เกิดใหม่แล้วเปิดสำนัก

101.0K · ยังไม่จบ
VioletShine
52
บท
97.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อมหาปราชญ์ผู้ครอบครองปัญญาอันมากล้น เป็นบุคคลเพียงหนึ่งที่หยั่งรู้แทบทุกสรรพสิ่ง ได้โอกาสหวนคืนมามีชีวิตอีกครั้งโดยการมาเกิดใหม่ภายในร่างของ "องค์ชายจอมเสเพลผู้หลงในตัณหาราคะ"

กำลังภายในเกิดใหม่นิยายแฟนตาซีแฟนตาซี ต่างโลกนิยายแฟนตาซีนิยายแอคชั่นพระเอกเก่ง

มหาปราชญ์ผู้คาดหวัง

ณ พื้นสีเขียวอันสมบูรณ์ประกอบไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิดภายในป่าลึกแห่งนี้มีความแตกต่างจากป่าแห่งอื่น เนื่องจากต้นไม้แต่ละตนของป่าแห่งนี้ปลดปล่อยพลังลึกลับออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพลังลึกลับนี้มันช่างลึกล้ำและยากที่จะคาดเดาได้ว่ามันคือสิ่งใด หากผู้ใดมีจิตใจที่อ่อนแอคงไม่สามารถเข้ามายังป่าแห่งนี้ได้เป็นแน่

ป่านับว่าแปลกพิกลแล้ว แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นับว่าแปลกเสียยิ่งกว่าป่าแห่งนี้ สิ่งนั้นก็คือ ภายในป่าอันลึกลับแห่งนี้กลับปรากฏการมีอยู่ของกระท่อมหลังหนึ่ง เป็นกระท่อมที่ไม่มีความโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นความหรูหรา ความใหญ่โต หรือแม้แต่ลักษณะพิเศษที่บ่งบอกถึงความลึกลับที่สามารถตั้งถิ่นฐานอยู่ยังสถานที่แห่งนี้ได้ ภายในกระท่อมถูกตกแต่งประดับประดาราวกับกระท่อมสามัญไม่มีสิ่งใดพิเศษ และสิ่งแปลกก็ปรากฏอีกครั้งเมื่อมีบุรุษหนุ่มทั้งสองนั่งสนทนากันอยู่ภายในกระท่อมสามัญแปลกพิกลหลังนี้“ท่านมหาปราชญ์ข้าอดสงสัยในตัวท่านไม่ได้เสียจริง ว่าเหตุใดท่านถึงสามารถแสวงหาความรู้มากมายเหล่านี้มาได้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่จอมยุทธมากฝีมือต่างตกตายด้วยสาเหตุนานาประการเพื่อแสวงหาสิ่งเหล่านี้ที่ตัวท่านครอบครองอยู่สิ่งที่อยู่ภายในหัวของท่าน ที่ข้าแปลกใจและสงสัยยิ่งคือตัวท่านเป็นเพียงผู้ไร้พลังยุทธร่างกายอันบอบบางที่แสนจะอ่อนแอมีเพียงพลังแห่งจิตวิญญาณท่านกลับสามารถครอบครองมันมาได้ ข้าไม่เข้าใจท่านเลยว่าท่านทำได้เช่นไรถึงได้สิ่งเหล่านี้มาข้าขอคารวะ” เจ้าของเสียงสนทนานี้เป็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งผู้ซึ่งสวมชุดจอมยุทธสีดำสามัญไม่มีสิ่งใดพิเศษ จอมยุทธชุดดำสนทนาอยู่กับบุคคลเบื้องหน้าบุคคลที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างสง่างาม ร่างบุรุษผู้ถูกเรียกมหาปราชญ์ทำเพียงปิดเปลือกตาของตนลงหลังได้ยินคำถามที่ชวนสงสัยของจอมยุทธชุดดำ มหาปราชย์ปิดตาลงพร้อมย้อนคิดเรื่องราวภายในอดีตของตนที่ไม่ค่อยจะราบรื่นและโรยไปด้วยความน่ายินดีเสียเท่าไหร่

“ข้าก็แค่ทดแทนในสิ่งที่ข้าขาดหายไปเท่านั้นเจ้าอย่าได้คิดให้มากความ หากตัวข้าสามารถฝึกวรยุทธได้ ตัวตนของมหาปราชญ์ก็อาจจะไม่ปรากฏก็เป็นได้ใครจะหยั่งรู้” มหาปราชญ์กล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก มหาปราชญ์นั้นอยากจะบอกชาวยุทธชุดดำด้านหน้าตนว่ากว่าเขาจะมาถึงทุกวันนี้ได้ต้องผ่านอะไรมามากทั้งการดูถูก เหยียดหยาม การกลั่นแกล้ง การถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีพังทลาย แต่มหาปราชญ์นี้มีความมุ่งมั่นอดทนเหนือกว่าผู้ใด มหาปราชญ์ทำได้เพียงแค่อดกลั่นไม่สามารถปลดปล่อยอารมณ์เหล่านั้นออกมาได้ กว่าจะมาเป็นวันนี้เหนื่อยยากแสนเข็ญจนคิดที่อยากจะปลิดชีวิตตนเองเสียให้จบเรื่องราวไปตัวท่านน่านับถือยิ่งที่สามารถผ่านพ้นสิ่งเหล่านั้นมาได้ แม้แต่ผู้อยู่จุดสูงสุดยังต้องได้คำชี้แนะจากท่าน ตัวข้าขอคารวะ” จอมยุทธชุดดำกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงแห่งความเคารพอย่างที่สุดถึงแม้ตัวมันจะเห็นมหาปราชย์ตอบคำถามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่แสดงออกมาเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ตัวมันย่อมรู้ดีว่ามันไม่ใช่เช่นนั้นอย่างแน่นอนเนื่องจากตัวมันและมหาปราชญ์ผูกพันธ์อยู่ร่วมกันมาหลายปีย่อมรู้นิสัยใจคอซึ่งกันและกันเป็นธรรมดา

“ฮ่า ฮ่า เจ้านี้ปากหวานไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ถึงแม้เจ้าจะปากหวานเพียงใดก็ตาม ข้าก็ไม่ลืมเลือนเรื่องที่เราคุยไว้ก่อนหน้าเรื่องวรยุทธ์ของเจ้า ที่ตัวข้าได้ทำการชี้แนะเจ้าไปนั้นถึงขั้นไหนแล้ว” มหาปราชญ์ยกยิ้มที่มุมปากอีกคราหลังได้ยินคำกล่าวยกย่องแสดงความเคารพของชาวยุทธชุดดำ การยิ้มครั้งนี้ของมหาปราชญ์ไม่มีสิ่งใดแอบแฝงเป็นรอยยิ้มแห่งความขอบคุณ ขอบคุณชาวยุทธสีดำที่กล่าวเช่นนั้นออกมา

“ข้าใกล้ถึงขั้นสูงสดของทักษะแล้ว” จอมยุทธชุดดำกล่าวตอบคำถามมหาปราชญ์ด้วยน้ำเสียงและใบหน้าแห่งความมั่นใจทีมากเสียจนมหาปราชญ์เกิดความหมั่นไส้ ฝ่ามือเรียวเล็กของบุคคลไร้วรยุทธสบัดฝาดลงบนศีรษะชาวยุทธชุดดำพร้อมกับเกิดเสียง “เพียะ!!!”“หึ! เจ้าอย่าได้ใจให้มันมากนัก โลกต่างมียอดอัจฉริยะเหนือกว่าเจ้าหลายขุมยังมากล้าโอ้อวดต่อหน้าข้าถึงความสำเร็จด้านวรยุทธ แต่เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยที่พึ่งเริ่มฝึกตน กลับกล้าแสดงการกระทำเช่นนี้ออกมามันน่าเสียนี้กระไร เจ้ากลับไปได้แล้วเจ้าเป็นบุคคลสุดท้ายของวันนี้แล้วข้าจะได้พักผ่อนเสียที” มหาปราชญ์กล่าวกับจอมยุทธชุดดำด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์เสียเท่าไหร่พร้อมกวักมือไล่ให้ออกจากกระท่อมหลังนี้ซึ่งเป็นที่พักของตน ซึ่งตนจะได้พักผ่อนเสียทีหลังเหนื่อยกับการพบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา

หนทางแห่งการให้คำชี้แนะของมหาปราชญ์นั้นต้องเป็นบุคคลที่มหาปราชญ์เลือกด้วยตัวเอง ไม่ว่าพวกคนเหล่านั้นอยากจะได้คำชี้แนะมากเพียงใดก็ไม่สามารถกระทำได้ยัดเงิน มอบสมบัติ ทุกสิ่งอย่างที่ทุกคนเสนอมาล้วนถูกปฏิเสธ บุคคลที่มหาปราชญ์เลือกนั้นจะดูที่นิสัยไม่สนว่าจะมีพรสวรรค์สูงล้ำหรือต่ำเตี้ยเพียงใดหากมีจิตใจที่ดี นิสัยมีคุณธรรม มีความคิดที่ดี มหาปราชญ์ก็พร้อมที่จะให้คำชี้แนะและสั่งสอน

มหาปราชญ์ผู้นี้กับอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้คนรอบข้างไร้คนรักคนรอบข้างต่างตกตายไปตามกาลเวลา ส่วนคนรักมหาปราชญ์ไม่สนใจหญิงใดนอกเสียจากรักแรกที่ตกตายลงด้วยน้ำมือของพวกจอมยุทธชั่วช้าที่มาปล้นยังหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของตัวเขาเมื่อยังเยาว์วัยและรักแรกของมหาปราชญ์ หลังจากการบุกปล้นที่ไม่เพียงเสียทรัพย์สิ้นแต่ยังเสียรักแรกไปมหาปราชญ์เปลี่ยนความแค้นให้เป็นความมุ่งมั่นเพื่อหวังจะปกป้องคนรักและคนรอบข้างของตนอีกครั้งไม่ให้ผิดพลาดเหมือนกับครั้งที่ผ่านมาวันเวลาผ่านแล้วผ่านเล่ามหาปราชญ์ไม่เจอรักที่จริงใจเหมือนดั่งรักแรก หญิงสาวที่หลงรักตัวเขานั้นพึ่งหวังเพียงอำนาจและชื่อเสียง การพบเจอบ่อยครั้งเช่นนี้ทำให้มหาปราชญ์ครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวเองว่า เขาถูกคำสาปหรืออะไรกันทำไมตนต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้เขาอยากมีคนรักอยากมีลูกน้อยอยากเริ่มชีวิตครอบครัวที่เขาอยากมีมาตลอดแต่ทำไมต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้ด้วย มหาปราชญ์จึงตัดสิ้นใจอย่างเด็ดขาดหากไม่สามารถหาคนที่รักเขาจริงและตัวเขารัก ก็ละทิ้งเสียให้หมดเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้ เขาจะรอ รอจนกว่าจะพบเจอ เพื่อหวังจะเจอคนที่รักเขาอย่างแท้จริงด้วยนิสัยและความจริงใจไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้น

“ท่านระวังตัวด้วย ช่วงนี้มีพวกพรรคชั่วช้ามันเริ่มจะออกอาละวาดแล้ว แล้วยิ่งเป็นบุคคลระดับท่านด้วยต้องยิ่งระวังให้มากขึ้นไปอีก” จอมยุทธชุดดำตะโกนด้วยน้ำเสียงแห่งความเป็นห่วงอีกคราหลังโดนไล่ก่อนจะจากไปทิ้งให้มหาปราชญ์อยู่เพียงลำพังภายในกระท่อม

“เฮอะ!!! มันจะมาเอาคนพิการเช่นข้าไปทำอะไร แต่ถ้าหากพวกมันหวังจะใช้วิชาใดวิชาหนึ่งเพื่อจะเอาสิ่งที่อยู่ภายในหัวข้าไปพวกมันคงไม่มีทางสำเร็จ” มหาปราชญ์กล่าวบ่นพึมพำเพียงลำพังก่อนจะเดินไปยังเตียงไม้ไผ่ธรรมดาหลังหนึ่งเพื่อหวังล้มตัวลงนอนพักผ่อน จากความวุ่นวายของวันหนึ่ง

‘ชีวิตนี้ข้าต้องการสิ่งใดอีก?’