บท
ตั้งค่า

8. คนไร้ใจ เริ่มมีใจ

ครึ่งเดือนก่อนถึงงานอภิเษก ข่าวมงคลก็เริ่มแพร่สะพัดและหนาหูขึ้น มิใช่เพราะรอชมงานแต่งอันยิ่งใหญ่ ทว่าสิ่งที่ชาวเมืองต่างก็รอลุ้น คือเรื่องของเจ้าสาวมากกว่า ว่านางจะได้เหยียบเข้าจวนอ๋องหรือไม่ต่างหาก

ยิ่งใกล้กำหนดทุกสายตาก็ยิ่งจับจ้องมาที่จวนสกุลเฉียว โดยเฉพาะคุณหนูรองซึ่งเป็นผู้ตบปากรับคำเป็นเจ้าสาว ซึ่งยามนี้นางถูกประคบประหงมอย่างดี ไปไหนมาไหนต้องมีผู้ติดตามนับสิบ อยู่ในจวนก็มีบ่าวไพร่คอยเอาใจมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก เพราะต่างก็หวังจะได้ตามไปรับใช้ในจวนอ๋อง ที่เปรียบได้มิต่างจากตำหนักใหญ่ในวัง

“คุณหนูใกล้วันแต่งงานแล้ว ควรบำรุงผิวพรรณให้มากหน่อยนะเจ้าคะ นี่เป็นชาดบำรุงที่คุณหนูเหม่ยแนะนำให้ เห็นว่าสตรีในวังต่างก็ใช้กัน หากคุณหนูทาคงทำให้ผิวพรรณผุดผ่องน่าสัมผัสมากเป็นแน่”

“จริงหรือ ข้าเองก็เคยได้ยิน เห็นว่ามีแต่คุณหนูสูงศักดิ์ที่ใช้กัน มิเสียแรงเลยที่ได้เป็นสหายกับคุณหนูหลี่” น้ำเสียงยินดีเปล่งออกมาพร้อมกับเผยยิ้มใส่กระจกทองเหลืองตรงหน้า ซึ่งสาวใช้ก็บรรจงทาชาดให้อย่างแผ่วเบา เป็นที่พอใจของมู่หลิงเพราะกลิ่นหอมของชาดมันชวนให้ผ่อนคลายดียิ่งนัก ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นขัดจังหวะ

“รับของจากคนที่ไม่คุ้นเคย มิเกรงว่ามันจะนำภัยมาถึงตัวหรือพี่รอง” หรูซินเตือนสติพี่สาว เพราะเกรงว่าคนที่ส่งของมาให้อาจจะไม่หวังดี มู่หลิงลุกพรวดขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวต่างมารดาเดินเข้ามาในห้อง และยังเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาอีก นางจึงมิพอใจเป็นอย่างมาก

“เจ้าอิจฉาที่ข้ามีสหายเป็นบุตรขุนนางใหญ่ล่ะสิ หึ! หรือว่าเสียดายที่มิได้เป็นชายาจินอ๋อง แต่คงเป็นอย่างหลังมากกว่า เสียใจด้วยนะที่ท่านอ๋องมิได้เลือกเจ้าให้เป็นชายา แต่เป็นข้าต่างหากที่จะได้ครองตำแหน่งนี้” มู่หลิงหยันผู้ที่เดินเข้าห้องตนโดยมิได้รับอนุญาต

“ข้าหรือ? อยากเป็นชายาจินอ๋อง” นิ้วเรียวขาวยกขึ้นชี้หน้าตน ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ช่างเถอะ ข้าอาจคิดมากไปเอง อย่างไรเสียก็อย่าประมาทล่ะ อย่าลืมว่าเจ้าสาวคนก่อนๆ ของจินอ๋องตายเยี่ยงไร บางทีสิ่งของที่รับมาอาจมีพิษร้ายเจือปนก็ได้นะ” เอ่ยจบแล้วหรูซินก็เดินออกไป ทิ้งให้พี่สาวได้แต่มองตามพร้อมกับคว่ำปากใส่ เพราะนางคิดได้อย่างเดียวว่าน้องสาวกำลังอิจฉาตนอยู่

สิบวันก่อนงานมงคล จินอ๋องยังคงออกนอกเมืองเช่นเคย และถนนข้างกำแพงยังเป็นเส้นทางที่เขาใช้เป็นประจำ ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน ทว่าเขาหยุดม้าลงก่อนจะถึงประตูเมือง เมื่อเห็นคนคุ้นตากำลังบังคับม้าออกมาจากตรอก พลันริมฝีปากหนาก็เผยยิ้มออกมา

“นั่นแม่นางฟูชิงกับแม่นางซินนี่พ่ะย่ะค่ะ” จางเฟยเอ่ยเสียงยินดี ก่อนจะยิ้มแฉ่งจนน่าหมั่นไส้ เพราะมิได้เจอสตรีทั้งสองนางมาหลายวันแล้ว เพราะช่วงหลังพวกเขาสืบข่าวจนมิได้ออกไปนอกเมือง

