บท
ตั้งค่า

3. สมควรตาย

ทว่า! เขามิลงมือก็มีผู้อื่นทำแทน เพราะเสียงสรรเสริญเมื่อครู่กลายเป็นเสียงกรีดร้องของชาวเมือง ที่ตื่นตระหนกเมื่อมีกลุ่มคนนับสิบพุ่งออกมาจู่โจมขบวนของแม่ทัพที่กำลังมุ่งตรงไปยังประตูวังซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่ลี้

“สังหารมันให้ได้” คนชุดดำมุ่งตรงมาหาจินอ๋องซึ่งเขายังคงนั่งอยู่บนหลังม้า มิได้ตื่นตระหนกอันใดเลย เพราะคนสนิททั้งสองและผู้ติดตามอีกห้าคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ มิอาจเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่น้อย จินอ๋องจึงยังคงอยู่บนหลังม้าด้วยท่วงท่าสง่างาม

ความวุ่นวายเกิดขึ้นกลางถนน ผู้คนรีบพากันหาที่หลบ มิต่างจากบุตรของสกุลขุนนางใหญ่ในเมือง ที่แอบออกมาเที่ยวเตร่ตามปกติ ทว่าดันมาเจอการลอบสังหารเข้าเสียก่อน จึงต้องแอบซ่อนอยู่ในตรอกรวมกับชาวเมือง แม้จะกลัวมากแต่ก็ยังอยากรู้อยากเห็น

“เคยได้ยินว่าจินอ๋องมีศัตรูมาก มิมีใครอยากให้เขากลับมาเมืองหลวง เพราะอาจจะทำให้หลายคนเสียผลประโยชน์หากเขากลับมาประจำการที่นี่ มิคิดเลยว่าจะกล้าลงมือกลางวันแสกๆ และยังเป็นวันที่เขากลับมาด้วย”

เสียงจากบัณฑิตผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นในสิ่งที่ตนรู้มา ทำให้ชาวเมืองที่แอบซุ่มกับเขาต่างก็ซักถามเป็นการใหญ่ คุณหนูจ้าวที่นั่งห่างแค่ช่วงแขนก็เงี่ยหูใส่เช่นกัน และมีสตรีอีกสองนางยืนฟังเรื่องราวด้วย ทั้งคู่มีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าซ่อนเร้นมิให้ผู้ใดรู้ว่าตนเป็นใคร

ก่อนที่เสียงต่อสู้จะสงบลงในเวลาต่อมา กลายเป็นเสียงร้องเรียกน่าตกใจแทน ทำให้กลุ่มคนในตรอกที่มีนับสิบ พากันหันมาสนใจท้องถนนที่มีคนนอนบาดเจ็บอยู่

รวมถึงร่างสูงของจินอ๋องซึ่งถูกคมลูกดอกปักเข้าที่อกด้านขวา ใบหน้าเขาดูซีดเผือดเป็นอย่างมาก มิหนำซ้ำริมฝีปากยังกลายเป็นสีคล้ำดูน่ากังวลยิ่งนัก หากคนที่เป็นหมอแค่มองก็รู้แล้วว่าจินอ๋องมิได้แค่บาดเจ็บธรรมดา

“ท่านอ๋องถูกพิษ ไห่เฉิง! ไห่เฉิง! ช่วยท่านอ๋องที” จางเฟยคนสนิทจินอ๋องร้องเรียกสหายผู้เป็นนาย ทว่า!ไห่เฉิงเองก็ถูกยิงด้วยลูกดอกนอนหายใจรวยรินเช่นกัน

ชาวเมืองรีบออกมามุงดูเป็นการใหญ่ เพราะมือสังหารทั้งสิบพร้อมใจกินยาพิษปลิดชีพ เมื่อเห็นว่าจินอ๋องถูกลูกดอกเข้าไปเต็มอก ถือว่าภารกิจพวกเขาสำเร็จแล้ว

“หลบไป!” เสียงทหารที่ได้รับข่าวตวาดใส่ชาวเมือง ทำเอาทุกคนต้องถอยออกไปยืนหลบตามมุม

“ท่านอ๋อง ช่วยท่านอ๋องด้วย” จงเหรินรีบบอกกับหัวหน้าหน่วย เพราะตัวเขาเองก็ถูกคมดาบ ทว่ามันมิมีพิษต่างจากจินอ๋องและไห่เฉิงที่นอนหายใจรวยรินในยามนี้ เพราะพิษกำลังแล่นไปทั่วร่าง

เฟิงหรานนอนมองท้องนภาที่สว่างสดใส ทว่ายามนี้มันกลับหม่นลงทีละนิด นัยน์ตาเขาก็ใกล้จะปิดเต็มที ได้ยินเพียงแค่เสียงเซ็งแซ่ของผู้คน และสัมผัสจากมือของคนสนิทที่คลานเข้ามาจับเขา

“ท่านอ๋องหมอหลวงกำลังมา อดทนไว้นะพ่ะย่ะค่ะ” จางเฟยร้องบอกผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วง

“คุณหนูไม่คิดจะช่วยหรือเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยถามผู้เป็นนายซึ่งยืนมองภาพเบื้องหน้านิ่ง

“คนอำมหิตเช่นเขาหากตายไปแผ่นดินอาจจะสูงขึ้นก็ได้พี่มิรู้หรือ” น้ำเสียงเย็นเปล่งออกมา นัยน์ตาสวยช่างว่างเปล่าไร้เมตตาต่อร่างของบุรุษเบื้องหน้ายิ่งนัก

“คุณหนูไยถึงเอ่ยเยี่ยงนี้เจ้าคะ ทำอย่างกับว่าเคยมีความแค้นต่อกันอย่างนั้นแหละ อีกอย่างหากเขาตายราชสำนักต้องปั่นป่วนมากแน่ แผ่นดินนี้อาจจะวุ่นวายเกิดการแย่งชิงอำนาจขึ้นก็ได้ นายท่านเคยบอกไว้เช่นนี้มิใช่หรือ”

เสียงถอนหายใจจึงดังขึ้นจากร่างเล็ก เพราะมันจริงเช่นที่สาวใช้ของตนเอ่ย บุรุษผู้นี้แม้จะอำมหิตในสายตานาง ทว่าเขาเป็นวีรบุรุษของแผ่นดิน หากสิ้นใจไปในยามนี้ บ้านเมืองคงวุ่นวายเป็นอย่างมาก รวมถึงบัลลังก์ของฮ่องเต้คงสั่นคลอนเป็นโอกาสให้ฝ่ายกบฎลงมือได้

“คนมากเพียงนี้ หากแสดงตัวคนสกุลเฉียวจะไม่ได้รับความเดือดร้อนไปด้วยหรือ” ตอบไปอย่างที่คิด เพราะรู้ดีว่าคนเจ็บคือบุรุษที่มีศัตรูมาก คนมีอำนาจในเมืองหลวงต่างหมายเอาชีวิตเขา หากนางช่วยก็เท่ากับเผยตัวว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับจินอ๋อง แน่นอนว่าสกุลเฉียวต้องถูกเพ่งเล็งอย่างเลี่ยงมิได้ มันเสี่ยงเกินไปที่จะทำ

“แต่ถ้ามิช่วย จินอ๋องมิมีทางรอดนะเจ้าคะ”

คุณหนูเฉียว หันมาหาคนสนิทก่อนจะถอนหายใจ สุดท้ายก็ต้องรับปากเพราะช่วยชีวิตคนนั้นสำคัญกว่า

“ก็ได้ ก็ได้ หากมิช่วยข้าคงต้องฟังพี่บ่นทั้งวันเป็นแน่” เย้าอีกฝ่ายแล้วก็ชักชวนกันเดินเลี่ยงออกมาเพื่อหาบางสิ่งปิดบังใบหน้า ถึงแม้ยามนี้จะมีผ้าสีขาวผืนบางผูกปิดอยู่ก็เถอะ

แต่เพื่อมิให้ผู้คนจดจำได้จึงต้องปลอมตัวมากกว่าเดิม สาวใช้เองก็ทำมิต่างกัน ก่อนทั้งคู่จะกลับมายังถนนที่กำลังมีการเคลื่อนย้ายร่างของจินอ๋อง หมายจะพาไปรักษาที่จวนเพราะอาการหนักจนปากดำคล้ำกว่าเดิม

“อย่าขยับคนเจ็บดีกว่านะ ยิ่งขยับพิษก็ยิ่งแล่นไปทั่วร่าง อยากให้เขาตายเร็วๆ กระนั้นหรือ” เสียงหวานของสตรีร่างเล็กดังขึ้น ทำให้ทหารรักษาเมืองพากันหยุดชะงัก

“เจ้าเป็นใคร กล้าขวางทางเรา ท่านอ๋องบาดเจ็บหนักต้องรีบพาตัวไปรักษามิเห็นหรือ” หัวหน้าหน่วยรีบชักดาบออกมาหมายจะจัดการกับสตรีทั้งสองนาง ซึ่งจู่ๆ ก็โผล่ออกมาท่ามกลางความวุ่นวายนี้

“นายข้าเป็นหมอ ท่านอ๋องถูกพิษ หากมิรีบรักษาคงอยู่ได้มิถึงชั่วยามเป็นแน่” สาวใช้รีบบอกพร้อมกับชูมือขึ้น ราวกับตื่นกลัวดาบในมือของทหารตรงหน้า

“เสียเวลามิได้ ท่านอ๋องเหลือเวลามิมากแล้ว” คุณหนูเฉียวเอ่ยก่อนจะตรงเข้าไปหาร่างของจินอ๋อง นางคุกเข่าลงนั่งข้างกายคนเจ็บพร้อมกับยัดบางสิ่งใส่ปาก ก่อนจะดึงลูกดอกออกจากอกแกร่ง ทำให้โลหิตพุ่งจนเหล่าทหารต่างก็ตื่นตระหนก แต่ก็มิมีใครเข้ามาจับนางได้ เพราะสตรีอีกคนชักมีดออกมาจี้คอหัวหน้าหน่วยเป็นตัวประกัน

“หยุดนะเจ้าคิดจะสังหารท่านอ๋องต่อหน้าผู้คนเลยหรือ บังอาจนัก” จางเฟยเอ่ยพร้อมกับตั้งท่าง้างดาบใส่สตรีตัวน้อย ทว่าแขนเขาถูกบางสิ่งกระทบจนดาบตกลง เป็นฝีมือของสตรีตัวน้อยที่นั่งคุกเข่าตรงข้ามนี่แหละ

คุณหนูเฉียวมิได้ใส่ใจคนสนิทของจินอ๋อง พอดึงลูกดอกออกได้มือเล็กก็กดลงที่ปากแผลทันที มิมีผู้ใดรู้ว่านางทำสิ่งใด ทว่าใบหน้าที่เคยซีดเผือดและริมฝีปากม่วงคล้ำเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นปกติแล้ว

มือเล็กจึงเลื่อนออกมาพร้อมกับก้อนสีดำติดมือมาด้วย และมันก็สลายไปโดยมิมีใครเห็น เเพราะอยู่ใต้ฝ่ามือเล็ก นัยน์ตาสีนิลแฝงความเย็นชาส่งผ่านมายังร่างที่นอนนิ่งอยู่ เมื่อเห็นเขามีสีหน้าดีขึ้น

“ท่านมันสมควรตายจินเฟิงหราน” 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel