ตอนที่ 4 บังคับ
ตอนที่ 1/4 บังคับ
"ว่ายังไง ถ้าเธอจะไปทำงานที่ไร่ ค่อย ๆ ฝึกไปก็ได้ ฉันต้องการคนที่ไม่คิดทรยศ เงินเดือนเธอจะได้ตามความเหมาะสม มีที่พักให้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ" สายตาดำขลับลึกลับมองเธอ เมื่อถามอย่างรอคำตอบ สีหน้าพ่อเลี้ยงพฤกษ์แสนเย็นชา ไม่บ่งบอกความไม่ทุกข์ร้อนนัก เขาไม่มีทีท่าบังคับเธอ แต่น้ำเสียงที่ถามก็ทำเด็กสาวหน้าใสอึกอัก
"นั่นเห็นไหม พ่อเลี้ยงเขาเมตตาแกแค่ไหน" อนงค์คะยั้นคะยอออกนอกหน้าแกมบังคับ พลางผลักอกลูกสาวเมื่อทำตัวไม่ได้ดังใจอีกแล้ว หล่อนคันไม่คันมืออยากเอาแซ่มาฟาดเธอเอามาก ๆ
"พักที่ไหนเหรอคะ" เอิงเอยนิ่วหน้าเมื่อแม่เธอทำร้ายร่างกาย บิดเนื้อบริเวณเนินอกจนเจ็บแปลบ ยกมือลูบอกตัวเองป้อย ๆ
เส้นทางไร่ชาอุดมสุขกับบ้านเธอคนละทางกัน แถมห่างกันไกลอยู่พอสมควร หากต้องเทียวไปเทียวมา เธอคงไม่ไหว แต่ทว่าเธอเคยได้ยินมาว่าที่ไร่นั้นมีห้องพักรองรับคนงาน จึงถามรายละเอียดอย่างรอบคอบ ภายในใจกลับร่ำร้อง ปฏิเสธไม่อยากไปทำงานกับพ่อเลี้ยงมากเพียงใดก็ตาม
ยิ่งเป็นคนที่แม่เธออยากจับคู่ให้ ยิ่งอยากตีตัวอยู่ห่าง ๆ ให้มากที่สุด เธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทมักโลภ ทะเยอทะยานฝันหวานเกินตัว ตั้งแต่เกิดมาแม้บ้านจะไม่ได้ร่ำรวย เสวยสุขบนกองเงินกองทอง เธอกลับพึงพอใจ ความพอเพียงเหล่านี้ และรู้สึกผิดที่ต้องตามจับผู้ชายรวย ๆ เพราะอยากได้อยากมี เหมือนที่แม่เธอพยายามพูดล้างสมอง กรอกตรรกะบิดเบี้ยวใส่หัวเธอ
"ตึกคนงานหลังคฤหาสน์ของฉัน เธออยู่คนเดียวได้ใช่ไหม" พ่อเลี้ยงพฤกษ์ไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด เอิงเอยเพิ่งอายุ 19 ปี ไม่เคยเผชิญโลกภายนอก ไม่มีประสบการณ์การทำงานนอกสถายที่ แต่เขายังเมตตา เห็นเธอมาตั้งแต่ยังแบเบาะ จึงให้โอกาส เพื่อที่เธอจะได้โชว์สักยภาพระหว่างทำงานออกมา ตนรู้ว่าเธอเป็นคนขยัน ช่วยพ่อแม่ทำมาหากินเก่ง ถึงแม้ด้านผลการเรียนที่เขาเคยฟังจากอนงค์มาจะไม่ดีมาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแย่
"แม่...แม่ก็รู้ว่าเอยขี้ขลาดตาขาวขนาดไหน เอยไม่กล้าพอจะอยู่คนเดียวหรอกนะ" คราวนี้เอิงเอยหันหน้าไปบอกแม่ด้วยหน้าเหยเก ถึงแม้เธอจะปากอย่างใจอย่าง ทำตัวเข้มแข็งสักแค่ไหน แต่ทุกคนล้วนมีจุดอ่อน
มิหนำซ้ำเธอเป็นพวกงมงาย เชื่อในบาป บุญ และเชื่อว่าวิญญาณมีจริง เลยกลัวผีจนขึ้นสมอง ยิ่งเป็นแหล่งพื้นที่ไม่คุ้นเคย ความกลัวก็กัดเซาะความรู้สึกหวาดหวั่นทีละน้อย เธอไม่กล้าอยู่คนเดียวแน่
"ถ้าอย่างนั้นขึ้นไปอยู่คฤหาสน์กับฉันก็ได้ ห้องอยู่คนละปีกกัน ไม่มีใครครหาเธอได้" คฤหาสน์ของพ่อเลี้ยงที่เอิงเอยเคยได้ยินจากคนข้างในไร่บอกเล่าเป็นเสียงเดียวกัน ว่าใหญ่โต อลังการสมฐานะมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของจังหวัด และประเทศมาก ๆ ทั้งยังมีหลายห้องให้พักอาศัย เขามีนิสัยสันโดษ ชอบความเป็นส่วนตัว แต่สำหรับเอิงเอย พ่อเลี้ยงพฤกษ์เห็นแก่ความเป็นเด็กดีของเธอ จึงช่วยได้เท่าที่ทำได้มากที่สุด
"แต่..." เอิงเอยไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างต่อผู้อาวุโสกว่าได้เลย เธอเกิดอาการประหม่า ยึกยักเป็นอย่างมาก ดวงตมกลมแป๋วล่อกแล่กกลอกไปมา ยามครุ่นคิดหาวิธีที่ไม่ต้องไปทำงานที่นั่น และหาข้ออ้างไม่อยากเอาตัวไปอยู่ใกล้ชิดชายหนุ่ม สุดท้ายเธอกลับจนมุม พ่อเลี้ยงพฤกษ์เก่งนัก เรื่องพูดตะล่อมชวนไขว้เขว จนเธอไม่มีทางปฏิเสธ
"ถ้ายังลังเล อย่างนั้นฉันให้เวลาเธอคิดถึงพรุ่งนี้ หากตกลงก็เก็บกระเป๋าออกมารอรถซะ ฉันให้โอกาสคนไม่มาก" นั่นถือว่าคนร้ายกาจให้เวลาเธอคิดทบทวนอีกครั้ง มีเวลาตัดสินใจถึงพรุ่งนี้ตอนบ่าย เขาใช้ทุกกลยุทธ์หว่านล้อม แถมแม่ของเธอก็คอยยุยงอยู่ข้าง ๆ ไม่เลิกรา
ก่อนสายตาคมทอประกายมืดดำที่ข่มจิตผู้อื่นได้จะจ้องเขม็งตรงมายังเธอ เอิงเอยถึงกับสะดุ้ง ก้มงุดหลบ เก็บซ่อนความรู้สึกใจสั่นขวัญกระเจิง
"หนูไม่อยากไป หนูอยากอยู่ช่วยพ่อกับแม่ทำงานค่ะ!" ปากอวบอิ่มก่อนหน้านี้เม้มกันเป็นเส้นตรงก็เปิดพูดส่งถ้อยคำไม่ขอรับน้ำใจความหวังดีจากพ่อเลี้ยงผ่านริมฝีปากสีระเรื่อออกมา
หากเธอไปทำงานที่ไร่ชา แล้วใครจะอยู่คอยช่วยพ่อกับแม่ขายข้าวแกง พวกท่านมักจะบ่นปวดเมื่อยตัวอยู่บ่อย ๆ เสียด้วย
ซึ่งถึงกับทำแม่เธอโกรธหน้าขึ้นเลือด อันที่จริงแล้วเอิงเอยไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้ ผู้เป็นแม่อย่างหล่อนต่างหากจะเป็นคนชี้เส้นทางชีวิตของเธอ
"นางเอย! ฉันบอกให้แกไปก็ต้องไป!" อนงค์ลุกขึ้นยืน ก้นนั่งไม่ติดเก้าอี้อีก ปรี่ตัวเข้ามาหยิกตามต้นแขนลูกสาวหน้าโง่ ที่ไม่รีบคว้าโอกาส เผลอไผลลืมตัวแสดงความรุนแรงกับเด็กต่อหน้าพ่อเลี้ยงพฤกษ์เสียอย่างนั้น
"แกไม่เคยเชื่อฟังฉันเลยนางลูกไม่รักดี นางลูกใจจืดใจดำ!"
"โอ๊ย แม่!" เสียงหวานใสสั่นระริก ทำได้แค่เอาแขนยกขึ้นตั้งบังใบหน้าตามสัญชาตญาณป้องกันตัว ไม่ให้ที่เธอเรียกว่าแม่ลงไม้ลงมือไปมากกว่านี้ เอิงเอยไม่เคยตอบโต้ หรือทำร้ายแม่กลับเลยสักครั้ง แม่บิดเข้าที่บักเอว แขนจนเขียวช้ำเป็นจ้ำวงใหญ่ เธอก็ทำได้แค่ร้องโอดครวญ และแสดงสีหน้าทรมาน เด็กสาวรีบใช้ไหวพริบนี้ ร้องบอก "แม่...เกรงใจพ่อเลี้ยงหน่อยสิ"
"น้าแค่จะสั่งสอนให้นางเอยมันจำบ้าง อย่าถือสามันเลยนะที่มันปฏิเสธมันคิดน้อยไป อย่างไรพรุ่งนี้มันต้องไปทำงานที่ไร่แน่นอนจ้ะ"
สติของหล่อนเหมือนถูกกระชากกลับ เอี้ยวตัวรีบแก้ตัว พร้อมรอยยิ้มจอมปลอมบังหน้า ชายหนุ่มไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับ ก้มหน้าทานข้าวแกงในจานต่อ องนค์ใช้จังหวะทีเผลอไม่มีคนเห็น ตวัดสายตาเหี้ยมคาดโทษเอิงเอยเอาไว้ ซึ่งลูกสาวจอมบอบบางหลั่งน้ำตาออกมาอีกแล้ว
กลับบ้านไปนางเอยจะโดนฟาดมากกว่านี้ คอยดูเถอะ!