“ดูท่าระริกระรี้ของจางเฟยสิท่านอ๋อง กระหม่อมมิเคยเห็นเขามีท่าทีเช่นนี้มาก่อนเลย ดูท่าคงถูกใจแม่นางหนึ่งในสองคนนี้เป็นแน่” จงเหรินเย้าสหายก่อนจะบังคับม้าตามผู้เป็นนาย ซึ่งนำหน้าไปโดยมิรอฟังคำคนสนิทสักนิด

“พวกเจ้าจะออกนอกเมืองหรือ” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตัวเล็ก ซึ่งบังคับม้าตามหลังคนสนิทไปติดๆ ใบหน้าหมดจดหันมาหาผู้ที่เอ่ยถามตน ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเพราะมิคิดว่าจะพบเขาในวันนี้

“เจ้าค่ะ” ตอบรับด้วยน้ำเสียงปกติ ทำเอาคนถามถึงกับหน้าเจื่อน เพราะดูเหมือนสตรีตัวน้อยจะมิได้ดีใจที่เจอกันอีก นางยังคงบังคับม้าออกไปโดยมิหันกลับมามองเขาเลย สองสหายขยับม้ามาประชิดผู้เป็นนายที่ยังคงหยุดอยู่กลางประตู จนผู้คนมิกล้าเดินเข้าออก

“ท่านอ๋องเป็นอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” จงเหรินเอ่ยถามเสียงเบา ทว่ามันก็เรียกสติของเฟิงหรานได้ดี เขาจึงรีบใช้เท้ากระทบม้าเพื่อให้มันวิ่งตามสตรีตัวน้อยไปโดยมิรอผู้ใด

สองสหายถึงกับมองหน้ากันไปมา มิเข้าใจว่าเหตุใดผู้เป็นนายถึงได้มีท่าทีแปลกประหลาดเช่นนี้ ทำตัวราวกับบุรุษวัยแรกรุ่นที่พบเจอสตรีถูกใจ

“รีบไปเถอะ” เอ่ยจบสองสหายก็รีบตามผู้เป็นนาย

“เจ้าจะไปไหน ตกปลาหรือ” เป็นครั้งแรกที่เฟิงหรานชวนสตรีพูดคุย คนถูกถามหันกลับมาพร้อมกับคิ้วสวยที่ผูกกันเป็นปม เพราะซุ่มเสียงเขามันดูอ่อนโยนมาก

“เจ้าค่ะ แล้วพี่เฟิงจะไปไหนหรือ” เอ่ยกับเขาตามมารยาท หากมิพูดด้วยก็กระไรอยู่ อีกหน่อยจินอ๋องก็ต้องกลายมาเป็นพี่เขยตนแล้ว

“พี่ก็ออกมาเที่ยวเล่นตามปกติ มิได้มีธุระสำคัญอันใด เช่นนั้นพี่ขอไปตกปลาด้วยนะ” กล่าวกับคนตัวเล็กเสียงอ่อน ก่อนจะเผยยิ้มส่งให้นางด้วย ทำเอาสองสหายถึงกับหันมองหน้ากัน เพราะถ้อยคำของผู้เป็นนายนั้นต่างออกไปจากปกติมาก สายตาก็เอาแต่จ้องไปยังสตรีเบื้องหน้า ฟูชิงเองก็คิดสงสัยมิต่างกัน

เพราะได้ยินมาว่าจินอ๋องมิเคยใส่ใจสตรี ทว่าเหตุไฉนเขาถึงดูอ่อนโยนกับคุณหนูตนนัก ทั้งที่ฉายาเขาคือบุรุษไร้ใจจอมเย็นชา หรูซินหันกลับมามองหน้าคนตัวโต ก่อนจะหยุดม้าลง ทำเอาจินอ๋องต้องดึงบังเหียนม้าให้หยุดเช่นกัน

“หม่อมฉันคิดว่ามิควรนะเพคะ เพราะพระองค์กำลังจะแต่งงานกับพี่สาวหม่อมฉัน การที่เราจะไปไหนต่อไหนด้วยกันคงมิดีนัก หากมีผู้มาพบเห็นแล้วเอาไปเล่าลือหม่อมฉันจะเสียหาย” บอกอีกฝ่ายเสียงเรียบ

ดวงตาคู่สวยมันว่างเปล่าจนเฟิงหรานถึงกับทำตัวมิถูก แต่ที่ทำให้เขาชะงักงันเงียบนิ่งมากกว่านั้นคือฐานะของนาง สตรีตัวน้อยผู้นี้คือน้องสาวของเฉียวมู่หลิง

“หา!…นี่แม่นางซินคือบุตรสาวสกุลเฉียวกระนั้นหรือ” สองสหายเอ่ยพร้อมกัน ฟูชิงจึงพยักหน้ารับ ก่อนจะบังคับม้าตามผู้เป็นนาย ซึ่งยามนี้ล่วงหน้าตรงไปยังบึงน้ำแล้ว ปล่อยให้ผู้ที่รับรู้เรื่องจริงยังคงชะงักงันอยู่ที่เดิม เพราะมิคิดว่าสตรีตัวน้อยจะกลายเป็นคนสกุลเฉียวไปได้

“มิคิดเลยว่านางจะเป็นน้องสาวของคุณหนูมู่หลิง นิสัยดูแต่งต่างกันมากเหลือเกิน” จางเฟยเเอ่ยขึ้นอีก

“นั่นสิ คนพี่มีแต่จะเข้าหาท่านอ๋อง รู้ว่าจะเสด็จไปที่ใดก็มักจะทำเหมือนบังเอิญพบกันทุกที ทว่าคนน้องกลับมีท่าทีเฉยชากับท่านอ๋อง และยังตีตัวออกห่างอีก” จงเหรินเอ่ยขึ้นบ้าง ซึ่งเฟิงหรานเองก็คิดมิต่างกัน

“ท่านอ๋องจะตามไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” จางเฟยเอ่ยถาม

“กลับค่าย” น้ำเสียงของผู้เป็นนายต่างออกไปจากเมื่อครู่ยิ่งนัก ทำเอาสองสหายต้องรีบหุบปาก

จากวันนั้นจินอ๋องก็มิได้ออกไปที่ใด ทุกคนต่างก็เข้าใจว่าเขาเตรียมตัวสำหรับงานมงคล ทว่าความจริงแล้วเขากำลังสืบเรื่องที่ฮ่องเต้มอบหมายต่างหาก อีกอย่างก็เพื่อหาตัวคนร้ายวางยาว่าที่เจ้าสาวของเขา

“คนของเราสืบไปถึงไหนแล้ว”

“จากรายงานดูเหมือนว่าทุกอย่างยังคงปกติพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูจวนสกุลเฉียวยังคงปกติดี” จางเฟยเอ่ย

“งั้นหรือ ก่อนนั้นนางติดต่อกับคนสกุลไหนหรือไม่”

“พ่ะย่ะค่ะเป็นดังที่ท่านอ๋องคาด หลังจากราชโองการออกมา คุณหนูหลายคนเข้าหาคุณหนูสกุลเฉียวจริงๆ มิเว้นแม้แต่คนจากสกุลหลี่” จงเหรินรายงานบ้าง

“หึ! สตรีมักใหญ่ใฝ่สูงผู้นั้นคงกระหยิ่มดีใจที่มีสตรีสูงศักดิ์เข้ามาคบหาด้วยสินะ” เสียงหยันเปล่งออกมา เมื่อนึกถึงกิริยาท่าทางของเฉียวมู่หลิง ทว่าต่อมานัยน์ตาเขาก็หม่นลงเมื่อนึกถึงสตรีอีกคน

“ท่านอ๋องคิดว่าคนเหล่านั้นจะลงมือเยี่ยงไรขอรับ เท่าที่คนของเรารายงานมาทุกอย่างยังคงปกติ กระหม่อมมองมิออกเลยว่าคนสกุลหลี่จะจัดการเช่นใด” จางเฟยเอ่ยถามผู้เป็นนาย ซึ่งยามนี้นิ่งไปแล้วเพราะมัวแต่นึกถึงสตรีตัวน้อยที่มิใส่ใจเขาเลย จนคนสนิทต้องสะกิดจึงเอ่ยได้

“จากหลักฐานที่ฝ่าบาทให้มา คนสกุลหลี่ต้องมีส่วนเกี่นวข้องแน่ แต่จะลงมืออย่างไรนั้นต้องให้คนของเราจับตาดูให้ดี มีสิ่งใดผิดปกติให้รีบรายงาน”

“กระหม่อมกำชับแล้วพ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่คืนนี้ท่านอ๋องจะออกไปเที่ยวงานหรือไม่ กระหม่อมกับจงเหรินคิดว่าจะออกไปเดินดูเสียหน่อย มิได้เดินเที่ยวงานมานานแล้ว อยากออกไปเปิดหูเปิดตาดูบ้าง” จางเฟยได้โอกาสก็ขออนุญาตทันที เพราะมันจริงเช่นที่เอ่ย พวกเขาติดตามท่านอ๋องออกรบมานาน มิเคยได้ออกเที่ยวเลย

“ก็ดี เตรียมรถม้าให้ข้าด้วยก็แล้วกัน” เพราะอยากลืมใครบางคน ทำให้จินอ๋องมิอยากอยู่ในจวน จึงหมายจะออกไปดื่มกับสหายเพื่อผ่อนคลายเสียบ้าง  

#ลงช้าหน่อยนะคะ ไรท์เปื่อยมาหลายวันแล้ว ฉลองปีใหม่บนเตียงคนเดียว ไม่มีใครดูแลเลย สงสารตัวเองมาก ตอนนี้ดีขึ้นแล้วนะคะ จะพยายามอัพให้นะ 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel