บทย่อ
เขาคือบุรุษโหดเหี้ยมอำมหิต ปล่อยข้าทิ้งไว้จนตาย ทว่าพอข้าได้เกิดใหม่อีกครา เหตุใดสวรรค์ต้องกลั่นแกล้งให้ต้องพบเจอเขาอีก ต่างกันก็แค่คราวนี้ข้ามิต้องวิ่งไล่ตามเขาก็เท่านั้น
1. สตรีชั่วช้า
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมิอนุญาตให้พระองค์รับนางเข้ามา หากยังมิยอมฟังหม่อมฉันจะเอาชีวิตนางเสีย” เสียงแหลมของชายาซูเฟยดังขึ้น เพราะได้ยินว่าพระสวามีจะรับชายารองเข้ามาอีก แค่เขามิมีใจให้ก็เจ็บปวดมากพอแล้ว ยังต้องทนเห็นจินอ๋องรับสตรีอื่นเข้ามาอีก
“รับมิได้ก็เรื่องของเจ้า ข้าเป็นใครแล้วเจ้าเป็นใคร จำเป็นที่ข้าต้องสนใจคำพูดเจ้าหรือ” คนเย็นชาไร้ใจเอ่ยกับสตรีที่เขาเกลียดชัง แม้แต่หน้านาง จินอ๋องก็มิอยากมอง
“แต่ข้าคือสตรีที่เคยช่วยชีวิตท่าน หรือท่านอ๋องจะอกตัญญูผู้มีพระคุณ” จ้าวซูเฟยเอ่ยทวงบุญคุณเป็นรอบที่ร้อย จนจินอ๋องเอื้อมระอามิอยากได้ยิน
“กล้าพูดนะ! เป็นพี่สาวเจ้าต่างหากที่ช่วยข้า แต่เจ้ามันเป็นสตรีชั่ว แอบอ้างว่าตนคือผู้ที่รักษาข้า จนได้เข้าพิธีอภิเษกแทนนาง และยังวางยานางจนว่านชิงล้มป่วยอีก”
จ้าวซูเฟยถึงกับหน้าถอดสี มิคิดว่าจินอ๋องจะรู้เรื่องนี้ด้วย นางมิได้ช่วยเขาจริงๆ แต่เป็นจ้าวว่านชิงพี่สาวต่างมารดา ซึ่งมีอายุห่างกันสองปีต่างหาก
“หึ! เอ่ยอันใดมิออกเลยสินะ หากยามนั้นข้ามิถูกปิดหูปิดตา ชายาข้าคงเป็นจ้าวว่านชิงมิใช่เจ้า และนางก็คงมิต้องล้มหมอนนอนเสื่อเช่นนี้” จินอ๋องยังคงเอ่ยตำหนิสตรีตรงหน้าอย่างแค้นใจ หลังจากสืบรู้บางอย่างมา
“มะ…หม่อมฉันมิได้ทำนะเพคะ” คนใจร้ายยังมิวายแก้ตัว เพราะคิดว่าจินอ๋องแค่กล่าวหาแต่มิมีหลักฐาน เพราะทุกอย่างนางและมารดาทำลายไปหมดแล้ว ทว่ายังมิทันได้สืบสวนอันใดต่อ องครักษ์ในจวนก็วิ่งมารายงาน
“ท่านอ๋อง! คุณหนูว่านชิงสิ้นใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ!” เสียงตื่นของจินอ๋องดังขึ้นก่อนจะหันไปหาสตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นชายา “จับตัวนางไปขังไว้ห้ามให้ข้าวให้น้ำเด็ดขาด ข้าจะไปจวนสกุลจ้าว” เอ่ยจบเขาก็เดินออกไปจากจวน ทิ้งให้ซูเฟยทรุดลงกับพื้นทันที
แม้อีกฝ่ายจะเย็นชากับนาง ทว่าเขาก็มิเคยสั่งขังสักครั้ง แต่ที่น่าแปลกใจมากกว่านั้นก็คือพี่สาวต่างมารดาตายได้อย่างไร ในเมื่อยาที่ว่านชิงกินเป็นเพียงยาไร้แรง มิมีทางทำให้เจ็บป่วยจนตายได้ และที่สำคัญซูเฟยก็แค่มีใจให้จินอ๋องจึงแอบอ้างว่าตนเป็นผู้รักษาเขา มิใช่สตรีใจร้ายคิดเอาชีวิตผู้อื่น โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นพี่สาวของตน
“ข้ามิได้ทำ ข้ามิได้ทำ” เสียงแผ่วเบาเปล่งออกมา ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกหิ้วปีกไปขังที่เรือนหลัง
จากนั้นก็ผ่านมาถึงห้าวันแล้วที่ถูกขัง ทำให้จ้าวซูเฟยมีร่างกายผ่ายผอมจนเห็นได้ชัด โดยมิมีใครมาเหลียวแล เพราะน้อยคนนักจะรู้ว่านางถูกลงโทษ รวมถึงนิสัยเอาแต่ใจปากร้ายกับบ่าวไพร่ คนที่รู้ก็แสร้งทำเป็นมิเห็น
“น้ำ ข้าหิวน้ำ” เสียงแหบพร่าจนแทบมิเป็นภาษาเปล่งออกมาแผ่วเบา ร่างของนางนอนตะแคงอยู่กลางห้อง หยดน้ำใสไหลรินลงมามิขาดสาย มิคิดว่าตนจะมีสภาพน่าเวทนาเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหนูมาแทะกัดขาจนเจ็บอีก
ทว่าแม้แต่แรงพูดยังมิมี นางจึงมิอาจปัดป้องไล่สิ่งที่เกลียดกลัวออกไปได้ จึงต้องทนให้พวกมันกัดแทะจนอิ่มแล้วจากไปเองโดยที่ซูเฟยมิอาจทำสิ่งใดได้เลย
“ไยท่านถึงได้ใจร้ายเพียงนี้เฟิงหราน ทั้งที่ข้ารักท่านด้วยใจจริง แต่ท่านกลับโหดเหี้ยมทิ้งข้าไว้อย่างไร้เยื่อใย”
คนใกล้ตายตัดพ้อบุรุษอันเป็นที่รักในใจ มิรู้ยามนี้เขาทำอันใดอยู่ จึงมิมาดูดำดูดีนางเช่นนี้ ซูเฟยรู้ดีว่าตนคงมิอาจมีลมหายใจต่อได้อีกแล้ว ในหัวจึงได้แต่นึกถึงเรื่องที่ผ่านมา รวมถึงสิ่งที่ตนเคยทำผิดพลาดไว้กับพี่สาว
“พะ..พี่…ว่านชิง…ซะ…ซู…เฟย…ขะ..ขอ…โทษ” เสียงแหบพร่าเปล่งออกมา เพราะสำนึกผิดที่แอบอ้างเป็นพี่สาวแต่งงานกับจินอ๋อง ทว่าเรื่องที่อีกฝ่ายตาย ซูเฟยมิอาจยอมรับได้ เพราะนางมิได้วางยาอันตรายแม้แต่น้อย
มิรู้เหตุใดว่านชิงจึงได้ล้มหมอนนอนเสื่อยาวนานเพียงนี้ จนกระทั่งได้ข่าวว่านางสิ้นใจตาย ยามที่ซูเฟยได้ยินก็เสียใจมิน้อยเช่นกัน อย่างไรอีกฝ่ายก็พี่สาว
กล่าวถึงพี่สาวจบดวงตานางก็พร่ามัว ทุกอย่างเลือนลางจนมองมิเป็นภาพ ทว่าในหัวยังนึกถึงใบหน้าของบุรุษอันเป็นที่รัก ก่อนจะนึกตัดพ้อในโชคชะตาของตน
“ซูเฟยมิใช่คนดี แต่ข้ามิเคยทำชั่วถึงกับเอาชีวิตผู้ใด ไยสวรรค์ถึงลงโทษเช่นนี้ หากชาติหน้ามีจริงอย่าให้ข้าเกิดเป็นสตรีอ่อนแอไร้ทางสู้เช่นนี้เลย หากมีคนรักก็ขอให้เขาเป็นฝ่ายตามข้าบ้าง เพื่อชดเชยชะตาอาภัพในชาตินี้” สิ้นคำในหัว ร่างเล็กก็กระตุกหอบเอาลมหายใจเฮือกสุดท้าย มิถึงอึดใจทุกอย่างก็ดับวูบลงจนเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ
สามวันต่อมาจวนจินอ๋องก็มีงานมงคลตามกำหนดเดิม ความวุ่นวายเกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว จึงทำให้ทุกคนลืมไปเสียสนิทว่าขังพระชายาซูเฟยเอาไว้
จึงทำให้นางตายอย่างน่าอนาถอยู่ในเรือนหลังซึ่งห่างจากเรือนหน้ามากนัก จึงมิแปลกที่ทุกคนจะลืม อีกทั้งซูเฟยก็เป็นสตรีเอาแต่ใจและมักวางอำนาจกับบ่าวในจวน จึงมีแต่คนรังเกียจและอยากให้นางถูกลงโทษเสียบ้าง
ด้านเรือนใหญ่ ยามนี้จินอ๋องกำลังยืนให้สาวใช้แต่งกาย เพื่อรอฤกษ์ไปรับเจ้าสาวในช่วงค่ำนี้ ทว่า!
“แย่แล้ว! แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง จะ…เจ้าสาว…ตะ…ตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเจิ้งรีบตรงเข้ามารายงานผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงกระหืดกระหอบ ใบหน้าเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อพร้อมกับอาการสั่นเทา
ร่างสูงหมุนกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาคมว่างเปล่าไร้ความรู้สึก มิรู้ว่าเป็นเพราะมีนิสัยเย็นชา หรือเป็นเพราะมิอยากแต่งชายารองเข้ามากันแน่ ที่เขาทำทุกอย่างก็เพราะคำสั่งของฮ่องเต้ผู้เป็นพระเชษฐาเท่านั้น
เขาคือ จินอ๋อง หรือ จินเฟิงหราน วัยยี่สิบเอ็ดปี บุรุษรูปร่างกำยำสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย และเป็นเสด็จอาของรัชทายาทซึ่งมีอายุห่างกันเพียงสี่ปี
“อีกแล้วหรือ?” จางเฟยคนสนิทของจินอ๋องเอ่ยเสียงตื่น เขาหันมาหาผู้เป็นนายซึ่งยังมีสีหน้าเรียบเฉย ดูมิทุกข์ร้อนกับเรื่องที่ได้ยินเลยสักนิด
“ท่านอ๋องกระหม่อมจะส่งคนสืบเรื่องนี้ มันแปลกประหลาดเกินไป เหตุใดเจ้าสาวถึงได้มีอันเป็นไปทุกครั้งที่จะเข้าพิธีกับพระองค์ หรือว่าจะเป็นฝีมือของพระชายา” จางไห่เฉิง สหายรักของจินอ๋องเอ่ยขึ้น
ก่อนนั้นเขามิได้สงสัยอันใดนัก ทว่าพอได้ยินคำบอกเล่าของจินอ๋องเรื่องที่ซูเฟยทำกับพี่สาว ทุกอย่างมันก็ชี้ชัดว่านางอาจสั่งคนของตนลงมือกับสตรีคนอื่นๆ เช่นกัน ที่สำคัญเรื่องมักจะเกิดกับสตรีที่จินอ๋องหมายแต่งเข้ามา
“สตรีใจทราม ชั่วช้าที่สุด” เสียงรอดไรฟันเปล่งออกมา พร้อมกับนัยน์ตาคมดุ “เอานางสตรีชั่วช้านั้นออกมาข้าจะสอบสวนมัน” ถ้อยคำเหี้ยมเปล่งขึ้นสั่งคนของตน
#คำเตือน เนื้อเรื่องเป็นเพียงการสมมติเท่านั้น ใครไม่ชอบเลื่อนผ่านนะคะ นางเอกถูกลงโทษเพราะทำเรื่องร้ายไว้จริง ซึ่งตามความเป็นจริง นางควรถูกลงโทษด้วยการโบยจนตาย แต่การสั่งขังมันก็มีเหตุและผลของมัน และการลืมก็็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ อ่านเนื้อหาให้เข้าใจนะคะ ถ้าไม่ไหวไม่ต้องไปต่อนะ นิยายเรื่องนี้จะเฉลยไปทีละนิด จนถึงตอนจบ
กราบขอบพระคุณทุกคนที่เขามานะคะ
ไรท์ใส่คำเตือนไว้เพราะบางคอมเม้นบั่นทอนจิตใจ ไรท์ใจบางมากตอนนี้ ดีที่แต่งจบแล้ว แต่ไรท์ก็จะไม่ปรับปรุบเนื้อหานะคะ
# เปิดเรื่องมา ไม่รู้ใครร้ายกว่ากัน ยังไงก็อย่าพึ่งหนีหายนะคะ