บทย่อ
ความน่ารักเป็นเหตุ เพราะคำว่าไม่มีงานทำให้กลับบ้านไปเลี้ยงควายของแม่ ขึ้นรถผิดคันวันไปสัมภาษณ์ เลยทำให้โดนใจคนขับเข้าอย่างจัง กับเกณฑ์การพิจารณาผู้ช่วยสุดแปลก "มึงถามไปเลยบ้านใครเลี้ยงควาย?...
บทที่ 1 คุณลุง
“โอ๊ย! เรียกรถผ่านแอปนี่ทำไมมันรอนานขนาดนี้วะ นัดสัมภาษณ์ 10 โมงมันจะทันมั้ยเนี่ย” เสียงเล็ก ๆ โวยวายตามองถนนพรางยกข้อมือดูนาฬิกาอย่างหัวเสีย
วันนี้เป็นวันนัดสัมภาษณ์งานของสาวสวยผู้ว่างงานอยู่เย้าเฝ้าหอเป็นแม่ถูเรือนให้เพื่อนมาปีกว่า เลยพากันตื่นเต้นกันเป็นพิเศษทั้งตัวเธอและเพื่อนร่วมห้อง ขนาดที่ว่านัดสัมภาษณ์ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ เธอถึงกับลงทุนซื้อรองเท้าส้นสูงมาใส่เดินในห้องให้ชินเวลาเดินจะได้สง่าผ่าเผย ให้สมกับตำแหน่งที่จะเข้าสัมภาษณ์ เพราะงานนี้เธอจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด ด้วยประกาศิตของคุณนายแม่สั่งมาว่า **ถ้าไม่ได้ทำงานก็กลับบ้านไปเลี้ยงควายช่วยพ่อซะทีแม่ไม่เชื่อแล้วว่าเธอมีแฟนอยู่ที่นี่จริง** และวันนี้เธอก็ตื่นตั้งแต่ตี 5 อาบน้ำแต่งหน้าทำผมซ้อมตอบสัมภาษณ์ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษกว่า 2 ชั่วโมงโดยมีเพื่อนคอยคอมเพลนเพื่อป้องกันการผิดพลาดและยังฝึกยิ้มมารยาทหน้ากระจกจนหมดน้ำไปหลายแก้ว ก่อนจะลงมารอรถที่เรียกซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ารถที่เรียกจะมาถึงแต่อย่างใด
“มึงเรียกรถอะไรเนี่ยหมี่ ครีมกูก็ไม่ได้ทา หน้าก็ไม่ได้ล้างผู้ชายเดินผ่านราคาตกหมดแล้วเนี่ย” เพื่อนสาวร้องถามพรางชะโงกมองที่ถนนใหญ่หน้าหอพักจนคอยืดยาวพอกัน ซึ่งจริง ๆ เธอจะไม่ลงมาส่งเพื่อนก็ได้แต่นานแล้วที่เพื่อนไม่ได้ไปไหนคนเดียวเธอเลยอดห่วงไม่ได้
“เรียกรถเก๋งน่ะสิ ใส่กระโปรงงามขนาดนี้เซ็ตผมก็ปานนี้กูจะไปมอเตอร์ไซค์ได้ยังไง” หญิงสาวตอบเพื่อนพรางมองรถเก๋งสีขาวที่วิ่งเข้ามาจอดฝั่งตรงข้าม มองเลขทะเบียนรถแล้วทำท่าจะวิ่งข้ามถนน แต่คนขับกลับเปิดประตูลงมาเดินเข้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ ๆ “มึง...นั่นรถมาแล้ว แต่คนขับเสือกลงมาเข้าร้านค้า ต่อนยอนเกิ๊นพ่อใหญ่ กูไปนะ” หญิงสาวหันไปพูดกับเพื่อนพรางชี้ไปที่รถที่จอดอยู่ฝั่งข้ามพร้อมกับโบกมือให้เพื่อนแล้ววิ่งข้ามถนนไปรอที่ข้างรถ
ทางฝั่งคนขับรถมานั้น
“แม่ง! คันละเป็น 10 ล้าน จอดแค่เดือนเดียวเสือกสตาร์ทไม่ติด ต้องเรียกรถสไลด์ ดีนะที่ศูนย์มีรถให้ยืมกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าออฟฟิศ อากูนี่ก็ยังไงรับสมัครผู้ช่วยเลขาแต่จะให้รองประธานฝ่ายบริหารไปสัมภาษณ์ โวะ! สำคัญอะไรนักวะ แล้วฟันนี่ก็เป็นเวรอะไรทุกวันไม่ปวดเสือกมาปวดเอาวันจะต้องพูด” หนุ่มหล่อร่างสูงโปร่งเดินบ่นลงจากรถเข้าร้านสะดวกซื้อ หยิบแผงยาแก้ปวดมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์และกลับมาที่รถ
กรึ่บ! ปึก! “เฮ้ย!” “ไปเลยลุง รอซะนานเลยหนูจะไม่ทันแล้วเนี่ย” สาวสวยที่เปิดประตูเข้ามานั่งหลังรถออกคำสั่งสวนคำอุทานของคนขับพรางก้มลงเปิดกระเป๋าหาอะไรบางอย่าง
“ไป? ไปไหน” ชายหนุ่มถามงง ๆ *อะไรวะฟันก็ปวด แล้วกูต้องไปไหนอีกเนี่ย...* ชายหนุ่มคิดในใจ
“เอ๊า! ก็โรงทอไทยวรวัฒน์ไงคะ หนูก็ปักหมุดให้แล้วนี่ หรือจะเนียนไม่ไปส่ง อย่านะ อย่านะ หักเงินจากแอปไปแล้วนะ” หญิงสาวว่าขึ้นพร้อมกับมองด้านหลังของคนขับ เขาใส่เสื้อแขนยาวสีเข้มพับถึงข้อศอก ใส่แว่นดำอันใหญ่ จากด้านหลังเห็นผมหงอกโผล่มา 1 เส้นก็น่าจะเพียงพอเรียกว่าลุงได้ แต่ไปสะดุดตาที่นาฬิกาหน้าปัดฝังเพชรบนข้อมือซ้าย ซึ่งน่าจะแพงพอสมควรถ้าเป็นของจริงตามยี่ห้อที่ปรากฎ แต่ถ้าซื้อตามตลาดนัดก็น่าจะไม่กี่ร้อยซึ่งก็เหมือนจนคนดูไม่เป็นแยกไม่ออก “ออกรถสิลุง หนูมีนัดสัมภาษณ์งาน 10 โมงนะ รอลุงก็ครึ่งชั่วโมงไปแล้วเนี่ย ไปเลย เดี๋ยวไม่ทัน” หญิงสาวเร่งพรางกดมือถือหาเพื่อน “ขึ้นรถแล้วนะ ....อะเคร จ้า สาธุค่ะสาธุ ถ้าได้เดี๋ยวเลี้ยงบุฟเฟต์” เสียงพูดคุยกับเพื่อนอย่างร่าเริงด้านหลัง ทำให้คนขับรถถอนหายใจแรง ๆ ออกรถไปส่งคนที่ขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ เพราะเธอบอกว่ามีนัดสัมภาษณ์งานที่นั่นและเหลือเวลาอีกไม่มาก และจากหน้าตาเธอน่าจะเป็นเด็กจบใหม่เพิ่งหางานเลยดูตื่นเต้นเป็นพิเศษและเขาก็ไม่อยากให้เธอเสียโอกาสนี้ไป
“ตื่นเต้นแค่ไหนก็ไม่ควรมองกูเป็นลุงมั้ยวะ กูแค่ 32 เอง เอ้อ...” ชายหนุ่มพึมพำส่ายหน้ากับสรรพนามใหม่ที่เพิ่งรับมาหมาด ๆ ในวัยหลัก 3 ต้น ๆ ของตัวเอง
“อะไรนะลุง!”
“ปะ เปล่า กำลังคุยกับตัวเองอยู่ ไม่เกี่ยวกับใครหรอก” คำตอบของเขาทำให้คนนั่งข้างหลังขมวดคิ้วอย่างหวาดระแวงทันที “แล้วจะเข้าประตูไหน มันมี 2 ประตู จะไปโรงทอหรือจะเข้าออฟฟิศ”
“เข้าออฟฟิศค่ะลุง หนูมีนัดสัมภาษณ์งานที่นั่น” หญิงสาวตอบกลับสุภาพขึ้นเมื่อวางสายจากเพื่อนและรีบกดโทรออกหาอีกเบอร์กลบเกลื่อนอาการหวาดระแวงของตัวเอง
“เฮ้อ...คำก็ลุง 2 คำก็ลุง” ชายหนุ่มถอนหายใจพึมพำ
“ว่าอะไรนะคะ?”
“ไม่มีอะไร” *หูดีไปอีกแม่ง...*
“ฮัลโลแม่ หมี่ไม่ได้กลับบ้านแล้วนะ เออ...ได้งานแล้วจ้า ไม่ต้องมารับหรอก... พูดจริง เนี่ยกำลังจะไปบริษัทเลยเดี๋ยวลงรถปุ๊บ จะแชะส่งแม่ปั๊บเลย” เสียงหวาน ๆ พูดกับปลายสายอย่างน่ารักน่าเอ็นดูจนคนขับแอบยิ้มกับภาษาที่เธอใช้ “จริง...ไม่เชื่อแม่โทรถามอิฝนเลย หมี่ได้งานแล้วจริง จ้า...คิดถึงเหมือนกัน จ้า สวัสดีค่ะ” กดวางสายแล้วถอนหายใจเบา ๆ เบือนหน้ามองข้างกระจกรถเซ็ง ๆ
“จะสัมภาษณ์ตำแหน่งอะไรล่ะ เพิ่งจบใหม่เหรอ” ชายหนุ่มชวนคุยพรางแอบพิจารณาใบหน้าสวยหวานผ่านกระจกมองหลัง สีหน้าแววตาของเธอวิตกกังวลจนเขาจับสังเกตได้
“ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาค่ะ แต่ไม่ได้จบใหม่หรอกจบมาเป็นปีแล้วล่ะ” เสียงตอบกลับเศร้าแปลก ๆ จนชายหนุ่มสะดุดหู
“แล้วที่ผ่านมาทำงานที่ไหนมาล่ะ”
“ก็! ยังหรอก นอนทำใจอยู่” คำตอบง่าย ๆ ทำเอาคนฟังถึงกับขำ
“ทำใจเป็นปีเลย?”
“อือ...สิ นี่ถ้าไม่ได้รับประกาศิตว่าถ้าไม่ได้ทำงานก็ให้กลับบ้านไปเลี้ยงควายนะ ไม่หางานทำหรอก นอนอยู่ห้องเหมือนเดิมนั่นแหละ” หญิงสาวว่าพรางถอนหายใจ
“เอ้อ...แล้วนอนอยู่ห้องจะเอาอะไรกินหรือมีแฟนเลี้ยงเลยสบายแบบนี้” ชายหนุ่มแกล้งถอนหายใจถาม แอบมองตาเศร้า ๆ คู่นั้น
“แฟนไม่มีหรอกลุง หนูเกาะเพื่อนกินน่ะ แต่บอกที่บ้านว่าอยู่กับแฟน ตอนนี้โสดอยู่ในโหมดเอ๋อแดกน่ะลุง เรียนจบกลับบ้านไปเจอเซอร์ไพรส์ คนคบกันมาตั้งแต่ ม.3 เสือกมาได้เมียคุ้มบ้านเดียวกัน เฮ้อ...” หญิงสาวเล่าพรางถอนหายใจแรง ๆ มองนาฬิกาที่ข้อมือแต่ไม่ได้มองว่าตอนนี้รถกำลังจะจอดหน้าบริษัทแล้ว
“กลัวกลับไปทำใจไม่ได้หรือไง”
“เปล่า กลัวอดเตะปากมันไม่ได้ แม่ง! มันบอกว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะหนูผิด หนูเยอะเกินคบมา 8 ปีขอหอมซักทีทำหวงยังกับจะมีตราประทับบนหน้าผาก หวงมากก็อยู่ให้โสดแห้งตายคาคาน ไอ้สันดาน กูเพิ่ง 23 มั้ย คน 40 เขายังลงจากคานได้เลย แล้วเมียมันก็เป็นรุ่นน้องหนูที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไงประเด็นแล้วตอนนั้นน้องมันกำลังท้องด้วยหนูเลยยังไม่อยากกลับไปกลัวน้องมันคิดมาก” หญิงสาวร่ายยาวถึงปัญหาชีวิตที่ไม่อยากกลับบ้านให้คนไม่รู้จักฟังเพราะคิดว่าแค่ระบายแล้วก็จะจำทะเบียนไว้ไม่ขึ้นอีกแล้ว
“ถึงแล้วครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นแต่ไม่ได้เปิดประตูลงจากรถ
“ขอบคุณมากนะคะลุง” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพรางขยับตัวเปิดประตูลงจากรถ ก้าวฉับ ๆ เข้าไปหา รปภ. หน้าบริษัทอย่างมั่นใจ ชายหนุ่มได้แต่มองตามแล้วยกยิ้มที่มุมปากขำ ๆ
“คำก็ลุง 2 คำก็ลุง เฮ้อ...กูแก่ขนาดนั้นจริง ๆ หรือวะ” ชายหนุ่มส่ายหน้าขำ ๆ เอามือลูบคางสาก ๆ เขียวครึ้มของตัวเอง ขับรถกลับไปทางเดิมอีกรอบ พร้อมกับกดโทรศัพท์โทรหาเลขาส่วนตัว
‘สวัสดีครับบอส ถึงไหนแล้วครับ วันนี้มีนัดสัมภาษณ์ผู้ช่วยเลขาตอน 10 โมงตามคำสั่งของท่านประธานนะครับ’ เลขากดรับสายพร้อมรายงานและถามในประโยคเดียวกัน
“คุณสุรชาติครับ สัมภาษณ์ผู้ช่วยเลขาครับ ไม่ใช่ผู้ช่วยรองประธาน” ชายหนุ่มตอบกลับพรางมองบนกับความวุ่นวายเล็ก ๆ นี้
‘แต่บอสครับ คนเซ็นรับตามคำสั่งท่านคือบอสนะครับ จัดการให้เรียบร้อยเถอะครับก่อนที่ระเบิดจะลงออฟฟิศ อย่าเบี้ยวเลยนะครับทูนหัวคนดีเหนือปฐพีของบ่าว พลีส...’ เลขาร่ายยาวทั้งขอร้องในตอนท้ายอย่างน่าสงสารกับคำสั่งของท่านดอกเตอร์รวัช ประธานฝ่ายบริหาร คุณอาของชายหนุ่มที่สั่งให้หลานชายมาสัมภาษณ์ผู้ช่วยเลขาด้วยตัวเองให้แล้วเสร็จก่อนที่ท่านจะกลับมาจากต่างประเทศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“กูไม่ได้เบี้ยว แต่รถสตาร์ทไม่ติดครับ ...
เจอหน้าก็โบ๊ะบ๊ะกันเลยทีเดียว เอ็นดูผมหงอกลุงด้วยหนู...