บท
ตั้งค่า

3.ชายากำมะลอ

ร่างเล็กดีดตัวขึ้นมองเจ้าของเสียงทันที คิ้วสวยผูกเป็นปมเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจน “เป็นเขาจริงด้วย”

“ว่าไงอยู่ที่จวนข้าสบายดีสินะ”

“ก็ดีเพคะ” ตอบเสียงเบาเพราะน้ำเสียงเขาดูเย้ยหยันอยู่ในที จึงทำให้คนต่างยุคเกรงอยู่ไม่น้อย เพราะยังไม่รู้นิสัยใจคอของอีกฝ่ายเลย หากอวดเก่งใส่ถูกสั่งโบยหรือตัดคอเธอคงแย่แน่ เพราะฉะนั้นต้องทำตัวว่าง่ายเข้าไว้

“ก็ดี เช่นนั้นก็สำนึกบุญคุณเสีย ว่าข้าช่วยเจ้าไว้ ไม่ปล่อยให้ตายที่กระท่อมนั้น” อ๋องหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น มองสตรีตัวน้อยยืนตัวแข็งทื่อ คงเพราะตื่นกลัวเขาเป็นแน่

“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ช่วยหม่อมฉันไว้”

“อืม เช่นนั้นเรามาทำข้อตกลงกัน” เอ่ยพร้อมกับเดินตรงมานั่งที่เตียง “จะยืนค้ำหัวข้าอีกนานไหม” ไม่วายส่งเสียงดุให้คนตัวเล็กต้องสะดุ้ง จนต้องรีบเดินมานั่งข้างเขา

“ข้าจะให้เจ้าอยู่ในฐานะชายาไปจนกว่าจะจบเรื่องพระราชทานสมรส หรือไม่ก็ให้ข้าหาชายาที่ถูกใจได้ก่อน แล้วข้าจะคืนอิสระให้เจ้า” เอ่ยโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนข้างกายแม้แต่น้อย เป็นเพราะใบหน้าของนางนั้นเต็มไปด้วยรอยอักเสบของสิว จนมันเหมือนแผลพุพอง

“เพคะ..เอ่อว่าแต่ท่านอ๋องรู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร” ถามออกไปแล้วก็ก้มหน้า เพราะกลัวว่าเขาจะหงุดหงิด

“หึ!..ตัวเจ้าเองยังไม่รู้ แล้วข้าจะไปรู้ได้เช่นไร นี่อย่าบอกนะว่าจำสิ่งใดไม่ได้” เขาหันกลับมาคาดคั้นเอาความกับนางทันที ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปเสียดื้อๆ

“จำไม่ได้เพคะ ตื่นมาก็อยู่ในโลงแล้วก็ถูกตามฆ่า ไม่รู้จริงๆ ว่าตนเป็นใครมาจากที่ใด”

“เอาเถอะ ข้าจะให้คนสืบให้ก็แล้วกัน ยามที่ภารกิจสำเร็จเจ้าจะได้กลับไปหาครอบครัวได้”

“หาครอบครัวงั้นหรือ แล้วถ้าคนที่คิดจะฆ่าเราเป็นคนในครอบครัวล่ะ ช่างเถอะยังไงก็คงไม่ใช่ตอนนี้หรอก”

ได้แต่คิดในใจก่อนจะยิ้มบางๆ ออกมา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสนใจแม้แต่น้อย สายตานั้นยังคงมองด้วยท่าทีรังเกียจเช่นเดิม ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันหลังกลับมามองเลย

“ชิ!..เอาไว้ให้ฉันรักษาใบหน้านี้ได้ก่อนเถอะ อีตาอ๋องจอมหยิ่งท่านจะต้องคุกเข่าร้องขอความรักจากฉันแน่ ทำเป็นไม่มองหน้า เอาไว้แม่สวยเมื่อไหร่เจอกัน”

เอ่ยจบก็ทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิม พร้อมกับนึกถึงข้อเสนอของอีกฝ่าย ซูเหยาพลิกตัวนอนคว่ำยกขาตั้งขึ้นแกว่งไปมาเหมือนเด็ก นางกำลังใช้ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

“อยู่ในร่างนี้โดยไม่รู้ที่มา เราคงต้องพยายามหารายได้เข้ากระเป๋า สักวันถ้าอีตาอ๋องนั้นมีคนรัก เราก็ต้องถูกเฉดหัวออกไป ถึงตอนนั้นอาจถูกไล่ล่าจากคนพวกนั้นอีก ว่าแต่ทำไมพวกเขาต้องอยากฆ่าเด็กอย่างเธอด้วย” นึกมาถึงตรงนี้ทีไรซูเหยาก็เป็นงงทุกที คนที่ตายไปแล้วแต่กลับถูกคนจ้องจะเอาชีวิตอีก

“หรือว่าจะเป็นการฆ่าปิดปาก” เมื่อคิดได้แบบนี้ ร่างเล็กก็ดีดลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง

“คนพวกนั้นต้องการให้เด็กคนนี้ตายถึงได้ตามล่าขนาดนั้น เธอตายแบบไม่ยุติธรรมหรือเปล่าเด็กน้อย” ซูเหยาเอ่ยกับตนเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน และยังคงคิดปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด

“เห้อ! เอาไว้พี่จะหาคำตอบให้แล้วกันนะ วันนี้ขอนอนพักเอาแรงก่อนนะ” เอ่ยจบก็ปิดตาลง เมื่อลมหายใจสม่ำเสมอ เธอก็เข้าไปอยู่ในห้วงฝันอีก เป็นแบบนี้ตั้งแต่ครอบครองร่างของเด็กน้อย เลยทำให้ซูเหยาปล่อยวางไม่ได้ต้องคอยนึกถึงเรื่องราวอยู่ตลอด

“นี่เด็กน้อยอย่าร้องเลยนะ พี่จะช่วยตามหาครอบครัวให้ เธอเองก็ดันจำอะไรไม่ได้ แบบนี้พี่จะช่วยได้ยังไง” ซูเหยานั่งปลอบคนตัวเล็กในความฝัน

“ขอโทษที่ข้าดึงท่านมาเผชิญชะตากรรมเช่นนี้ ข้ามองไม่เห็นใครในยามนั้น ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ด้วยเลยทำให้ท่านลำบากเพราะข้าเลย”

“เอาน่า ช่างมันเถอะ ในยุคปัจจุบัพี่ก็คงจะตายไปแล้วนั่นแหละ ถึงมาอยู่ในร่างของน้องได้ เอาเป็นว่าเรามีชะตากรรมร่วมกันเนาะ ส่วนเรื่องของน้องพี่จะพยายามสืบให้ก็แล้วกัน อย่าร้องไห้ ไม่เหนื่อยเหรอเจอทีไรก็ร้องทุกรอบ”

“ข้าก็อยากเข้มแข็งเช่นท่าน แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้อ่อนแอเช่นนี้ได้ ตัวตนข้าคงเป็นสตรีขี้โรค ถูกผู้คนรังแกประจำ”

“ก็อาจจะใช่ แต่ตอนนี้น้องหลุดพ้นแล้วนะ ไม่จำเป็นต้องอ่อนแอแล้ว อีกอย่างพี่อยู่ในร่างน้อง ไม่ต้องกลัวว่าใครจะรังแกได้ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”

เอ่ยจบก็กอดคนที่ตัวเล็กกว่าเอาไว้ พร้อมกับปลอบประโลมจนร่างเล็กนั้นหยุดสะอื้นไห้ นั่นคือความฝันในทุกคืนที่ซูเหยาพบเจอ เธอต้องคอยปลอบเด็กน้อยคนนี้ทุกวัน ไม่รู้อีกฝ่ายสรรหาความโศกเศร้ามาจากที่ใดนัก

รุ่งสาง สาวใช้สองนางก็เดินเข้ามาพร้อมกับผ้าและอ่างล้างหน้า แต่ซูเหยากลับขออาบน้ำ และให้หามะนาว น้ำผึ้ง ไข่ขาว ใส่ถ้วยมาด้วย

“แม่นางจะทานหรือเจ้าคะ” เสี่ยวมี่เอ่ยถามทันที

“ใครเขาจะกินไข่ดิบกันล่ะ ข้าจะเอามาพอกหน้า ไปหาให้ทีนะ ไม่อยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของข้าหรือ”

“พอกหน้า แล้วตุ่มพวกนี้จะหายไปหรือเจ้าคะ”

“ใช่แล้ว ไม่เกินสองเดือน รับรองพวกพี่จะได้ยลโฉมสตรีงามอันดับหนึ่งแน่นอน” บอกพร้อมกับยักคิ้วสวยใส่ด้วย

“เช่นนั้นข้าน้อยจะรีบไปเอามาให้นะเจ้าคะ” รับคำแล้วเสี่ยวมี่ก็รีบออกไปจากห้องทันที

“แม่นางดูเหมือนจะเป็นหญิงงามนะเจ้าคะ หากใบหน้านี้ไม่มีตุ่มแดง คงเป็นสตรีงามสะท้านแผ่นดินดังว่า”

“ขนาดนั้นเชียว” ซูเหยาเอ่ยอย่างไม่เชื่อ

“จริงเจ้าค่ะ ดูผิวพรรณนี่สิ ขาวผ่องราวกับไข่มุก พอเริ่มทานอาหารบำรุงร่างกาย ท่านก็ยิ่งดูมีสง่าราศี ราวกับเป็นเทพธิดามาจุติก็ไม่ปาน” ถงลี่เอ่ยชมอย่างจริงใจ

