10. ตัวล่อ
ด้านเฉียวหรูซิน ยามนี้นางกำลังเดินเตร่เที่ยวงานอย่างสนุกสนาน พร้อมกับว่าที่คู่หมั้นซึ่งเสิ่นหยางพึ่งจะกลับมาจากทำภารกิจต่างเมืองเมื่อวานนี้เอง
“พี่ฟูชิงอันนี้สวยหรือไม่” ยกพัดลายดอกท้อขึ้นคลี่ออกพร้อมกับทำท่าวีไปมาเหมือนบัณฑิตในเมือง รอยยิ้มสดใสของหรูซินสะกดทุกสายตาได้ดี โดยเฉพาะเสิ่นหยาง
“ดูดีมากเลยเจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยบอกก่อนจะหยิบพัดขึ้นมาทำเช่นเจ้านาย ทำเอาคนเดินผ่านถึงกับยิ้มเอ็นดู
“เจ้าชอบหรือ เช่นนั้นพี่ซื้อให้นะ” คนตัวโตรีบล้วงเอาถุงเงินออกมา มือเล็กจึงยั้งแขนเขาเอาไว้
“มิต้องเจ้าค่ะ ข้าก็แค่เล่นสนุก พัดนี่จะเอาไปทำไม ข้าเป็นสตรีไม่ใช้ของพวกนี้หรอกเจ้าค่ะ” บอกเสียงหวาน ก่อนจะวางกลับลงที่เดิม แล้วจูงมือสาวใช้เดินไปร้านอื่น โดยมีเฟิงหรานมองตามตาละห้อยเพราะมิอาจเข้ามาทักทายได้
เพราะต้องทำทีเป็นไม่รู้จัก รวมถึงจางเฟยที่อยากเข้าไปหาสตรีที่ตนมีใจ ทว่าเขาก็จำต้องเดินตามผู้เป็นนายโดยมิกล้าปลีกตัว เพราะที่นี่มีผู้คนมากมาย
“เราไปทางนั้นกันเถอะนะเพคะท่านอ๋อง” มู่หลิงเอ่บกับว่าที่สามี ซึ่งมันเป็นคนละทางที่น้องสาวเดิน นางเองก็รู้ว่าตนงามสู้บุตรฮูหยินใหญ่มิได้ จึงมิอยากให้จินอ๋องได้พบหน้าน้องสาวใกล้ๆ แม้ว่ายามนี้ทุกคนต่างก็มีพันธะกันแล้ว
“เจ้าอยากไป เจ้าก็ไปคนเดียวสิ” เอ่ยบอกเสียงเย็นชา ทว่ามันก็ได้ยินกันแค่สองคน เพราะหลี่เหม่ยถูกไห่เฉิงและอ๋องสามกันไว้จนต้องเดินห่างออกไป ทำให้นางเกือบคุมความรู้สึกมิอยู่ เพราะสิ่งที่เห็นคือท่านอ๋องใส่ใจว่าที่ชายามาก แต่มันก็แค่การแสดงที่จินอ๋องทำให้นางคิดเท่านั้น
เพราะเขาต้องการให้นางลงมือเร็วขึ้น หากเรื่องทั้งหมดเกิดจากสตรีผู้นี้ เรียกกันง่ายๆ ก็คือใช้มู่หลิงเป็นเหยื่อล่อนั่นเอง และดูเหมือนว่ามันจะได้ผล เมื่อหลี่เหม่ยหันมากระซิบบางอย่างกับคนของตน
ในขณะนั้นคนของจินอ๋องที่มิได้อยู่ในกลุ่มก็คอยจับสังเกตอยู่เช่นกัน และยังตามสาวใช้ของคุณหนูหลี่ไปด้วย ก่อนจะกลับมารายงานผู้เป็นนาย ไม่แน่ว่าคืนนี้อาจมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นก็เป็นได้
“ข้ามีธุระด่วน พวกเจ้าเที่ยวงานกันไปแล้วกัน เจ้ากลับบ้านดีดีนะมู่หลิง” เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยกับว่าที่ชายา จนคนฟังถึงกับยิ้มกว้าง ต่างจากสตรีอีกคนที่ยืนกำมือแน่น
“ท่านอ๋องมีราชกิจด่วนก็รีบไปเถอะเพคะ ระวังตัวด้วยนะเพคะ” รีบเอ่ยและแสดงท่าทีห่วงใยให้เขา ซึ่งจินอ๋องก็ยิ้มรับ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มนางเบาๆ แล้วเดินจากไป
การกระทำของเขาตั้งแต่เดินลงมาจากหอน้ำชา มันสร้างความเคืองขุ่นให้หลี่เหม่ยเป็นอย่างมาก เพราะมิคิดว่าจินอ๋องจะใส่ใจมู่หลิงมากเพียงนี้ เคยได้ยินว่าเขาเป็นบุรุษไร้ใจ แต่เหตุไฉนกับคุณหนูสกุลเฉียวถึงได้เอาใจนัก
“ข้าอยู่ตรงนี้ทั้งคน ไยท่านมิเหลียวมองบ้าง” เสียงตัดพ้อดังขึ้นในหัว ในขณะที่สายตานางยังคงมองตามเขา
หลี่เหม่ยหลงรักจินอ๋องมาตั้งแต่เด็ก เพราะเคยได้เที่ยวเล่นในวังตั้งแต่เยาว์ เพราะนางเป็นหลานสาวไทเฮา ซึ่งยามนั้นดำรงค์ตำแหน่งเป็นกุ้ยเฟย ทว่าพอฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ฮองเฮาก็สิ้นตาม กุ้ยเฟยจึงได้รับตำแหน่งไทเฮาในฐานะที่เลี้ยงดูฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
และยามนี้พระนางก็อยากให้หลานสาวได้ครองคู่กับคนที่มีอำนาจทางทหารเช่นจินอ๋อง ทว่าอีกฝ่ายก็เอาแต่ปฎิเสธ และยังรับจ้าวซูเฟยมาเป็นพระชายาตัดหน้านางอีก แต่ต่อมามิรู้เกิดเรื่องใดขึ้น
หลังจากเข้าพิธีกันได้แค่สิบวันก็ได้ข่าวว่าพระชายาสิ้นใจ น่าแปลกที่หลี่เหม่ยมิได้สั่งให้ลงมือกับนางเช่นที่ทำกับจ้าวว่านชิง และว่าที่เจ้าสาวคนอื่นๆ ของจินอ๋อง นางเองก็มิรู้ว่าสตรีนางนี้ตายได้เยี่ยงไร
แต่ยามนี้ตนมีศัตรูเกิดขึ้นมาอีกแล้วแม้จะผ่านมาถึงหกปี นางก็ยังไม่อยู่ในสายตาจินอ๋องอีก เห็นทีคงต้องจัดการเช่นแต่ก่อน ให้เขากลายเป็นบุรุษดวงพิฆาตเช่นที่ผู้คนเลื่องลือกันนี่แหละเหมาะสมกับความเย็นชาของเขาดี
“ท่านอ๋องหนีกลับแล้ว เช่นนั้นเราเดินเที่ยวกันต่อเถอะนะน้องมู่หลิง” หลี่เหม่ยหันมาเอ่ยเสียงหวานเช่นเคย
“เจ้าค่ะพี่หญิง” อีกฝ่ายก็รับคำด้วยน้ำเสียงมิต่างกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปตามท้องถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน
ทว่าในใจของทั้งคู่นั้นต่างก็นึกรังเกียจอีกฝ่ายมิน้อย คนหนึ่งแค้นจนอยากฆ่าให้ตาย อีกคนก็อยากเอาคืนที่คุณหนูหลี่นั้นทำตัวสนิทสนมกับจินอ๋อง ยังดีที่ก่อนจะไปท่านอ๋องยังแสดงท่าทีอ่อนโยนกับนาง มิเช่นนั้นคงถูกสตรีตรงหน้าหัวเราะเยาะเอาเป็นแน่
ทั้งสองเดินเที่ยวงานกันต่อพร้อมกับไปปล่อยโคม และชมการแสดงตามจุดต่างๆ ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกมุม โดยมิมีสิ่งใดเกิดขึ้นแม้แต่น้อย จนคนที่คอยเฝ้าดูอย่างจินอ๋องถึงกับเป็นงง เพราะคราแรกเขาคิดว่าหลี่เหม่ยต้องลงมือกับมู่หลิงแน่ ตามคำบอกเล่าจากคนของตน
“น่าแปลก หรือนางคิดจะลงมือยามที่มู่หลิงกลับจวน” เอ่ยออกมาเบาๆ ทว่าหลานชายที่ยืนอยู่ใกล้ก็ยังได้ยิน
“ใครจะลงมือกับใครหรือพ่ะย่ะค่ะ” เอียงคอถามอย่างสงสัย ทำเอาผู้เป็นอาถึงกับถอนหายใจใส่ทันที
“มิอยากรู้สักเรื่องได้หรือไม่หลี่ถง” ตำหนิพร้อมกับดันหัวพระนัดดาให้ออกห่าง จนอีกฝ่ายได้แต่พ่นลมหายใจฟืดฟาดใส่ เพราะผู้เป็นอามิยอมบอกอันใดเขาเลย คงเป็นเพราะหลี่ถงนั้นยังเด็กในสายตาจินอ๋อง แม้เขาจะอายุย่างสิบเก้าแล้วก็เถอะ แต่ก็ยังคงนิสัยเจ้าสำราญและไม่เป็นโล้เป็นพายอยู่ จินอ๋องจึงมิไว้ใจจะให้เขาทำอันใด
“ท่านอ๋องคิดว่านางจะลงมือจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ” ไห่เฉิงเอ่ยถามหลังจากขยับเข้ามาแทนที่อ๋องสาม
“คงต้องรอดูต่อไป” ตอบโดยมิหันมามองสหายเลย
“พระองค์นี่ก็ช่างใจดำกับสตรีนะพ่ะย่ะค่ะ แสร้งทำเป็นสนใจใยดีนาง เพื่อให้อีกคนเคียดแค้น หลอกเอาคุณหนูมู่หลิงเป็นเหยื่อ มิกลัวนางจะถูกทำร้ายจนตายจริงๆ หรือ” อดมิได้ไห่เฉิงจึงถามขึ้นเสียเลย ซึ่งจินอ๋องก็มองกลับมาด้วยสายตาว่างเปล่า
“หึ! สตรีเช่นนี้ไม่ควรค่าให้ต้องเป็นห่วง อีกอย่างข้าไม่ปล่อยให้ใครตายไปต่อหน้าหรอก”
“เว้นเสียแต่ว่าจะขังให้นางตายเองใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ไห่เฉิงย้ำเตือนสหาย แม้ว่าครานั้นจินอ๋องไม่ได้ตั้งใจ และยังรู้สึกผิดไม่น้อย ทว่าเขาไม่อยากให้เสียใจซ้ำสองอีก
เฟิงหรานหันกลับมามองหน้าสหายนิ่ง ก่อนที่นัยน์ตาเขาจะหม่นลง จริงดั่งว่าครานั้นเขาทำเกินไป แต่จะให้ทำเช่นไรได้ในเมื่อเรื่องยุ่งวุ่นวายเข้ามาประดังประเดจนทำให้ลืมไปจริงๆ ว่าขังชายาของตนเองเอาไว้ ทว่ายามนั้นเขาก็คิดว่ามันสมควรแล้วเพราะนางทำเรื่องชั่วจริง หากนางมิได้ทำผิดไฉนเลยสวรรค์จะลงโทษให้ตายอนาถเพียงนั้น
“อย่าได้เอ่ยถึงสตรีชั่วช้าผู้นั้นอีก” เสียงกดต่ำเปล่งออกมา เพราะนึกถึงทีไรเขาก็รู้สึกผิดและหงุดหงิดไปพร้อมกัน ยามได้เอ่ยถึงก็เป็นต้องมีใบหน้าบูดบึ้งทุกที ทำเอาสหายต้องรีบหุบปากมิเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก จึงจำต้องหันมาสนใจเรื่องตรงหน้าเสียก่อน
“ท่านอ๋องนั่นคุณหนูซินนี่ขอรับ อยู่กับบุตรสาวคนเล็กของสกุลจ้าวด้วย ดูท่าทางสนิทสนมกันเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ” จางเฟยสะกิดเรียกผู้เป็นนาย เพียงแค่ได้ยินชื่อของสตรีที่ตนมีใจ ใบหน้าคมคายก็หันขวับไปยังตำแหน่งนั้นทันที พลันริมฝีปากเขาก็เผยยิ้ม ทว่ามันก็หุบลงเมื่อเห็นว่านางอยู่กับผู้ใด สตรีตัวน้อยที่มักจะตำหนิเขาด้วยสายตานั่นเอง
จ้าวเถียนชี น้องสาวคนเล็กของจ้าวซูเฟยชายาที่ตายไปของเขา นางโตเป็นสาวแล้วแต่ก็ยังเด็กในสายตาเขา เพราะก่อนที่พี่สาวทั้งสองของนางจะตาย เขายังไปมาหาสู่จวนสกุลจ้าวเพราะรู้สึกชอบพอจ้าวว่านชิงพอสมควร จึงหมายหมั้นจะแต่งนางเป็นชายา
ทว่าเขามารู้ภายหลังว่าคนที่ช่วยชีวิตหาใช่จ้าวว่านชิงอย่างที่คิดไม่ กลับเป็นจ้าวซูเฟยต่างหาก แต่ทั้งหมดทั้งมวนมันก็เป็นแผนของจ้าวซูเฟยที่วางไว้หลอกลวงเขาอีกที กว่าจะรู้เขาก็แต่งนางเข้ามาแล้ว หมายจะรับคนที่ตนชอบพอเข้ามานางก็ดันมาตายอีก
นี่จึงเป็นเหตุให้สกุลจ้าวเกลียดชังเขาเป็นที่สุด เพราะบุตรสาวทั้งสองตายเพราะเกี่ยวข้องกับเขา จึงทำให้บุตรสาวคนเล็กจ้าวเถียนชีรู้สึกมิต่างกัน พอเขาเห็นนางใจแกร่งก็วูบไหว เพราะรู้สึกผิดกับคนสกุลนี้
“มิคิดว่าคุณหนูหรูซินกับคุณหนูจ้าวจะสนิทสนมกันเพียงนี้นะพ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนคุณหนูเฉียวจะเอ็นดูคุณหนูจ้าวมาก ราวกับว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ” จางเฟยเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสตรีสองนางพูดคุยหยอกล้อกัน
“อีกคนคงเห็นนางเป็นเหมือนพี่สาว อีกคนก็คงสงสารน้องที่เสียพี่สาวไปพร้อมกันสองคนกระมัง” เป็นไห่เฉิงที่เอ่ยออกมาแทนความคิดของเฟิงหรานที่ยืนมองอยู่