บทย่อ
เกิดใหม่ทั้งที่ก็เป็นได้เพียง "ชายากำมะลอ" สตรีธรรมดาไหนเลยจะควรค่าให้ท่านอ๋องผู้สูงส่งหันมาแล ทำได้แค่รอให้เขาหาคนที่เพรียบพร้อมและถูกใจได้เท่านั้น จึงจะได้เป็นอิสระจาก"ฐานะชายากำมะลอ"
1.เกือบตายรอบสอง
ดึกสงัดในคืนเดือนเสี้ยวอากาศเริ่มเย็นลง นกฮูกส่งเสียงร้องออกมาเป็นระยะดูน่ากลัว แต่กลับมีร่างเล็กของใครบางคนกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินโซเซ หนีตายจากกลุ่มคนที่ตามไล่ล่าราวกับว่านางเป็นคนชั่วเสียอย่างนั้น มือเรียวกุมบาดแผลที่ท้องเพื่อไม่ให้น้ำสีแดงไหลออกมามากกว่านี้ นางต้องรีบพาร่างที่บาดเจ็บ หาที่หลบซ่อนให้เร็วที่สุด
"หามันให้พบ แล้วสังหารมันให้ได้" เสียงของหัวหน้าเอ่ยสั่งกับลูกน้องซึ่งตามมาอีกหลายคน ส่วนผู้ที่บาดเจ็บก็พาร่างอันบอบช้ำหลบอยู่ในบึงน้ำ ยังดีที่มีใบบัวช่วยอำพรางร่างกาย บวกกับความมืดจึงสามารถปกปิดการหลบซ่อนได้อย่างแนบเนียน
"ไปทางนั้น ดูเหมือนจะมีบ้านคนอยู่ มันต้องไปหลบซ่อนที่นั่นแน่" ผู้ที่เป็นหัวหน้าเอ่ยบอกกับคนของตน ก่อนจะตรงไปยังเรือนที่มีแสงเทียนสว่างอยู่
เมื่อมาถึงกลับได้ยินเสียงที่ทำให้ทุกคนหยุดชะงัก
"อ๊า..พี่ไป่หยาเบาหน่อยเถอะ..อ๊า..อ่ะ"
"ซี๊ด..เจ้าก็รู้ว่าพี่ชอบแรงๆ เช่นนี้..อ๊า"
ตั่บ! ตั่บ! ตั่บ!
เสียงหยาบโลนพร้อมกับเสียงครางของหนุ่มสาว ซึ่งกำลังเมามันกับรสรักที่ปรนเปรอให้กัน ทำให้กลุ่มคนที่ตามหาใครบางคนอยู่ หยุดนิ่งและแอบดูคู่รักอย่างเงียบๆ โดยลืมไปว่าพวกตนนั้นกำลังทำสิ่งใดอยู่
“ลูกพี่เราต้องออกตามหาคนนะ จะนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืนหรือ” สมุนคนหนึ่งกระซิบถามเบาๆ
“ชิ!..เจ้านี่ขัดจังหวะช่วงอภิรมย์ของข้าเหลือเกิน” พูดขึ้นด้วยเสียงขุ่นมัว แต่ก็จำต้องรีบปลีกตัวออกไปจากกระท่อมแห่งนี้ เพราะต้องตามหาคนให้พบ แม้จะเสียดายบทรักอันเร่าร้อนของหนุ่มสาวด้านในก็เถอะ
“ที่นี่ก็ไม่มี มันหนีหายไปที่ใดกันแน่ ไยถึงไปได้ไวนัก”
“มันอาจจะหายไปตอนที่เรามัวแต่แอบดูก็ได้นะขอรับ”
“เรื่องนี้อย่าได้แพร่งพรายให้นายท่านรู้เด็ดขาด ไม่งั้นหลังลายกันหมดแน่ รีบแยกย้ายกันออกตามหา สตรีตัวแค่นั้นจะหนีไปได้ไกลแค่ไหนกันเชียว” เอ่ยจบก็แบ่งกันเป็นสองทาง เพื่อออกตามหาคนที่หนีออกมาจากโลง
ใช่! สตรีตัวน้อยที่บาดเจ็บนางหนีออกมาจากโลงศพ ที่กำลังเคลื่อนย้ายมาเพื่อจะฝัง แต่จู่ๆ ก็มีลมแรงกรรโชกมา พร้อมกับฟ้าผ่าใส่โลงที่ปิดสนิท จนมันเปิดออกก่อนที่ร่างเล็กนั้นจะดีดตัวลุกนั่งหอบเอาอากาศเข้าปอด ทำเอาทุกคนต่างก็ตื่นตระหนกยืนตัวแข็งทื่อ เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นคนหรือผีกัน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้นางกำลังหนีตายอีกครั้ง
ร่างเล็กตะเกียกตะกายขึ้นมาจากบึงบัว นอนหอบหายใจมองจันทราที่มีแค่ครึ่งเสี้ยว เปลือกตาสวยนี้แทบจะปิดลงอยู่แล้ว แต่ก็ต้องทนฝืนเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ยากเย็นมากเป็นแน่
“อดทนไว้ซูเหยา เธอจะตายไม่ได้” ถ้อยคำแหบพร่าเปล่งออกมา มันแทบจะไม่เป็นคำพูดเลยด้วยซ้ำ แต่สตรีตัวน้อยก็รู้ดีว่าตนนั้นเอ่ยสิ่งใด มีแค่เรื่องบางอย่างที่ไม่ค่อยเข้าใจเท่านั้นเอง
“แสงไฟ” เสียงแผ่วเบาเปล่งออกมาอีกครั้ง ก่อนที่นางจะพยุงตัวเดินตามทางซึ่งมีแสงของฟ้าที่ส่องสว่างมาเป็นพักๆ บ่งบอกให้รู้ว่าอีกไม่นานฝนน่าจะตกลงมา
แต่พอมาถึงกลับได้ยินเสียงของคนด้านในซึ่งยังเล่นบทรักกันยังไม่จบ
สตรีตัวน้อยเกิดกระดากอายขึ้นมาในทันที แต่ยามนี้นางก็ไม่รู้จะไปที่ใด เพราะฝนนั้นเริ่มลงเม็ดแล้ว ทำให้ต้องหาที่หลบ นั่นคือห้องครัวด้านหลังของเรือน ร่างเล็กรีบดึงเอาอาภรณ์ที่ตากอยู่มาผลัดเปลี่ยน พร้อมกับฉีกมาพันบาดแผลของตนเอาไว้
“เจ็บจัง..เกิดอะไรขึ้นกับเรากันเนี่ยะ นอนอยู่ในโลงแถมยังถูกตามล่าอีก” เสียงสั่นเปล่งมาเพราะความหนาวที่มี เมื่อเห็นบาดแผลที่ท้องของตน ซึ่งไม่รู้ว่ามันมาได้ยังไง คนตัวเล็กนึกถึงเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นก็ยิ่งสับสนมึนงง เปิดเปลือกตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในโลง
แต่พอร้องให้ช่วยคนเหล่านั้นกลับง้างดาบใส่เสียนี่ นางจึงไม่รู้ที่มาที่ไปว่าเกิดอะไรขึ้น ยามนี้ร่างเล็กจึงลุกขึ้นเดินสำรวจในครัว ซึ่งพอมองเห็นบ้างลางๆ ตอนแรกคิดจะจุดไฟก็เกรงว่าเจ้าของเรือนจะรู้เข้า จึงจำต้องเดินงมหาอะไรที่พอจะประทังชีวิตได้บ้าง
“ค่ำมืดดึกดื่นแอบเข้าเรือนผู้อื่น ไม่กลัวถูกจับไปลงโทษที่ศาลตุลาการหรือ” เสียงทุ้มเย็นดังขึ้นด้านหลัง พร้อมกับแสงคบไฟในมือที่ส่องสว่างมาพอให้ได้เห็นผู้บุกรุก
“ฉันถูกตามล่า คือ..ว่า..ขอหลบแค่คืนเดียวนะคะ” เสียงสั่นเครือพยายามเปล่งออกมาแม้จะตกใจมากก็เถอะ เพราะคนที่ยืนอยู่นั้นมีถึงสาม
“พูดอะไรของเจ้าไยถึงพูดจาประหลาดนัก” หนึ่งในสามเอ่ยขึ้น พร้อมกับกระชับดาบในมือ
“เอ๋!..เราก็พูดภาษาคนนี่หน่า ทำไมเขาถึงบอกว่าเราประหลาดล่ะ ตัวเองนั่นแหละแต่งตัวอย่างกับถ่ายซีรี่ย์ย้อนยุคอยู่ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็น่าจะมีมือถือ”
ไวกว่าความคิดก็ปากของซูเหยานี่แหละ
“พี่มีมือถือไหมคะ” ถามออกไปพร้อมกับเดินพยุงร่างตนเข้ามาหาพวกเขา อีกฝ่ายต่างก็พากันถอยหนี ใช่ว่าจะกลัวสตรีตัวน้อย เพียงแต่ใบหน้านางนั้นเต็มไปด้วยตุ่มแดง เล็กบ้างใหญ่บ้างซ้ำบางอันก็เหมือนจะมีหนอง
“หยุดอยู่ตรงนั้นอย่าได้เข้ามาใกล้เด็ดขาด” เสียงดุดังขึ้นพร้อมกับชี้ดาบที่ยังมีฝักมายังสตรีตัวน้อย ทำให้ซูเหยาต้องรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นเสมอหัว
“ฉันแค่จะขอยืมมือถือเท่านั้นค่ะ”
“มือถืออะไรของเจ้า ในมือข้ามีแต่ดาบ หากยังพูดจาไม่รู้เรื่องข้าจะบั่นคอเจ้าเสีย” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงดุ
“พอเถอะ นางบาดเจ็บไม่เห็นหรือ” เสียงทุ้มของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้น ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้
“เจ้าไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรใช่หรือไม่” เขาถามพร้อมกับมองสำรวจใบหน้านี้ไปด้วย
“ป่วย.? .ปะ..เปล่าค่ะ แค่มีแผลถูกแทงมาเท่านั้น”
ซูเหยาตอบเสียงติดขัด ก็คนตรงหน้านี้หล่อมาก อย่างกับพระเอกซีรี่ย์ในทีวี นางมองเขาตาปริบๆ เพราะอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้า เกิดมายังไม่เคยอยู่ใกล้ผู้ชายขนาดนี้เลย
“ถูกแทง? บาดแผลล่ะ” เขาถามอย่างสนใจ
“เอ่อ..ที่ท้องค่ะ” ตอบแล้วก็หันหน้าไปอีกทาง
“เจ้าหนีคนพวกนั้นมาหรือ” คำถามนี้ทำให้คนตัวเล็กชะงัก เพราะไม่รู้ว่าจะต้องตอบคำถามยังไง ฟื้นขึ้นมาก็นอนอยู่ในโลง แล้วก็ถูกไล่ล่า ทั้งที่ก่อนนั้นซูเหยากำลังช่วยหมอใหญ่ปั๊มหัวใจคนไข้ จำได้ว่าเธอยื่นมือไปเสียบปลั๊กเครื่องกระตุ้นหัวใจ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในโลงนั่นแหละ
“น่าจะใช่..เอ่อ..พวกพี่ิอย่าจับฉันส่งให้พวกเขาเลยนะ ตอนนี้ฉันจำอะไรไม่ได้เลย ขอให้ฉันนึกอะไรออกก่อนได้ไหมคะ” นางอ้อนวอนอีกฝ่ายซึ่งดูท่าจะใจดีกว่าสองคนนั้น
“เอาเถอะคืนนี้ก็พักที่นี่ก่อนแล้วกัน ฝนตกอย่างนี้พวกนั้นคงไม่ออกตามหาเจ้าหรอก” เอ่ยเสร็จเขาก็เดินออกไป ทิ้งให้เด็กสาวตัวน้อยซึ่งดูแล้วคงเลยวัยปักปิ่นไม่นาน ให้อยู่ในห้องครัวตามลำพัง ไม่มีอาหารไม่มีผ้าห่มให้อย่างที่ซูเหยาคาดหวังเลยสักนิด
“ชิ!..ใจดำจัง” แม้จะบ่นออกมาแบบนั้น แต่ใบหน้าซีดเซียวก็ยังพอมีรอยยิ้มอยู่บ้าง เมื่อเห็นคบไฟด้านนอก ซึ่งถูกเสียบไว้เพื่อส่องแสงสว่าง
“ช่างเถอะ ก็ยังดีกว่าเขาจับเราส่งคนพวกนั้น ว่าแต่ทำไมพวกเขาแต่งตัวแบบนี้นะ ตัวเราเองก็ไม่ต่างกันเลยใส่ชุดโบราณสมัยพันปีก่อนแบบนี้ คงไม่ใช่ทะลุมิติมาหรอกนะ เรื่องแบบนี้มันมีแค่ในนิยายหรือซีรี่ย์เท่านั้น ชีวิตจริงจะมีเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน” เสียงแหบพร่าเปล่งออกมาแผ่วเบา เพราะในหัวยังคงสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ใครจะไม่งงไม่สงสัยกันล่ะ ในเมื่อตอนนั้นอยู่ในห้องผ่าตัดแท้ๆ แต่ทำไมลืมตาอีกทีถึงมาอยู่ในโลงที่กำลังจะลงหลุมได้ ซ้ำยังมีบาดแผลบนตัวอีก ตอนนี้นางจึงได้แต่ครุ่นคิดเป็นงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“นอนก่อนดีกว่า เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยถามพวกเขาอีกรอบ”
เมื่อคิดได้แบบนั้นก็หามุม อุ่นๆ พิงตัวไม่นานก็หลับไป ยังดีที่แผลตรงท้องมันไม่มีเลือดไหลแล้ว เลือดคงแข็งตัวก่อนถูกนำมาฝังนั่นแหละ แต่ก็ยังเป็นแผลใหม่แม้จะไม่สดพอกลับมามีชีวิตอีกบาดแผลก็อักเสบจนนางจับไข้
สามวันผ่านไป
เปลือกตาที่ปิดสนิทมาหลายวันก็เปิดออก ดวงตาสวยมองไปรอบห้องเพื่อสำรวจ ร่างเล็กขยับตัวลุกนั่งช้าๆ เพราะพึ่งจะหายไข้ ก่อนจะก้มลงมองชุดที่สวมใส่ ซึ่งมันยังเป็นแบบโบราณเหมือนตอนที่หนีตาย
“แม่นางตื่นแล้วหรือ” เสียงจากผู้ที่กำลังเดินเข้ามาเอ่ยขึ้น ทำให้ซูเหยารีบหันกลับมาทันที
“เมื่อกี้เขาเรียกเราว่าแม่นาง คงไม่ใช่มั้ง” คนบนเตียงนึกในใจ มองสองสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะยิ้มส่งให้
“ผูกมิตรไว้ก่อนแล้วกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที” เมื่อนึกได้แบบนั้นซูเหยาก็พยายามทำตามที่อีกฝ่ายบอก ให้ทำอะไรนางก็ทำหมด แม้แต่แก้ผ้าลงแช่น้ำ
เพราะตอนที่นอนไม่ได้สติ ก็แค่เช็ดตัวจากภายนอกเท่านั้น ตื่นขึ้นมาเลยถูกจับให้อาบน้ำทำความสะอาด แต่ยังดีที่เธอขอให้สองสาวออกไปได้ เกิดมายังไม่เคยแก้ผ้าอาบน้ำให้ใครดูเลย เป็นใครบ้างจะไม่อาย
“ต้องรีบอาบ ไม่งั้นเดี๋ยวสองคนนั้นเข้ามาอีก” พูดกับตัวเองจบก็รีบขัดเนื้อตัว แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจอีกอย่างก็คือร่างกายนี้ “ทำไมรูปร่างเรามันถึงดูดีขนาดนี้ล่ะ นมเป็นนม ก้นเป็นก้น เดี๋ยวนะ..แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว” เมื่อสำรวจตนเองจนเกิดข้อสงสัยมากมาย ซูเหยาก็รีบลุกหาเสื้อผ้าใส่ ก่อนจะตรงออกมาด้านนอก
“ผมเรามันไม่ได้ยาวขนาดนี้นี่หน่า” เมื่อสังเกตเห็นอีกอย่าง เธอก็รีบมองหากระจกเพื่อส่องดูใบหน้า เมื่อทุกอย่างปรากฏให้เห็นซูเหยาก็ร้องเสียงหลงทันที
“อะ..อะไรเนี่ยะ!! เธอเป็นใคร!” นิ้วสวยชี้ไปที่กระจก ก่อนจะเปลี่ยนมาจับใบหน้าของตนลูบไปมาอยู่พักหนึ่ง ร่างเล็กทรุดลงบนม้านั่ง
“ระ..เรื่องจริงเหรอที่เราอยู่ในร่างคนอื่น เธอคนนี้ยังเด็กอยู่เลย แล้วที่นี่มันคือที่ไหนกันล่ะ เด็กคนนี้เป็นใคร แล้วทำไมถึงถูกตามฆ่า” คำถามมากมายพรั่งพรูเข้ามา
และอีกอย่างที่ซูเหยาสงสัยก็คือ ที่นี่มันใช่ยุคโบราณหรือเปล่า และสิ่งที่จะพิสูจน์ได้ดีที่สุดก็คือการออกไปดูข้างนอก เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอก็ตรงรี่ออกไปที่ประตูทันที
“แม่นางจะไปไหนเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยทัก
“เอ่อ..ฉันแค่อยากออกมาสูดอากาศน่ะ อยู่ในห้องมันอึดอัด เดินดูในสวนได้ไหม” ถามออกไปเสียงเบาเพราะกลัวจะพูดอะไรประหลาดเหมือนที่เคยถูกต่อว่าคราวก่อน
“ได้เจ้าค่ะ แต่ต้องแต่งกายให้เรียบร้อยนะเจ้าคะ” เอ่ยจบสาวใช้ก็พาตัวซูเหยากลับเข้าไปด้านในอีกครั้ง