“โอ้โหขนาดนั้นเชียว หึ! คนสมัยนี้ปากหวานกันจังแฮะ แต่ก็เอาเถอะตามน้ำไปละกัน”

เพราะอยากอยู่โดยไร้ปัญหา คนจากต่างยุคเลยเออออห่อหมกตามไปโดยไม่คิดจะแย้ง และเธอก็ใช้ชีวิตอยู่เช่นนี้ไปเรื่อยๆ เดินไปมาในสวน พอกหน้าตอนเข้านอน ทำอย่างนี้วนไปแบบไร้สาระ

“เห้อ! ดูเหมือนจะสบาย แต่อึดอัดชะมัด”

“เบื่อหรือเพคะ” เสี่ยวมี่เอ่ยถามพร้อมกับเปลี่ยนการใช้คำ เพื่อให้เข้ากับฐานะของอีกฝ่าย

“มาก..อยากออกไปข้างนอก” ซูเหยาบอกความในใจของตน มาอยู่ที่นี่ครึ่งเดือนแล้ว ได้แต่กินกับนอนเดินไปมาในสวน ใช้ชีวิตอย่างกับเจ้าหญิง แต่เธอไม่ชอบแบบนี้

“ท่านอ๋องสั่งไว้ว่าพระองค์ต้องอยู่แต่ในจวนเท่านั้นนะเพคะ ขืนออกไปมีหวังหลังลายเป็นแน่”

“ชิ!..บ้าอำนาจจริงๆ” เอ่ยจบก็เดินไปนั่ง พร้อมกับยกมือขึ้นมาเท้าคาง ซูเหยาใช้ความคิดเพียงครู่ ก่อนจะเรียกสาวใช้ให้เข้ามาหา แล้วกระซิบกระซาบบางอย่าง

“หม่อมฉันจะหามาให้เพคะ” รับคำแล้วก็รีบออกไป

ภายในเรือนฮวาจึงมีแต่ความวุ่นวายหลังจากนั้น เพราะซูเหยาเปลี่ยนห้องหนังสือเป็นห้องปรุงยาและสมุนไพร และยังมีมุมเครื่องสำอางประทินโฉม ที่เธอพอจะคิดหาวิธีผลิตทำขึ้นมาได้ โดยมีเหล่าสาวใช้นี่แหละเป็นหนูทดลองให้ ตอนนี้ที่นี่เลยดูเหมือนร้านเสริมสวยในยุคปัจจุบันไปโดยปริยาย

ไม่แปลกที่เธอคิดทำเรื่องพวกนี้ เพราะพ่อก็เปิดร้านสมุนไพรโบราณ ส่วนแม่ก็เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ความงามครบวงจร ลูกไม้เลยหล่นไม่ไกลต้น รวบเอาสองกิจการมาเปิดเป็นที่เดียวกันในจวนอ๋องมันเสียเลย

“พระชายาไม่เกรงไท่เฟยกับท่านอ๋องจะทรงกริ้วหรือเพคะ หากทรงรู้ว่าพระองค์ทำเรื่องพวกนี้” สาวใช้เอ่ยอย่างกังวล เพราะห้องตำรายามนี้มีเตาไฟตั้งเรียงรายมากมาย รวมถึงข้าวของเครื่องใช้และแป้นพิมพ์อีก

“ข้าทำสิ่งมีประโยชน์ ไท่เฟยและท่านอ๋องจะตำหนิได้อย่างไรกัน ไม่ต้องกลัวข้ารับหน้าเอง”

เอ่ยจบก็หันมาบีบเค้นกลีบดอกไม้ ซึ่งตั้งใจจะเอามาทำน้ำหอม และสบู่ฟอกตัว รวมถึงยาสระผม หลายสิ่งหลายอย่างที่เธอสามารถคิดทำขึ้นมาได้ และยาอัดเป็นเม็ดซึ่งมีสรรพคุณรักษาโรคต่างๆ มันถูกบรรจุในขวดขนาดเล็ก พร้อมกับเขียนตัวอักษรกำกับเรียบร้อย ง่ายต่อการหยิบเอามาใช้งานยิ่งนัก

ซูเหยายืนมองความสำเร็จน้อยๆ ของตนเรียงรายบนชั้นวางก็ยิ้มร่า อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ปล่อยเวลาให้มันเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ ไม่แน่สักวันมันอาจทำรายได้ให้ในวันที่ต้องออกจากจวนนี้ไป

“เจ้าทำสิ่งใดกันซูเหยา ไยในห้องนี้ถึงได้มีแต่กลิ่นพฤกษาอบอวลไปหมด” ไท่เฟยเดินเข้ามาก็ส่งเสียงตำหนิทันที พร้อมกับสายตากดต่ำมองทุกคน จนต้องก้มหมอบ

“ขออภัยเพคะไท่เฟย หม่อมฉันแค่ไม่อยากอยู่เฉย จึงได้หาอะไรทำแก้เหงา แต่สิ่งของเหล่านี้ล้วนแต่มีประโยชน์นะเพคะ มีทั้งยาและเครื่องหอม”

“หึ!..ของที่เจ้าคิดว่าใช้ได้ มันก็แค่ของเล่นเท่านั้น ไท่เฟยให้หม่อมฉันเอาไปทิ้งเลยนะเพคะ” แม่นมสิ่วเอ่ย ก่อนจะตรงไปยังชั้นวางที่พึ่งจัดเสร็จ ซูเหยาลุกพรวดตรงไปคว้าข้อมืออีกฝ่ายทันที

“อย่าแตะของของข้า ทั้งหมดนี่เป็นเงินที่ข้าจ่าย หากแม่นมคิดจะทำลายก็ต้องจ่ายคืนข้าเป็นเท่าตัว เพราะรวมค่าแรงที่ทำขึ้นมาด้วย ถึงตอนนั้นเจ้าอยากขว้างปาสิ่งใดก็ตามใจ” เสียงเย็นเฉียบของสตรีตัวน้อยทำเอาคนแก่ถึงกับชะงัก นัยน์ตาสวยจ้องมองอย่างเอาเรื่อง

“ซูเหยาเจ้ากล้าหรือ” ไท่เฟยเอ่ยเสียงดุ

“ขออภัยเพคะ ซูเหยาก็แค่ปกป้องพื้นที่ของตน เรือนนี้ท่านอ๋องทรงยกให้หม่อมฉันอยู่ การทำสิ่งใดในเรือนนี้ หากไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ซูเหยาก็ไม่เห็นเหตุจำเป็นต้องล้มเลิก อย่างที่หม่อมฉันบอก ทุกอย่างที่ทำล้วนใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น ขอไท่เฟยโปรดเปิดใจรับฟัง ซูเหยาอยู่ที่นี่พึ่งใบบุญจวนสกุลฉิน ไม่ทำเรื่องเสื่อมเสียแน่เพคะ”

“ปากกล้าจริงนะ ข้าประมาทเจ้าเกินไปจริงๆ คงคิดว่าตนเองเป็นพระชายาอ๋องจริงๆ สินะ ถึงได้กล้าพูดจาโอหังกับข้าเช่นนี้” ไท่เฟยเอ่ยอย่างเหลืออด

“เห้อ!..มาแล้วบทแม่ผัวกับลูกสะใภ้” ซูเหยาก้มหน้านึกในใจ ก่อนจะยิ้มให้ราวกับอีกฝ่ายชม

“ไท่เฟยอย่าถือสาซูเหยาเลยเพคะ เดิมทีหม่อมฉันก็พื้นเพคนธรรมดา ได้มาอยู่ในฐานะชายาท่านอ๋องก็จริง แต่อย่างไรเสียซูเหยาก็รู้ฐานะตนดี ไม่เคยคิดมักใหญ่ใฝ่สูงครองตำแหน่งนี้แน่นอน สิ่งที่ทำก็แค่อยากตอบแทนบุญคุณที่ไท่เฟยและท่านอ๋องเมตตา ของเหล่านี้ก็ทำขึ้นเพื่อใช้ในจวน เป็นยารักษา เครื่องประทินโฉม ครีมบำรุง สบู่ฟอกตัว จะได้ไม่ต้องเก็บกลีบดอกไม้มาโรย ยาสระผมนี้ก็มีกลิ่นหอมติดทนนาน ส่วนนี่น้ำหอมเพคะ แตะเพียงนิดก็อยู่ได้ทั้งวัน” ว่าพร้อมกับหยดลงที่หลังมือแล้วถูเบาๆ ก่อนจะส่งให้ไท่เฟยดม แต่อีกฝ่ายกลับถอยหนี

“งั้นแม่นมสิ่วดมดู” ไม่ว่าเปล่าแต่ยื่นมือแตะจมูกด้วย

คนแก่ถึงกับผงะเกือบจะหงายหลังในทันที

“นี่เจ้า!” ส่งเสียงด้วยความเกรี้ยวกราดได้เพียงเท่านั้น จมูกของแม่นมก็ขยับไปมาเพราะกลิ่นหอม

“หอมเพคะ หอมมาก”

ซูเหยามองพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหุบลงแล้วทำหน้าปกติ รอดูปฎิกริยาของไท่เฟยว่าจะเป็นเช่นไร

“ส่งขวดมา” ออกคำสั่งโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย ซูเหยาจึงยื่นขวดแก้วใสให้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel