู่อย่างนั้นเลยหรือ’ คิดได้อย่างนั้นก็รีบวิ่งไปเก็บเช็คแล้วค่อยเดินกลับไปหาเขาอีกรอบ เสื้อเชิ้ตบนพื้นถูกหยิบขึ้นมาปิดเนินอกสล้างเอาไว้ด้วยความอับอาย
“จะปิดทำไม” เขาดุเสียงเรียบ แกะมือของหญิงสาวออกพัลวัน นัยน์ตาคมลุกวาวมองดูความงามชูชันตรงหน้าอย่างพึงพอใจ จ้องมองเขม็งจนคนถูกมองรู้สึกตัวสั่นด้วยความเขินอาย เพียงแค่นั้นหญิงสาวก็ยกฝ่ามือขึ้นปิดตาทั้งสองข้างของเขาเอาไว้