บทที่ 4 ฉลองได้งานใหม่
“จาลูก เกรงใจคุณวิชาหน่อยสิคะ” คุณย่าเสียงอ่อนยิ้มแห้ง มองแขกที่มาหาอย่างเกรงใจ เมื่อสิ่งที่ท่านคุยกับแขกก่อนหน้าไม่เป็นไปหลังจากที่เจ้าตัวมาถึง
“แล้วทำแบบนี้คุณย่าเกรงใจผมหรือยังครับ ถึงจะให้ผมเกรงใจคนอื่น”
“แต่หลานคุณวิชาเขาเหมาะกับพี่จานะคะลูก การศึกษาก็ดี มารยาทดี ฐานะ ตระกูลดีครบ สมัยนี้ผู้หญิงดี ๆ ครบขนาดนี้หาแทบไม่ได้แล้วนะคะ ลูกลองให้โอกาสน้องลองมาทำงานใกล้ชิดกันดูก่อนนะคะ” คุณย่ายังไม่วายเชียร์หลานสาวคนรู้จักให้หลานชาย ซึ่งคนฟังก็ได้แต่ถอนหายใจกับความวุ่นวายที่มองเห็นลาง ๆ นี้
“ครบขนาดนั้นวันนี้เขาไม่ได้มาสัมภาษณ์หรอกครับ วันนี้คนมาสัมภาษณ์ 3 คนจบ ป.ตรี ในไทยทั้งหมด” ชายหนุ่มสวนขึ้นทำเอาคุณวิชาหน้าเจื่อนไปทันทีเพราะเมื่อครู่เพิ่งบอกกับคุณหญิงว่าส่งหลานสาวไปเรียนเมืองนอกเพิ่งกลับมา แต่ไม่ได้บอกว่าไปเรียนแค่ภาษาเท่านั้น
“คุณหญิงครับผมว่าผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ แล้วเรื่องนัดทานข้าวของเราคง...”
“นัดทานข้าวกับคุณย่าได้ แต่อย่านัดผม อย่าเทียบเชิญหรือเมลมารบกวนเลขาผม ผมไม่อยากเสียมารยาทกับผู้ใหญ่บ่อย ๆ สวัสดีครับ” ชายหนุ่มสวนขึ้นด้วยภาษาไทยที่คิดว่าสุภาพที่สุดแล้วกับผู้ใหญ่ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงยกมือไหว้แขกของคุณย่าแกน ๆ อีกครั้ง
“จากัวร์ลูก ทำไมลูกพูดกับแขกของย่าแบบนั้นคะ” คุณย่าดุหลานชายเสียงขุ่นเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ไว้หน้าท่านต่อหน้าแขกที่มาเอาซะเลย
“ภาษาไทยผมยังไม่สุภาพหรือครับ ผมคิดนานมากเลยนะกว่าจะได้คำยาวขนาดนั้น แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูอาโรมหรือคุณพ่อจะเป็นยังไงคุณย่าคงรู้นะครับ” ว่าพรางหยิบแว่นตาออกจากกระเป๋าเสื้อมาสวมทำท่าจะเดินออกจากบ้าน
“แล้วพี่จะไปไหนลูก ไม่อยู่ทานข้าวเที่ยงกับย่าก่อนหรือไง” คุณย่าร้องตามหลานชายลั่นบ้าน
“ไปเอายาที่โรงพยาบาลมาให้ไงครับวันหลังนัดหมอก็ไปโรงพยาบาลนะไม่ใช่มาเล่นอะไรไร้สาระให้เสียเวลากันหมดแบบนี้ เมื่อเช้าผมเพิ่งกลับจากตุรกีคืนนี้ผมต้องไปดูงานแทนคุณพ่อที่จีน ไม่คิดจะให้ผมได้พักได้นอนหน่อยหรือไง ทีหลังถ้าจะเรียกผมทานข้าวเที่ยง ผมมาถึงตั้งนานก็บอกแม่บ้านของคุณย่าหาน้ำมาให้ผมแดกด้วยครับ” ชายหนุ่มร่ายยาวจนคุณย่าสะดุ้งในประโยคท้าย ถึงเวลาในไทยไม่กี่ชั่วโมงของตัวเองแล้วเดินออกไปที่โรงจอดรถเรียกหากุญแจมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของตัวเองขับออกจากบ้านคุณย่าไปแบบเซ็ง ๆ “เรียกกลับมาใช้งานของจริงเลยอากูเนี่ย แล้วพากันบ่นว่ากูไม่เข้าบ้าน ทำยังกับกูว่างมากมั้ง ฟันก็ปวด ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้แดกจะชวนกินข้าวเที่ยง ว่างหาแม่พันธุ์ให้กูซะเหลือเกินนะย่าเนี่ย ทำไมไม่หาเวลานอนให้นอนบ้างวะ แม่ง!” รองประธานหนุ่มบ่นอย่างหัวเสียในขณะที่ขับรถออกไปโรงพยาบาล
...........//..........
Madmhee part
หอพักบ้านร่มเย็น
หญิงสาวรีบวิ่งขึ้นตึกอย่างดีใจกับข่าวดีข่าวใหญ่ของตัวเอง รีบเปิดประตูเข้าห้องดึงแขนเพื่อนที่กำลังหลับอยู่ให้ลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นเต้น
“ตื่น... หยาดพิรุณตื่น!” ว่าพรางจับเพื่อนเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
“โอ๊ย! อะไรของมึงเนี่ย กูเพิ่งเตรียมของเสร็จเพิ่งได้นอนเมื่อกี๊เองนะ” น้ำฝนโวยวายกับการรบกวนการนอนของเพื่อนสาว ซึ่งถ้าเป็นวันปกติพวกเธอจะตื่นมาพร้อมกันไปตลาดซื้อผลไม้กับวัตถุดิบมาช่วยกันจัดเตรียมเพื่อที่จะนำไปปั่นขายที่ตลาดเย็นเสร็จแล้วถึงจะพากันกินข้าวและนอนพักเอาแรงอีกรอบ ก่อนจะออกไปตั้งร้านช่วงบ่าย แต่วันนี้เธอต้องทำคนเดียวซึ่งกว่าจะเสร็จก็เลยเที่ยงไปแล้ว
“วันนี้ไม่ขายค่ะ กูจะเลี้ยงบุฟเฟต์ที่ห้างด้วยนะ” หญิงสาวบอกกับเพื่อนพรางชูคูปองที่เธอได้รับจากสะพานลอยตอนกลับให้เพื่อนดู
“หมายความว่าไง” คนง่วงหงายหลังลงนอนอีกรอบ
“ก็ฉลองงานใหม่กูไง กูได้งานแล้วนะ วันนี้เราต้องไปซื้อชุดทำงานกันค่ะเพื่อน กูขอตังค์อ้าย(พี่ชาย)หม่อนมาแล้วด้วย ให้มาตั้งห้าพันเลยนะมึง” หญิงสาวบอกเพื่อนอย่างร่าเริง ซึ่งได้ผลคนง่วงเมื่อครู่ตาสว่างขึ้นมาทันทีกับคำว่าเพื่อนได้งาน บุฟเฟต์ และเพื่อนขอตังค์อ้ายได้ ซึ่งอ้ายหม่อนที่ว่านั้นคือพี่ชายคนรองของมัดหมี่ขึ้นชื่อเรื่องความงกสุดกว่าจะขอค่าขนมเพิ่มได้แต่ละครั้งต้องหาเหตุผลแทบจะต้องเขียนรายงานค่าใช้จ่ายแสดง ไม่เหมือนอ้ายหมอก พี่ชายคนโตของเธอที่ไม่ว่าน้องเอ่ยเมื่อไหร่จะรีบโอนมาให้ทันทีเพราะรู้ว่าน้องไม่มีงานและอยู่กับเพื่อน
“จริงดิ!” “จริงเว้ย หัวหน้าฝ่ายบุคคลโทรมาบอกให้เริ่มงานพรุ่งนี้เลย กูถามมาแล้วด้วยว่าใส่คัทชูได้ ใส่กางเกงได้แค่ให้สุภาพเจ้านายที่นี่เน้นสะดวก หัวสมัยใหม่ไม่จุกจิก ชุดเดิม ๆ ที่เราฝึกงานยังอยู่กูใช้ได้หมดเลยเว้ย แต่พรุ่งนี้ทำงานวันแรกไงเลยขอตังค์อ้ายหม่อนซื้อเสื้อใหม่ใส่เอาฤกษ์เอาชัยซะหน่อย ว่าจะขออ้ายหมอกซื้อรองเท้าด้วยแต่เดี๋ยวไปถึงห้างก่อนค่อยโทร ถ้าอ้ายออกเวรแล้วเผื่ออ้ายจะมาเลี้ยงด้วย” หญิงสาวร่ายยาวตอบเพื่อนแล้วยิ้มใส่หน้าจนตาหยี ตอนฝึกงานพวกเธอฝึกที่บริษัทของคนต่างชาติเขาไม่ให้ใส่ชุดนักศึกษาฝึกต้องใส่ชุดทำงานเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไปเลยมีชุดทำงานหลายชุดและมันก็ยังไม่เก่าจนใส่ไม่ได้ ซึ่งก็ถือเป็นความประหยัดไปได้อีกมาก
“ของกูก็เยอะเราไซส์เดียวกัน คืนนี้ขนออกมาดูว่าตัวไหนยังใช้ได้เผื่อต้องแก้ต้องซ่อม” น้ำฝนสนับสนุนเพื่อนเต็มที่ ชุดที่พวกเธอซื้อตอนนั้นราคาค่อนข้างแพงถึงจะซื้อช่วงที่ลดราคาแต่ก็เป็นแบรนด์ดังที่คนทำงานใส่กัน ถ้าจะขายมือสองก็เสียดายเพราะใส่ไม่กี่ครั้งเลยเก็บไว้หาโอกาสใส่
“โอเคเลย ไปเร็วลุก! กว่ามึงจะอาบน้ำจะแต่งหน้าเสร็จหิวตายพอดี” สาวสวยรีบดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้นอีกรอบ น้ำฝนจำต้องลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำตามคำสั่ง ส่วนเจ้ามือในวันนี้รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดตัวใหญ่สบาย ๆ กับกางเกงขาสั้นเอวยืดโชว์เรียวขาที่ชายเสื้อปิดจนมิด ผมที่สระไดร์อย่างดีเมื่อตอนเช้าถูกรวบด้วยยางรัดผมสีดำเส้นเล็กแล้วม้วนมวยไว้หลวม ๆ หนีบด้วยกิ๊บหนีบผมอันใหญ่ ล้างเครื่องสำอางออกจนหมดแล้วทาแค่ครีมกันแดดแป้งฝุ่นและลิปมันเท่านั้น ซึ่งตอนนี้หน้าของเธอขาวใสไม่ต่างจากเด็กมัธยมเท่าใดนัก ยิ่งเธอเป็นคนตัวเล็กสูงเพียง 152 เลยทำให้ดูเป็นเด็กเข้าไปใหญ่ทั้งที่อายุเกิน 23 ไปหลายเดือนแล้ว
2 สาวพากันขึ้นรถ 2 แถวไปลงที่ห้างดังที่ค่อนข้างไกลจากหอพักพอสมควร แต่ห้างนี้ก็เป็นห้างเดียวในย่านที่สะดวกมีทุกอย่างรวมทั้งร้านบุฟเฟต์ที่พวกเธอต้องการมากินด้วย (เรื่องอื่นเป็นรองเรื่องบุฟเฟต์นี่คือเรื่องหลัก ส่วนเสื้อผ้าซื้อตลาดเย็นก็ได้)
“กินก่อนหรือเดินก่อนดี” หญิงสาวเดินจูงมือเพื่อนเดินเข้าห้างหันไปปรึกษายิ้ม ๆ
“เดินก่อนสิ เหนื่อยค่อยกินจะได้คุ้ม ๆ”
“ความคิดดี งั้นขึ้นชั้น 3 กันวันก่อนเห็นในเพจลดราคาอยู่หลายร้านไม่รู้หมดเขตหรือยัง” ว่าจบกอดคอเพื่อนเดินขึ้นบันไดเลื่อน ชี้ชวนกันดูนั่นนี่อย่างสนุกสนานเพราะนาน ๆ จะมีเวลาออกมาเที่ยวเล่นแบบนี้ซักครั้ง ถึงน้ำฝนจะมีร้านขายน้ำปั่นเป็นของตัวองและขายค่อนข้างดี แต่มัดหมี่ยังต้องขอเงินพี่ชายใช้ประกอบกับความขี้เกียจเหมือน ๆ กัน พวกเธอเลยมาไม่ค่อยมาบ่อยนัก ของกินของใช้จะซื้อที่ตลาดที่พวกเธอขายของตอนเย็นเท่านั้น
“ฝน...ต่อไปกูทำงานใครจะช่วยมึงตั้งร้านล่ะ กว่ากูจะเลิกงานถ้าไม่มีโอก็ 5 โมงเย็นเลยนะ แต่ฝึกงานคงยังไม่มีโอหรอก” หญิงสาวถามเพื่อนอย่างวิตก ตลอดปีกว่าที่ผ่านมาถึงมัดหมี่จะบอกพ่อกับแม่ว่าเธออยู่กับแฟนใหม่แต่พี่ชายทั้ง 2 ที่รับราชการอยู่ในกรุงเทพของเธอรู้มาตลอดว่าน้องสาวยังโสดพักอยู่กับเพื่อนและว่างงาน เลยพากันส่งค่าใช้จ่ายรายเดือนให้น้องสาวไม่ขาด เธอเลยไม่ได้รบกวนพ่อแม่ให้พวกท่านสงสัย ทุกวันเธอจะช่วยเพื่อนตั้งร้านและขายน้ำปั่นที่ตลาดเย็นจนปิดตลาด แต่ไม่รับค่าแรงหรือค่าจ้าง เพราะบอกว่าตัวเองมาเกาะเพื่อนกิน น้ำฝนเลยไม่ให้เธอจ่ายค่าห้องและรับหน้าที่จ่ายค่ากับข้าวเองทั้งหมด โดยที่พี่ชายคนโตของมัดหมี่เสนอจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้เพราะไม่อยากให้น้องเบียดเบียนเพื่อนมากเกินไป
“ก็บอกอ้ายมึงมาช่วยกูสิคะ” น้ำฝนพูดพรางหัวเราะชอบใจแต่ไม่ได้จริงจังกับคำพูดของตัวเองนักแต่เพื่อนกลับคิดจริงจังดังว่า
“เออ...จริงด้วย กูบอกอ้ายหมอกมาช่วยมึงดีกว่า...
อยากบอกพี่จาของคุณย่าว่า น้ำใช้คำว่าดื่มค่ะพี่ ไม่ใช่แดก ใครสอนภาษาไทยพี่มาแบบนี้