ตอนที่ 12 เอ็นดู
ตอนที่ 3/1 เอ็นดู
การโต้ตอบนำมาซึ่งโทสะหยุดลง ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์สาวเท้าลงจากห้องโดยสารของรถยนต์ พร้อมตรงเข้าไปข้างในคฤหาสน์ก่อนเสียแล้ว ปล่อยให้เอิงเอยต้องตามมาทีหลัง เธอไม่ลืมหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางตัวเองติดมาด้วย
แม้ว่าจะเดินทางมาถึงไร่ชาอุดมสุขในช่วงเวลาห้าโมงเย็นกว่า ๆ ทำให้นอกบ้านค่อนข้างมืด แต่ยังดีที่พอมีแสงสว่างจากดวงไฟสลัวรอบ ๆ คฤหาสน์สาดส่อง แมกไม้ต้นน้อยใหญ่ถูกปลูกเป็นร่มทั้งสองฟากฝั่ง จนกิ่งก้านของมันทาบทับลงพื้น เห็นเป็นเงาดำมืดอันน่ากลัว เสียงจิ้งหรีดหวีดร้องอย่างเซ็งแซ่ เอิงเอยก้าวขาลงจากลีมูซีน เธอมองคฤหาสน์หลังใหญ่ได้เต็มตา
คฤหาสน์ถูกสร้างบนพื้นที่กลางเขามากกว่าห้าลูกฮ้อมล้อมสวนผลไม้ ไร่ชา ไร่กาแฟ และลำธาร หลังคฤหาสน์ปลูกสร้างบ้านพักให้คนงาน ทั้งทำไร่ชาหลายพันไร่ ส่วนรอบข้างถูกทำเป็นสวนผลไม้ส่งออกทั้งในและต่างประเทศ ด้านหน้าคฤหาสน์ตรงข้างรั้วกำแพงปลูกไม้ประดับดอกสีม่วงพวงใหญ่ สร้างจุดเด่นแรกเมื่อย่างกรายผ่านเข้ามาข้างใน ถึงกระนั้นเธอยังเห็นว่า พื้นที่กว้างขวางยังหลงเหลือที่ดินว่างอีกหลายไร่ ปล่อยหญ้าแฝกขึ้นจนรกร้าง
ที่นี่หรูหราอย่างมีรสนิยม และมโหฬารมาก หากเป็นเมื่อก่อนเธอเคยผ่านถนนเส้นทางนี้ เห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ของเศรษฐีในจังหวัดทางภาคเหนือจากไกล ๆ ทั้งพอผ่าน ๆ ตาอยู่บ้าง แต่มาครั้งนี้มีหลายส่วนถูกปลูกสร้างเพิ่ม เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากขึ้น เธอได้สำรวจอย่างใกล้ชิด แถมจะได้เข้ามาอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่งอีกด้วย
หญิงสาวใช้สายตาสำรวจที่อยู่ใหม่ด้วยแววสับสน ระคนหวาดหวั่น ไม่รู้ตัวเองตัดสินใจถูก หรือผิดที่ยอมเชื่อฟัง ทำตามความประสงค์ของแม่เธอ แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว คงยากจะหันหลังกลับได้ เธอสูดลมหายใจสุดเข้าปอด เรียกกำลังใจให้แก่ตัวเองเสร็จสรรพ
ท่อนขาเรียวเล็กภายใต้รองเท้าผ้าใบก็จัดการถอดวางไว้ เป็นระเบียบตรงตีนบันได หน้าประตูไม้ทางเข้าคฤหาสน์ เปลี่ยนมาสวมรองเท้าสลิปเปอร์ที่วางเอาไว้ให้ด้านข้างกัน เธอรีบเดินตามพ่อเลี้ยงพฤกษ์ซึ่งจ้ำอ้าวห่างออกไปเรื่อย ๆ จนตามมาหยุดยืนข้างหลังเขา
ดวงตากลมที่ว่าโตแล้วยังเบิกกว้างมากเข้า เธอแหงนหน้ามองโครมไฟระย้า ซึ่งอยู่ตรงกลางห้องโถงของคฤหาสน์อย่างตะลึง บันไดหลายสิบขั้นปูพรมสีแดงทอดยาวขึ้นไปถึงชั้นสอง ทั้งปีกขวา และปีกซ้ายแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ มากมายหลายห้อง
แม้แต่ราวบันไดยังสลักเป็นลายดอกไม้อย่างประณีต ไม้หอมอย่างดอกซ่องปีบจัดใส่แจกันลวดลายมังกรวางประดับรอบข้างห้องโถง ส่งกลิ่นหอมกรุ่น แสนจะผ่อนคลาย ข้าวของข้างในหลายประเภท เธอคิดว่ามันคงมีราคาที่สูงมาก จนไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้ แม้อยากจะจับต้องอยู่ลึก ๆ ก็ตาม ถ้าทำมันเสียหาย เธอจะหาเงินที่ไหนมาใช้เขาล่ะ เผลอ ๆ ของบางชิ้นคงมีราคาสูงกว่าจะมีปัญญาจ่าย จึงทำได้เพียงยืนชื่นชมอยู่ห่าง ๆ
คฤหาสน์กลางไร่เป็นแบบสองชั้น ความสูงเทียยเท่ากับตึก ทั้งกว้างขวาง สุดลูกหูลูกตา คนละคั้วกับความคิดของเธอ ที่เคยคิดเอาไว้ก่อนหน้าเสียอีก
ตอนนั้นเธอมองเห็นแค่ภายนอกก็ว่าอลังการแล้ว พอเข้ามาถึงจริง ๆ เธอกลับตกตะลึง คล้ายว่าเป็นแค่ความฝันหวาน ทุกอย่างเนรมิตรมาดี อย่างกับสวรรค์บนดิน มูลค่าการก่อสร้างคงหลายร้อยหลายพันล้าน เอิงเอยเคยได้ยินพวกแม่ค้าขาเมาท์มอยประจำตลาด ซุบซิบกันช่วงหนุ่ง ว่าพ่อเลี้ยงใช้เงินสดจัดสรรวบประมาณในการก่อสร้างอีกด้วย
เดิมทีพ่อกับแม่ของชายหนุ่มก็อาศัยอยู่คฤหาสน์หลังนี้ จวบจนวาระสุดท้ายในชีวิต ท่านจากเขาไปด้วยโรควัยชรา เจ็บออด ๆ แอด ๆ ยื้อกันมานาน หาวิธีรักษา เอาหมอที่เขาแระนำว่าดีมารักษาแรมปีก็แล้ว ไม่มีสิ่งใดยื้อท่านเอาไว้ได้ตลอดไป ชายหนุ่มสูญเสียมารดาในช่วงเขาอายุเพียง 16 ปี อีกสองปีข้างหน้าต่อมาบิดาก็มาด่วนเสียชีวิตกะทะทัน
พฤกษชาติเสียหลักในชีวิตไปนานพอสมควร กว่าจะกลับมาเป็นคนเอางานเอาการได้ ก็เสียผู้เสียคนไม่น้อยเลยทีเดียว
จากนั้นมาจึงหลงเหลือแค่เขา ที่ต้องรับมรดกตกทอดทั้งหมดมาสานต่ออย่างไม่อาจปฏิเสธ เป็นสิ่งที่เขาควรรับผิดชอบ
เนื่องจากไม่หลงเหลือญาติพี่น้องคนอื่น เขาเพียบพร้อมทั้งฐานะการเงิน ชื่อเสียงทางการเมือง เป็นคนดัง และมีหน้าตาหล่อร้าย เขามีเกือบจะทุกอย่าง ยกเว้นการได้รับความอบอุ่น และความสุขแท้จริง
ภายหลังพฤกษชาติ จึงวางแผนก่อสร้างที่พักเพิ่ม คฤหาสน์ก็ปรับแต่ง เพิ่มความกว้างขวางขึ้น จนเธอที่เพิ่งเข้ามาเยือนรู้สึกวิตกกังวล กลัวว่าจะเดินหลงห้อง คนธรรมดาอย่างเธอไม่เคยอยู่ในที่หรูหราขนาดนี้ จึงทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไรนัก
"ทำไมทำหน้าแบบนั้น" พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยถามขณะคิ้วเข้มขมวดเป็นปม เมื่อพฤกษชาติหมุนตัวกลับมาทางร่างอรชร จึงพบว่าเธอมีสีหน้าที่บอกไม่ถูก ไม่รู้ว่ากำลังตกอยู่ในอารมณ์ใดกันแน่
"นะ...หนูไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้ค่ะ คุณอยู่คนเดียวจริง ๆ เหรอคะ" วงแขนสองข้างกระชับกอดกระเป๋าเสื้อผ้าแน่นขึ้น เธอกัดปากครั้นรู้สึกกดดัน ก่อนจะเงยหน้าสบตาชายหนุ่มตรง ๆ แล้วบอกตามที่เธอคิด
"อืม...ห้องเธออยู่ปีกซ้ายทางนั้น ห้องแรกตรงข้ามกับบันได ส่วนห้องของฉันอยู่ปีกขวา เดินไปจนสุดทางเดินก็จะเจอ ห้องสุดท้ายพอดี"
พฤกษชาติครางรับเสียงต่ำในลำคอหนา แล้วชี้นิ้วเสริมยามอธิบายเสริม ไขข้อข้องใจของเธอ ตนอ่านเธอออกผ่านสีหน้า และแววตา เพราะมันแสดงทุกอย่างที่คิดอย่างชัดเจน...เธอคงมากไปด้วยคำถาม อยากจะตั้งคำถามหลายข้อ ว่าแต่ละห้องบนชั้นสองคือห้องสำหรับอะไร ทำไมถึงมีห้องตั้งเยอะแยะ?
จนมาถึงชั้นล่าง ซึ่งส่วนมากนอกจากห้องตั้งโต๊ะรับประทานอาหาร ห้องโถงกลางคฤหาสน์ไว้นั่งเล่น ดูหนังและฟังเพลง กระทั่งห้องครัวใหญ่ด้านหลังสุดใช้เป็นพื้นที่ทำอาหาร นั่นก็คือออฟฟิศเล็ก ๆ ไว้ใช้เป็นพื้นที่ห้องทำงาน
ซึ่งเดิมทีมันเป็นเพียงลานโล่งกว้าง ก่อนถูกดัดแปลงกลายเป็นห้องทำงานรวมสำหรับพนักงานของไร่อุดมสุขสามตำแหน่ง ได้แก่ ผู้จัดการไร่ เลขาของผู้บริหาร และผู้บริหารสูงสุด ทั้งสามตำแหน่งนี้ต้องทำงานร่วมกันตลอดเวลา จึงทำให้พวกเขาไม่ได้สั่งแยกเป็นห้อง
ตลอดเวลาที่ยืนสนทนากัน เธอสังเกตได้ว่าพฤกษชาติไม่เหมือนคนเดิมที่เคยพูดคุยกับเธอตอนอยู่บนรถด้วยกัน บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แถมพูดน้อยแทบนับคำได้
นอกจากเรื่องงาน อีกฝ่ายก็ไม่พูดอะไรกับเธออีก เขาอาจจะไม่พอใจที่เธอกล่าวหาว่าเขาลวนลามเธอ หรือเพราะเธอหาว่าเขาแก่กว่าเธอหลายสิบปี
อีกใจหนึ่งเธอกลับคิดว่ามันดีแล้วล่ะ คุยกันแค่เรื่องงาน อยู่ให้ห่างกันก็จะดีมาก เธอไม่ปราถนาให้ความฝันเพ้อไปวัน ๆ ของแม่ต้องสำเร็จ เพราะนั่นคนคงครหาว่าเธอจ้องจะจับพ่อเลี้ยงเสียเองตั้งแต่แรก เมื่อสิ้นสุดกำหนดเวลาทำงาน เธอก็จะไปตามทางของเธอทันที
"หนูเริ่มงานพรุ่งนี้เลยใช่ไหมคะ"
"ฉันให้เธอพักเหนื่อยจากเดินทางทั้งวันสักหนึ่งวันก่อนแล้วกัน"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ งั้นหนูเอาของไปเก็บบนห้องก่อนนะคะ" เป็นอีกครั้งของเอิงเอยที่พนมมือไหว้ขอบคุณผู้มีพระคุณ ถึงแม้เจ้าตัวกำลังหอบกระเป๋าเสื้อผ้าหนัก ๆ พะรุงพะรัง พร้อมคลี่ยิ้มบาง ๆ
พฤกษชาติกดตามองนิ่ง ทีแรกเขาว่าจะช่วยถือ แต่ความอวดดีของเธอ ทำให้ตนไม่ออกปาก อาสาเข้าไปช่วย ไม่เชื่อฟังกันก็ต้องช่วยตัวเองแบบนั้นนั่นแหละ ถูกที่สุดแล้ว
"อาบน้ำแล้วลงมากินข้าว คนงานผู้หญิงของที่นี่ทำอาหารไว้ทุกวัน" เสียงห้วนเข้มสั่งอีกหน
นอกจากนี้ ผู้หญิงคนงานในสวน มักจะช่วยงานพวกผู้ชายข้างนอก ช่วงเย็นก็จะเข้ามาทำงาน ช่วยปัดกวาดเช็ดถูคฤหาสน์ ทำงานบ้าน ทั้งทำอาหารเอาไว้ให้คนเป็นเจ้านายทุกวัน แต่พฤกษชาติไม่เคยใช้ลูกน้องทำงานให้ตนฟรี ๆ เขาทบเงินพิเศษรวบรวมพร้อมค่าจ้างรายวันให้เสมอ
"ได้ค่ะ" เธอรับคำซ้ำยังพูดน้อย ถึงกับคำคนฟังใจสั่น กระตุกวูบ เขาชวนเธอคุยมาเกือบตลอดการเดินทาง เธอกลับไม่สนิทใจต่อเขาอีกหรือไง แถมยังตีตัวออกห่างมากกว่าเก่า
พฤกษชาติเกลียดนักพวกคิดอะไรซับซ้อน กั๊กเรื่องค้างคาใจไม่ยอมพูดออกมาให้หมด พาลทำเขาหงุดหงิดเสียเต็มประดา อารมณ์มาคุที่พวยพุ่งขึ้นจนแน่นอกแกร่ง แต่หนุ่มใหญ่กลับทำได้เพียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวเคี้ยวฟัน สะบัดหน้าบึ้งตึงหนีจากเธอ แล้วสืบเท้าขึ้นห้องไปก่อนเสียอย่างนั้น
"อะไรของเขา" เอิงเอยยืนงงงวย ตามเขาไม่ทัน ก็แหงล่ะ กว่าจะถึงหนึ่งวันเขาอารมณ์ไม่คงที่สักครั้ง เธอขับไล่ความคิดเหล่านั้นทิ้ง ขออาศัยร่วมบ้านกับเขาเงียบ ๆ ไม่ไปวุ่นวาย หรือสร้างความขุ่นเคืองให้อีก