บท
ตั้งค่า

เตรียมความพร้อม

วันเวลาล่วงเลยผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งสัปดาห์นับตั้งแต่มหาปราชญ์ฟื้นขึ้นมาจากความตายโดยการแทรกแซงจิตวิญญาณเข้ามายังร่างองค์ชายฉินหลินผู้ได้สมญานามว่า “จอมเสเพล”

ฉินหลินได้ทำการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตวิญญาณของตนก่อนเป็นอันดับแรก การฟื้นฟูเกือบจะเสร็จสิ้นแล้วแต่ด้วยเหตุผลบางประการ ตลอดวันเวลาที่ผ่านมามีแขกมาเยี่ยมเขาอย่างมากมายซึ่งผู้มาเยี่ยมไม่ใช่ชนชั้นที่ต่ำต้อยแต่อย่างใดทุกคนล้วนมาจากตระกูลขุนนางหรือเหล่าตระกูลใหญ่ล้วนมากันอย่างไม่ขาดสายหากไม่ถูกเขาไล่ไปเสียก่อน เมื่อพวกมันทรงได้รับทราบข่าวว่าองค์ชายสิบองค์ชายแห่งความเสเพลได้ป่วยขึ้นด้วยโรคประหลาด

ช่วงเวลาก่อนหน้าที่พวกจะรับทราบข่าวการป่วยนี้ พวกมันไม่ได้ให้ความสำคัญหรือแม้แต่เหลียวมองในตัวองค์ชายองค์นี้เลยแม้แต่น้อยทำราวกับไร้ซึ่งตัวตน ทำเป็นว่าในอาณาจักรแห่งนี้มีรัชทายาทเพียงเก้าไม่ใช่สิบ เพราะตัวองค์ชายสิบผู้นี้นับได้ว่ามีอำนาจน้อยที่สุดและเป็นตัวน่ารังเกียจที่สุดในสายตาประชาชนของอาณาจักรแห่งนี้ มีหรือที่พวกมันจะให้ความสำคัญ แล้วยิ่งเป็นองค์ชายที่มีการกระทำย่ำแย่อย่างมากมายมาโดยตลอด ไม่ได้สร้างผลงานหรือชื่อเสียงในฐานะราชวงศ์ ไม่ปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับฐานะและเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนพวกมันยิ่งไม่อยากเข้าใกล้แต่ถึงอย่างไรองค์ชายก็ยังคงเป็นองค์ชายไม่มีวันเปลี่ยนแปลงถึงสถานะจะต่ำกว่าองค์ชายองค์อื่น แต่ก็ยังคงเป็นสายเลือดของเชื้อพระวงศ์อันสูงศักดิ์ พวกมันที่มาเยี่ยมเยือนจึงตัดสิ้นใจหวังใช้โอกาศเช่นนี้ผูกมิตรกับองค์ชายผู้นี้เสียเลย พวกมันทั้งหมดรู้ว่าตัวองค์ชายผู้นี้ชื่นชอบสิ่งใดมากที่สุด พวกมันจึงนำหญิงสาวที่พวกมันได้เลือกคัดสรรมาอย่างดีด้วยตัวพวกมันเอง แต่แล้วพวกมันทั้งหมดก็ต้องพบกับความล้มเหลวผิดหวังกลับบ้านเสียทุกราย หากเป็นองค์ชายคนเก่าต้องยินดีเป็นแน่แท้ที่ได้ของขวัญเช่นนี้ตั้งมากมาย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้วมีหรือจะสำเร็จ

“เฮ้อ!...นี้ข้าเป็นเหยื่อทางการเมืองของพวกโลภแล้วอย่างงั้นรึ”

ภายนอกฉินหลินแสดงออกมาถึงความรู้สึกเบื่อหน่ายแต่ภายในหารู้ไม่ว่าฉินหลินรู้สึกตื่นเต้นยินดีเพียงใด ถึงแม้ชีวิตที่แล้วเขาจะเป็นถึงมหาปราชญ์ ส่วนลึกภายในใจเขาก็ยังอยากที่จะเป็นผู้ฝึกตนอย่างแท้จริงด้วยเช่นกัน แต่เนื่องด้วยเหตุผลบางประการจึงทำให้เขาไม่สมหวังกับสิ่งที่ปรารถนาซึ่งสิ่งนั้นคือการเป็นผู้ฝึกตนอย่างแท้จริง เขาจึงทดแทนด้วยการเลือกเดินในเส้นทางขั่วตรงข้ามแทนคือการเลือกเดินในเส้นทางแห่งปัญญามิใช่ทางกำลังและอำนาจเหนือกฏเกณฑ์แต่ตอนนี้เขาได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งพร้อมร่างกายที่สามารถฝึกฝนได้มีหรือเขาจะไม่ดีใจ สวรรค์ตงเห็นใจเขาเป็นแน่ที่ทำให้ตัวเขาได้โอกาศเช่นนี้มา เพียงแค่เขาคิดก็ตื่นเต้นแล้ว หากนำปัญญาของเขาหลอมรวมเขากับทักษะที่ตัวเขาใฝ่ฝันมาตลอดมันจะไปไกลได้สักเพียงใด

ฝู่ ฝู่ ฝู่ ! ! !

พลังงานลี้ลับพรั่งพลูออกจากฝ่ามือของฉินหลิน พลังงานสีเทากระจ่างใสหากไม่สังเกตให้ดีก็ยากที่จะมองเห็น สิ่งที่ปรากกฏบนฝ่ามือของฉินหลินคือพลังแห่งจิตวิญญาณมันเป็นพลังงานตรงกันข้ามกับพลังแห่งลมปราณ พลังงานแห่งจิตวิญญาณก่อกำเนิดและปลดปล่อยมาจากแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณ พลังงานชนิดนี้มุ่งเน้นไปทางศาสตร์แขนงสนับสนุนต่างๆเช่น การปรุงยา การสร้างค่ายกล หรือ ตัวก่อกำเนิดพลังชนิดใหม่หากนำมาหลอมรวมกับพลังชนิดอื่น

พลังจิตวิญญาณนี้สามารถทำการครอบครองได้ทุกบุคคลไม่ว่าจะเป็นบุคคลอันไร้ประโยชน์เพียงใดเฉกเช่นตัวมหาปราชญ์ที่เป็นบุคคลไร้ลมปราณที่ได้พลังนี้มาทดแทน พลังงานชนิดนี้มีสาเหตุที่ได้มาครอบครองหลักเลยคือมีตั้งแต่กำเนิดซึ่งนับได้ว่าหายากอย่างแท้จริงหรือได้รับการถ่ายโอนจากผู้มีพลังชนิดนี้โดยตรง และวิธีสุดท้ายที่ทำให้สามารถครอบครองพลังชนิดนี้ได้คือค้นพบแหล่งต้นกำเนิดซึ่งตัวเขาเองก็ได้พลังมาด้วยวิธีนี้

พลังวิญญาณของฉินหลินที่ปลดปล่อยออกมาหากนำไปเทียบกับคนอื่นแล้วเขานับว่าต่ำเตี่ยเสียนี้กระไร แม้จะนำมาเทียบกับผู้เริ่มฝึกด้วยกันเองก็ตาม เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะเนื่องด้วยแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณเขายังไม่ฟื้นคืนเสร็จสมบูรณ์และอีกหลายๆเหตุผล

“ข้าถ่อมตนเสมอไม่เคยโอ้อวดแม้ต่อหน้าศัตรูหรือมิตรสหาย แต่ครั้งนี้ข้าคงต้องขอโอ้อวดตัวเองเสียหน่อย ชีวิตที่แล้วข้าเป็นอัจฉริยะพอมาอีกครั้งข้าก็ยังคงความอัจฉริยะเฉกเช่นเดิม ไม่แน่ข้าอาจเป็นยอดอัจฉริยะทางด้านลมปราณด้วยเช่นกัน"

ฉินหลินรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งหากจิตวิญญาณเขาก้าวหน้าเร็วเหมือนดั่งความเข้าใจภายในอดีต พลังวิญญาณเขาจะพุ่งทะยานเหนือกว่าผู้ใดด้วยทักษะที่เขามีอยู่และประสบการณ์ที่สั่งสมมา

ฉินหลินนั่งฝึกฝนพลังวิญญาณเริ่มทำความเข้าใจมากยิ่งขึ้นเฉกเช่นครั้งอดีต ทักษะพลังวิญญาณที่ฉินหลินกำลังทำความเข้าใจเป็นหนึ่งในทักษะยุคโบราณ แรกเริ่มเดิมที่ตำราเล่มนี้อยู่ที่ซากโบราณสถาน ตัวเขาได้รับตำราเล่มนี้มาจากศิษย์คนหนึ่งที่ได้ทำการสำรวจยังสถานที่แห่งนั้น

พลังงานสีเทาเข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างฉินหลินพลังงานเหล่านั้นเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเข้มข้นขึ้น จากพลังงานสีเทาที่เจือจางเปรียบดั่งไฟที่ริบรี่ใกล้มอดดับที่โดนเพียงกระแสลมอันน้อยนิดก็ถึงคราจบ แปรผันไปเป็นแปลวไฟที่ลุกโชนไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด แม้คลื่นน้ำที่เชี่ยวกราดหรือกระแสลมที่กระโชก“พ่อบ้านเฉินรบกวนนำของเหล่านี้มาให้ข้าด้วย”

ฉินหลินหยุดการฝึกพลังวิญญาณหากจะทำให้ตัวจุดกำเนิดพลังวิญญาณฟื้นคืนอย่างแท้จริงจำเป็นต้องพึ่งตัวช่วยบางอย่างซึ่งตัวช่วยสิ่งนั้นคือเม็ดยาพิเศษ ฉินหลินต้องการหลอมเม็ดยาชนิดหนึ่งเพื่อนำมาช่วยยังส่วนนี้ หากทำการฟื้นฟูเองคงนานโข แต่ตอนนี้เขาเป็นถึงองค์ชายมีทรัพยากรมากมายให้ใช้อย่างเหลือเฟือเขาก็ขอใช้มันหน่อยก็แล้วกัน มีให้ใช้แต่ถ้าไม่ใช่มันเสียของแย่

ชีวิตที่แล้วเขาหลอมเม็ดยามามากมายไม่ว่าจะเป็นเม็ดยาชนิดใดของยุคสมัยใด ไร้ซึ่งลมปราณไม่ใช่ไร้ซึ่งพลังวิญญาณ พลังวิญญาณชีวิตที่แล้วของเขาในฐานะมหาปราชญ์ไม่ได้ดีเด่นอะไรมากนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับหลอมเม็ดยาไม่ว่าจะเป็นระดับใดถึงมันจะลำบากกว่าผู้อื่นตรงที่พลังวิญญาณไม่ได้แกร่งกล้ามากนักแต่จุดอ่อนเหล่านั้นก็ถูกแก้ด้วยสติปัญญาของเขาทำให้เม็ดยาแต่ละเม็ดที่เขาหลอมมันขึ้นมาล้วนมีประสิทธิภาพที่สูง ก่อนหน้าเขาจึงดีใจอดไม่ได้ที่จะกล่าวโอ้อวดแก่ตนเองที่รู้สึกว่าตัวเขาเป็นอัจฉริยะทางด้านนี้ด้วยเช่นกัน“องค์ชายขอรับบ่าวเฉินขออภัยที่กล่าวถามอย่างไร้มารยาทนะขอรับ องค์ชายหลอมเม็ดยาเป็นหรือขอรับ”

บ่าวชราเฉินถามองค์ชายนายเหนือหัวมันอย่างสงสัยเนื่องจากสิ่งของที่องค์ชายได้สั่งให้ตัวมันไปนำมาล้วนแล้วเป็นสมุนไพรที่นำมาปรุงเม็ดยาทั้งสิ้น ยิ่งกว่านั้นมันไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าตัวองค์ชายจะสามารถหลอมเม็ดยาได้

ฉินหลินไม่โทสะแต่อย่างใดเกี่ยวกับคำถามที่ไร้มารยาทจากพ่อบ้านเฉินเพราะเขารู้มันเป็นผลเนื่องด้วยชีวิตก่อนหน้านี้

“ใช้ข้าหลอมมันได้”

พ่อบ้านเฉินได้ยินคำตอบไร้ซึ่งการลังเลเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของฉินหลินถึงแม้ตัวมันจะสงสัยอยู่ก็ตามว่าเหตุใดถึงหลอมยาเป็นอย่างไรมันก็เป็นเพียงบ่าวดั่งนั้นบ่าวก็ทำหน้าที่ของบ่าวให้ดีคือเชื่อใจเจ้านายอย่างที่สุด ตัวมันอยากจะตะโกนออกมาสุดเสียงเพื่อปลดปล่อยอารมณ์แห่งความดีใจปลื้มปิติหากมันไม่ได้อยู่ตรงนี้มันคงทำไปแล้ว“ได้ขอรับ บ่าวจะนำมาให้อย่างเร่งด่วน” บ่าวชราวิ่งจากไปอย่างสุดกำลังทันท่วงที วิ่งไปพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุข

“เป็นคนที่ซื่อสัตย์อะไรเช่นนี้”

ฉินหลินที่เห็นอาการของพ่อบ้านเฉินจึงอดที่จะกล่าวชมในความซื้อสัตย์ของบ่าวผู้หนึ่งที่จะมีให้แก่นายเหนือหัวได้ ถึงตัวเขาจะอยู่มาแล้วชีวิตหนึ่งพบเจอผู้คนมามากแต่หายากยิ่งบ่าวเช่นนี้ที่ซื่อสัตย์ต่อนายเหนือหัวอย่างแท้จริงเฉกเช่นพ่อบ้านเฉิน

เพียงไม่นานพ่อบ้านเฉินก็กลับมาพร้อมสมุนไพรจำนวนมากสำหรับหลอมเม็ดยาและสิ่งสำคัญที่สุดหากขาดสิ่งนี้ไปการหลอมเม็ดจะไม่เกิดขึ้นแต่อย่างใดซึ่งสิ่งที่ว่าคือ “เตาหลอม”

“พ่อบ้านเฉินบอกทุกคนด้วยนับตั้งแต่นี้ไปหากข้าไม่ได้สั่งอย่าให้ผู้ใดเข้าใกล้ตำหนักของข้าอีกเป็นอันขาด แม้แต่คนส่งอาหารก็ไม่ต้อง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel