๒.๔ ปรารถนาซาตาน
อันดามันนั่งอ่านเอกสารแฟ้มแรกที่ค่อนข้างหนาด้วยความเบื่อหน่าย และภาวนาว่าให้ถึงเวลาเลิกงานไวๆ เธอจะได้เป็นอิสระเสียที อย่างน้อยก็อีกสองวัน แม้จะยอมมาทำงานกับภีมภัทรตามคำสั่งของพ่อกับแม่ แต่เธอก็เลือกที่จะเริ่มงานในเช้าวันศุกร์เพราะติดกับวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ทำงานแค่วันเดียวก็ได้หยุด มันไม่สนุกนักหรอกที่ต้องมานั่งมองผู้ชายแบบภีมภัทรวันละแปดชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่าอย่างเชื่องช้า ดวงตาคู่สวยเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือเป็นสิบๆ ครั้ง ในขณะที่ภีมภัทรนั่งทำงานเงียบๆ และมีคุยโทรศัพท์ที่ติดต่อเรื่องงานเข้ามาบ้างเป็นบางช่วง
จนในที่สุดเวลาแห่งความทรมานของอันดามันก็ผ่านไปเมื่อทั้งเข็มสั้นและเข็มยาวของนาฬิกาเดินมาจนถึงเลขสิบสองพร้อมกัน ร่างอรชรหยิบเอากระเป๋าสะพายแล้วลุกพรวดพราดจากเก้าอี้อย่างดีใจ เตรียมจะออกไปจากห้อง แต่ทว่าเสียงทุ้มๆ ของคนที่นั่งอยู่โต๊ะอีกตัวดังขัดขึ้นเสียก่อน
“นั่นมิ้มจะไปไหน?”
“ไปทานข้าวกลางวันสิคะ พักเที่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ อาคงไม่ให้มิ้มนั่งอ่านเอกสารโดยไม่ต้องกินข้าวกินปลาหรอกนะคะ”
หญิงสาวตอบรวนๆ ภีมภัทรไม่ได้ตอบโต้ในทันที ร่างสูงลุกขึ้นแล้วก้าวมาหาที่โต๊ะ แล้วค่อยพูดบางประโยคที่ทำให้ใบหน้าขาวเนียนต้องงอง้ำลงอีกครั้ง
“อากำลังจะไปเหมือนกัน เดี๋ยวมิ้มไปกับอา”
อันดามันฟังว่าเขาสั่งมากกว่าชวน ใบหน้าเรียวหวานจึงเชิดขึ้นและพูดอย่างไว้ตัว
“มิ้มไปของมิ้มเองดีกว่าค่ะ”
“ทำไมล่ะ หรือว่าไม่กล้าไปไหนมาไหนกับอาสองต่อสอง กลัวอามากหรือไง” ภีมภัทรดักคอและท้าทายอยู่ในที และคนที่ไม่ชอบให้ใครท้าทายอย่างอันดามันมีหรือจะยอม
“ทำไมมิ้มต้องกลัวด้วย”
“ถามตัวเองสิว่าทำไม แต่ถ้าไม่กลัวอาอย่างที่ปากว่าจริงๆ ก็ออกไปกับอาสิ”
“ไม่ไปค่ะ และที่มิ้มไม่ไปกับอาภีมไม่ใช่เพราะมิ้มกลัว แต่เพราะ...”
“มิ้มเกลียดขี้หน้าอา” ภีมภัทรแทรกขึ้นอย่างรู้ว่าหลานสาวจะพูดอะไร
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่คะ มิ้มจะได้ไม่ต้องพูดบ่อยๆ”
“แต่อาว่ามันเป็นแค่ข้ออ้าง”
“ข้ออ้างอะไร?” อันดามันย้อนถามเสียงห้วน เพราะน้ำเสียงของภีมภัทรคล้ายกับว่าไม่เชื่อถือสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่นิด แต่เขาจะมารู้ดีได้ยังไง ในเมื่อภีมภัทรไม่ได้มาเดินเล่นอยู่ในหัวใจของเธอเสียหน่อย
ยังไม่ทันที่ภีมภัทรจะตอบ ประตูหน้าห้องทำงานก็ถูกเคาะ และถูกผลักเข้ามาโดยสาวสวยคนหนึ่งซึ่งอันดามันจำได้แม่นว่าเป็นคนเดียวกับที่ไปรอรับภีมภัทรที่สนามบินวันนั้น
พิณนรียิ้มกว้างมาแต่ไกล พลางก้าวฉับๆ มายืนเคียงข้างกับภีมภัทร แล้วเกาะแขนอย่างสนิทสนม
“มาทันเวลาพอดีเลย นึกว่าภีมออกไปแล้วซะอีกค่ะ”
“ผมกำลังจะออกไปทานข้าวกลางวันกับหลานสาวน่ะพิณ พิณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”
อันดามันรู้สึกหมั่นไส้อย่างไรชอบกลยามเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ภีมภัทรพูดกับเพื่อนสาวของเขา เพราะทั้งสุภาพนุ่มนวล และดูเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกิน
“อ้อ...นี่หลานสาวของภีมเองเหรอคะ ใช่คนที่มารอภีมที่สนามบินวันนั้นหรือเปล่าคะ”
“ครับ...มิ้มมากับเพื่อน” ภีมภัทรเน้นคำว่าเพื่อนเพื่อตอกย้ำให้อันดามันรู้ว่าเขารู้เท่าทันแผนการของเธอ
“ยินดีที่รู้จักค่ะน้องมิ้ม พี่ชื่อพิณนรีนะคะ”
เพื่อนสาวของภีมภัทรแนะนำตัวเอง พลางฉีกยิ้มกว้างให้กับอันดามันเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นหลานสาวของผู้ชายที่ตนสนิทสนมด้วยที่สุด
“เช่นกันค่ะคุณพิณนรี คุณมาก็ดีแล้วค่ะ พอดีอาภีมกำลังจะออกไปทานข้าวแล้วบังคับให้มิ้มไปด้วย แต่มิ้มมีนัดกับแฟนแล้วน่ะค่ะ ปฏิเสธยังไงอาภีมก็ไม่ยอม งั้นคุณช่วยไปทานข้าวเป็นเพื่อนอาภีมหน่อยนะคะ ถ้ายังไงมิ้มขอตัวก่อนค่ะ กลัวว่าแฟนมิ้มจะรอนานค่ะ เชิญคุณพิณนรีกับอาภีมตามสบายนะคะ”
อันดามันฉีกยิ้ม ก่อนจะเป็นฝ่ายก้าวฉับๆ ไปยังประตู พร้อมกับยกโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือขึ้นคุยเหมือนดั่งว่ามีคนโทร.เข้ามา
“ค่ะเอก...มิ้มกำลังจะออกไปค่ะ เอกรอที่ร้านเดิมนะคะ โอเคค่ะ แล้วเจอกัน”
พอพ้นประตู หญิงสาวก็ยัดโทรศัพท์ของตัวเองลงในกระเป๋าอย่างแอบเซ็งตัวเองที่คุยคนเดียวได้เป็นวรรคเป็นเวรโดยอ้างชื่อของเอกวุธมาเป็นคู่สนทนา ทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมจะต้องลงทุนทำขนาดนั้นด้วย
อันดามันขับรถไปยังร้านอาหารที่สายน้ำผึ้งทำงานอยู่ แต่เพื่อนรักไม่อยู่ร้านเพราะยังไม่ใช่กะที่สายน้ำผึ้งต้องทำงาน หญิงสาวจึงสั่งอาหารมานั่งทานแกร่วอยู่คนเดียว และดูเหมือนว่าโชคชะตาจะกลั่นแกล้งให้อันดามันต้องโกหกอีกหน เมื่อภีมภัทรกับพิณนรีก็มาร้านเดียวกัน หญิงสาวพยายามจะก้มหน้าหลบและแกล้งทำเป็นไม่เห็น แต่คู่ควงของภีมภัทรตาไวกว่า ทั้งสองตรงเข้าหาอันดามันทันที
“เจอกันอีกแล้วนะคะน้องมิ้ม” พิณนรีเอ่ยทักทายอย่างเริงร่าขณะที่มือยังควงแขนภีมภัทรซึ่งยืนนิ่งเฉยอยู่ข้างๆ
“ค่ะ...บังเอิญจังนะคะ” หญิงสาวทั้งตอบทั้งประชดตัวเอง ร้านมีเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมสองคนนี้ต้องใจตรงกับเธอด้วย
“ทำไมได้นั่งทานคนเดียว แฟนไปไหนซะล่ะคะ” พิณนรีถามต่ออีก
“เอ่อ...พอดีเอกมีธุระด่วนน่ะค่ะ แวะมาได้แค่แป๊บเดียวและก็กลับไปแล้ว” อันดามันจำต้องโกหกข้างๆ คูๆ ทั้งๆ ที่เสียหน้าไม่น้อย เมื่อเหลือบไปเห็นว่าภีมภัทรยิ้มเยาะที่มุมปาก
“ถ้าอย่างนั้นไปนั่งทานด้วยกันสิ” ภีมภัทรเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากปล่อยให้พิณนรีพูดอยู่คนเดียวเสียหลายนาที
“ไม่ล่ะค่ะ มิ้มไม่ชอบเป็นก้างขวางคอใคร เชิญอาภีมกับคุณพิณนรีตามสบายเถอะค่ะ มิ้มอิ่มแล้วกำลังจะกลับ อ้อ...จะนั่งโต๊ะนี้ต่อก็ได้นะคะ แต่ช่วยจ่ายตังค์ให้มิ้มด้วย”
ว่าแล้วอันดามันก็หยิบเอากระเป๋าสะพายแล้วเดินฉับๆ ออกจากร้านโดยไม่ยอมจ่ายเงิน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของภีมภัทร ก็ในเมื่อเขากับแฟนทำให้เธอกินไม่อิ่ม ดังนั้นเขาก็ควรจะเป็นคนรับผิดชอบค่าอาหารของเธอด้วย!