บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 บังคับ

ตอนที่ 1/3 บังคับ

อนงค์นั่งเก้าอี้พลาสติกฝั่งตรงข้าม พ่อเลี้ยงพฤกษชาติ ขณะมีเพียงโต๊ะหนึ่งตั้งตรงกลาง กั้นตรงหน้าพวกเขาสนทนา ระหว่างรอพ่อลูกคู่หนึ่งกำลังช่วยกันตั้งร้าน และนำข้าวแกงมาเสิร์ฟ โดยที่ไม่ต้องถามลูกค้าคนพิเศษ ว่าเที่ยงวันนี้จะรับประทานอาหารกับอะไรดี เพราะเมนูโปรดของพ่อเลี้ยงซึ่งมักจะสั่งทุกครั้งเมื่อมาเยือนที่นี่ คือข้าวราดแกงกะหรี่

"พ่อเลี้ยงพฤกษ์ดูเครียด ๆ นะจ๊ะ มีอะไรในใจหรือเปล่า..." หล่อนสังเกตเห็นถึงสีหน้าของชายหนุ่มอายุน้อยกว่าที่เคร่งขรึมจัด หัวคิ้วเข้มที่ขดกันมุ่นบ่งบอกถึงความเครียดรุมเร้าบางอย่างชั่วครู่ จนนำมาสู่ความสงสัย หลอนถามขึ้น

แต่ยังเกรงว่าจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย อย่างไม่สมควรเกินไป เสียงพูดจึงอ้อมแอ้มประจบประแจงในที

หล่อนให้การนับถือ โดยไม่คำนึงถึงอายุ เนื่องจากคุณพ่อของพ่อเลี้ยงพฤกษ์คอยช่วยเหลือที่บ้านของหล่อนเสมอมา ยามลำบากจึงไม่ค่อยหนักหนาสาหัส มีเจ้านายเก่าเจ้าของไร่ชา ผลไม้พื้นที่หลายร้อยหลายพันตารางไร่ นี่ยังไม่รวมถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ และโรงงานผลิตผลไม้อบแห้ง ซึ่งตั้งอยู่ในตัวจังหวัดทางภาคเหนือ เมื่อหลายปีก่อน อนงค์เคยเป็นลูกจ้างที่ไร่นั่นมาก่อน มีหลายเรื่องราวทั้งดี และร้ายเกิดขึ้น

กระนั้นอีกฟากฝ่ายโน้นยังคอยช่วยเหลือเจือจุนครอบครัวของหล่อนเป็นอย่างดี

"ช่วงนี้ฉันกำลังหาคนงาน แต่ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ทำได้" พ่อเลี้ยงพฤกษ์ทอดถอนลมหายใจ ใบหน้ายังคร้ามคม ดวงตามืดดำดุดัน ไม่สื่อจุดประสงค์แน่ชัด เหลือบมองตามแผ่นหลังเล็กของเด็กสาวที่เพิ่งวิ่งกลับเข้าร้านข้าวแกงไป ขณะเปรยขึ้นเสียงเรียบราบต่อ "เป็นตำแหน่งที่ไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง มีความรับผิดชอบต่องาน แต่ฉันแค่จะว่าจ้างเพียงชั่วคราวเท่านั้น"

"ตำแหน่งอะไรเหรอจ๊ะ ทำไมถึงรับแค่ชั่วคราวล่ะ" อนงค์ตาเบิกโพลง ฉายแววตาสะท้อนความคาดหวังอะไรบางสิ่ง หล่อนกำลังหาวิธียัดเยียดลูกสาวของหล่อน เข้าไปทำงานที่ไร่ชา หาทางให้เอิงเอยเข้าใกล้พ่อเลี้ยงพฤกษ์ตามจุดมุ่งหมาย...ทางเดียวที่จะทำให้ครอบครัวหล่อนสามารถลืมตาอ้าปากได้ และเห็นผลเร็วทันตา

ดีกว่าทำงานงก ๆ เหนื่อยแทบตายได้กำไรขายของเพียงแค่เศษเงินก้นถุง อนงค์วาดฝันเอาไว้ดิบดี ว่าลูกสาวของหล่อนต้องได้เป็นเมียเจ้าของไร่ชา ผู้ส่งออก-นำเข้าผลไม้แปรรูป

"ถึงจะหาคนงาน แต่การทำงานชั่วคราวคงไม่ตอบโจทย์ของคนหางานหลายกลุ่ม เพราะมันไม่เป็นหลักแหล่งนัก และตำแหน่งผู้จัดการ

ผู้จัดการคนก่อนกลับบ้านที่กรุงเทพฯ.ไปดูแลภรรยาที่เป็นแม่ลูกอ่อน เพิ่งคลอดลูกแล้วไม่มีคนคอยดูแล เลยจำเป็นต้องลางาน ทิ้งไปหลายเดือน จนกว่าลูกจะโตกว่านี้"

"ตอนนี้ตำแหน่งผู้จัดการเหรอจ๊ะที่ยังว่าง"

"อืม" ร่างใหญ่อกกว้าง ไหล่ผึ่งผายส่งเสียงอือขานตอบรับผ่านลำคอหนา พ่อเลี้ยงพฤกษ์ไม่รู้ว่าหญิงวัยห้าสิบปลาย ๆ จะสามารถช่วยเขาได้หรือไม่ แต่เพราะยังไงก็นับถืออนงค์เหมือนญาติผู้ใหญ่อีกคน ตั้งแต่เด็กเจ้าหล่อนก็เคยเลี้ยงเขา

สมัยยังทำงานเป็นชาวสวนที่ไร่ชาอุดมสุข อีกฝ่ายยังรู้จักคนละแวกนี้ดี พฤกษ์จึงตัดสินใจลองถามกับหล่อนดู "น้าพอจะมีคนรู้จัก หรือคนว่างงาน แนะนำผมหรือเปล่า"

"พ่อเลี้ยงลืมไปแล้วหรือ น้ามีลูกสาวที่เพิ่งเรียนจบมัธยมปลายมา ช่วงนี้นางเอยมันยังว่าง ระหว่างรอสอบเข้ามหาลัย ถ้าไม่เสียหาย ลองเอาตัวมันไปฝึกงานดูก่อนได้นะ" คิ้วเข้มของพ่อเลี้ยงกระตุกขึ้น เหลือบมองยังเด็กสาวที่ทำใจปลอบตัวเอง จนหยุดร้องไห้ได้ กำลังเดินตรงมาทางนี้พอดี พร้อมในมือถือจานข้าวแกง เหมือนเธอจะได้ยินคำพูดของแม่เธอชัด ร่างเล็กเกิดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อ

"ข้าวของคุณที่สั่งเหมือนทุกวันค่ะ" เธอวางจานข้าวลงตรงหน้าชายหนุ่มใบหน้าคร้ามคม ยืนนิ่งไม่ยอมแยกตัวออกมา เพราะอยากรู้ว่าเมื่อครู่นี้ทำไมผู้เป็นแม่ถึงพูดชื่อเธอในสนทนานั้นด้วย

เธอได้ยินทั้งหมด แล้วพูดขึ้นอีก

"แม่จะให้เอยไปทำงานที่ไร่พ่อเลี้ยงเหรอ แล้วใครจะช่วยงานที่ร้านล่ะ แม่บ่นว่าเหนื่อย ทำไม่ไหวอยู่เลยนี่จ๊ะ"

"ฉันไม่เป็นอะไรแล้วทั้งนั้น ไปทำงานกับคุณเขานี่ ทั้งได้เงินเดือน ทั้งหาประสบการณ์การทำงานไว้เยอะ ๆ จะได้ทำเป็นทุกอย่าง ตั้งแต่อายุยังน้อย" อีกอย่างความต้องการที่หล่อนวาดฝันเอาไว้ก็ใกล้เข้ามาทีละก้าว ถ้ามีวาสนาลูกสาวของหล่อนคงได้ดิบได้ดี เป็นเมียพ่อเลี้ยง

ความใกล้ชิดก่อเกิดความรู้สึกไม่คาดคิดขึ้นมาได้ทั้งนั้น ถึงแม้ที่ผ่านมาฝ่ายผู้ชายจะไม่ได้มีท่าทางสนใจเอิงเอยอย่างออกนอกหน้าขนาดนั้น แต่อนงค์กลับมั่นใจว่าสักวันเขาคงหันมาสนใจลูกสาวของหล่อนบ้างล่ะ

นางเอยเอาแต่หมกมุ่นศึกษาเรื่องการเดินแบบ ซ้อมละครเพียงลำพัง ไม่คิดจะหาความสุขสบายทางลัดให้แก่ครอบครัว ปล่อยตัวปล่อยใจโทรม จนหล่อนรำคาญใจต่อความดื้อรั้นที่เอิงเอยแสดงออกถึงการต่อต้านพยายามแข็งข้อไม่ยอมเชื่อฟัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel