๒.๕ ปรารถนาซาตาน
ภีมภัทรกลับมาอย่างอารมณ์ดีในเวลาบ่ายโมงตรงพอดี ทำให้อันดามันอดมองตาขวางไม่ได้ ก็แน่ล่ะไปกับแฟนมานี่ คงจะใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่า ถึงได้กลับมาหน้าบานเป็นจานเชิงขนาดนี้
“อาอยากได้กาแฟ ช่วยไปชงมาให้อาหน่อยสิ” ภีมภัทรเอ่ยขึ้นขณะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของหลานสาว
“ค่ะ”
อันดามันตอบห้วนๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปชงกาแฟมาให้เขาตามคำสั่ง ทั้งๆ ที่ก็อยากเถียงว่านั่นเป็นหน้าที่ของเลขานุการ แต่เธอก็ไปเพราะไม่อยากทนนั่งอึดอัดอยู่ในห้องที่มีแต่ความเงียบแบบนั้น
อันดามันหายออกไปเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงกับการออกไปชงกาแฟแก้วนั้น เพราะมัวแต่หาเรื่องประวิงเวลาอยู่ข้างนอก ไม่อยากกลับเข้ามาเห็นหน้าใครบางคนสักเท่าไหร่
“กาแฟค่ะ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นแบบไม่ค่อยหวานเหมือนเสียง ขณะวางกาแฟแก้วนั้นลงบนโต๊ะทำงานของภีมภัทร ร่างสูงจึงลุกจากเก้าอี้แล้วเดินอ้อมมาหา
“เป็นอะไรไป” ภีมภัทรถามพลางจ้องหน้าขาวเนียนอย่างค้นคว้า
“เปล่านี่คะ” อันดามันตอบห้วนๆ อีกตามเคย
“แล้วทำไมต้องทำเสียงแข็งใส่อา หรือว่าโกรธที่อาออกไปทานข้าวกับพิณนรี จะโกรธทำไมในเมื่อมิ้มเป็นคนบอกให้อาไปกับเขาเอง” คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าอ่านใจหลานสาวออกจึงถามตรงไปตรงมา
“ถึงมิ้มไม่บอก อาก็ต้องไปกับป้าคนนั้นอยู่ดีนั่นแหละ” หญิงสาวประชดเสียงแข็งและเมินหน้าหนีจากสายตาคมกริบของเขาเช่นเดิม
“ทำไมต้องเรียกว่าป้า ฟังดูไม่น่ารักเลย พิณก็รุ่นราวคราวเดียวกับอา มิ้มควรจะให้เกียรติผู้ใหญ่มากกว่านี้นะ อย่างน้อยพิณก็เป็นเพื่อนอา” ภีมภัทรเอ่ยตำหนิ
“เพื่อนแบบไหนคะ เพื่อนสนิท เพื่อนคู่คิด เพื่อนกิน หรือว่าเพื่อนนอน”
“ก็ทุกอย่างที่เราว่ามานั่นแหละ”
“แต่คงจะเป็นเพื่อนนอนบ่อยที่สุด ถึงแตะไม่ได้” อันดามันทำเสียงเยาะ
“มิ้มนี่ช่างเป็นหลานสาวที่รู้ใจอาไปซะหมดทุกเรื่องจริงๆ” เขาทำเสียงหยันกลับ
“ก็แน่ล่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคงจะรู้นะว่าตอนนี้อาต้องการอะไร”
พูดจบร่างสูงย่างสามขุมเข้าหา อันดามันจึงถอยร่นหนีตามสัญชาตญาณ แต่เขาก็ยังตามติดอย่างใจเย็น ทำท่าราวกับราชสีห์กำลังจะตะครุบเหยื่อ จนในที่สุดร่างอรชรก็หมดทางหนี เมื่อขาชนกับโซฟารับแขกที่อยู่ติดกับผนังห้อง
“อาจะทำอะไร!”
“ไหนว่ารู้ใจอาไงล่ะ”
เขาชะโงกหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ จนปากเกือบจะชนกับปากนุ่มของเธอ อันดามันจึงเอนหลบไปข้างหลัง ทำให้ร่างอรชรเสียหลักล้มลงไปบนโซฟาตัวนั้นทันที ร่างใหญ่โถมตัวทาบทับเต็มน้ำหนักจนร่างนุ่มนิ่มเกือบจะหายไปกับโซฟา เขารวบมือทั้งสองของเธอด้วยมือข้างเดียวแล้วตรึงไว้เหนือศีรษะ
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะคะ ไม่อย่างนั้นมิ้มจะฟ้องพ่อ” อันดามันขู่ฟ่อเมื่อตัวเองเริ่มตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
“อาไม่ใช่ของเล่น ที่มิ้มจะจับปั้นจับแต่งยังไงก็ได้”
“มิ้มทำอะไร” อันดามันหน้าเสียเหมือนกันที่ภีมภัทรโกรธมากขนาดนี้
“ทำอะไรไว้ก็รู้อยู่แก่ใจ ทั้งเที่ยวยัดเยียดผู้หญิงให้อา ทั้งผลักไสอาไปกับคนนั้นคนนี้ สนุกนักหรือไง” ภีมภัทรสาธยายความผิดของเธอทั้งๆ ที่อันดามันรู้ดีแก่ใจทุกกระทง
“มิ้มแค่หวังดีกับอาเท่านั้น ที่มิ้มบอกให้อาไปกับคุณพิณนรีก็เพราะรู้ว่าอากับเธอชอบกัน ที่พาหยีไปให้อารู้จักก็เพราะรู้ว่าหยีแอบชอบอา และมิ้มเองก็อยากได้อาสะใภ้ดีๆ แต่ตอนนี้มิ้มเลิกสนับสนุนแล้ว เพราะหยีน่ารักนิสัยดีเกินไป ไม่เหมาะกับผู้ชายแย่ๆ อย่างอาหรอก”
“งั้นหรอกหรือ อานึกว่าที่เราทำแบบนั้นก็เพราะไม่กล้ายอมรับความจริงเสียอีก” ตาคมวาวกวาดมองใบหน้าเนียนอย่างรู้เท่าทัน ทำให้อันดามันต้องรีบย้อนถามอย่างเดือดเนื้อร้อนใจ
“ความจริงอะไร”
“ก็ความจริงที่ว่ามิ้มทำทุกอย่างก็เพราะหลงรักอา แต่ไม่กล้ายอมรับหัวใจตัวเอง เลยต้องผลักไสอาไปให้คนอื่น”
“หลงตัวเอง” อันดามันทั้งโกรธทั้งอาย
“งั้นก็พิสูจน์ให้อาเห็นสิ ว่ามิ้มไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับอาจริงๆ” ภีมภัทรท้าทาย
“พิสูจน์อะไร?”
“จูบกับอา”
“ไม่! มิ้มไม่มีวันยอมให้อาทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นอีก”
“ขี้ขลาด เก่งแต่ปาก เอาเข้าจริงก็ไม่กล้า”
โคแก่แกล้งท้าทายเพื่อให้หญ้าอ่อนหลงกลเพราะรู้นิสัยดี และก็เป็นไปตามแผนเสียด้วยสิ เพราะหญ้าอ่อนประเภทอันดามันมีจุดอ่อนตรง...ไม่ชอบให้ใครท้า
“ทำไมมิ้มจะไม่กล้า ก็แค่จูบ มิ้มจูบกับแฟนมิ้มมานักต่อนักแล้ว”
“งั้นเหรอ งั้นก็รับคำท้าอาสิ”
“มิ้มยินดีรับคำท้า เพื่อพิสูจน์ให้อาเห็นว่า มิ้มไม่ได้รู้สึกอะไรกับจูบจากผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่แฟนมิ้ม” อันดามันเชิดหน้ารับคำท้า ทั้งที่หัวใจเต้นแรงโครมครามดุจจะโลดออกมานอกอก
“เก่ง...งั้นอาจูบเลยนะ”
ภีมภัทรไม่รอให้อันดามันตอบรับอีก เพราะถือว่าเธอรับคำท้าของเขาแล้ว ปากหยักประกบลงบนเรียวปากสีสวยที่ช่างพูดช่างประชด จากนั้นก็บดคลึงอย่างหนักหน่วงเต็มอารมณ์ ไม่นานอันดามันก็เปิดปากรับเขา ซ้ำยังตวัดลิ้นตอบเขาอีก
อันดามันครางในลำคออย่างสุขสม จูบของเขาเร่าร้อนดูดดื่มและชวนคลั่งเหลือเกิน ไม่ว่ากี่ครั้งเธอก็ไม่เคยต้านทานแรงปรารถนาอันซาบซ่านเช่นนี้ได้เลย
อาหนุ่มไล้มือด้านขวาลงไปด้านล่าง อาศัยจังหวะที่อันดามันกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสจุมพิตแสนดื่มด่ำระหว่างเขาและเธอ สอดมือลึกเข้าไปในชายกระโปรงแคบสีเหลืองมะนาวของร่างนุ่ม ลูบไล้ต้นขาเนียนด้านในเบาๆ ทำให้ร่างอรชรเกิดอาการซ่านสยิวจนลืมต่อต้าน กระทั่งในที่สุดมือใหญ่ก็เลื่อนลึกเข้าไปอีก จากนั้นกดนิ้วกลางลงตรงกึ่งกลางกายสาวแล้วถูไถเบาๆ ไม่กี่อึดใจความเปียกลื่นก็เอ่อซึมออกมากลางแก่นสาวออกมาให้ได้สัมผัส แล้วมีหรือที่ภีมภัทรจะหยุดอยู่แค่นั้น ขนาดแค่ภายนอกเธอยังเร่าร้อนขนาดนี้ แล้วเนื้อแท้ข้างในนั่นล่ะ ตอนนี้จะร้อนฉ่ำแค่ไหน
ร่างอรชรสะดุ้งวาบ เมื่อนิ้วเรียวใหญ่สอดซุกเข้ามาแตะต้องบนกลีบกุหลาบอันเปียกฉ่ำที่ไม่เคยมีมือของชายใดล่วงล้ำเข้ามาเฉียดใกล้มาก่อนนอกจากเขา ทำให้มือเล็กผลักไหล่แกร่งออกห่างเต็มแรงทันที
ภีมภัทรยอมถอยห่าง ไม่ใช่เพราะแรงมือของเธอ แต่เป็นเพราะเขาต้องการเน้นย้ำบางอย่างกับผู้หญิงที่ไม่รู้ใจตัวเองต่างหาก
“ตอบอามาสิ ว่าจูบของอาเป็นยังไง มิ้มรู้สึกอะไรกับจูบจากผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนมิ้มหรือเปล่า” เขาถามเสียงพร่า นัยน์ตาพราวระยับทอประกาย
“ไม่เลยสักนิด” หญิงสาวปฏิเสธทั้งที่หน้าแดงก่ำ ร่างกายร้อนวูบวาบไปหมด
“แต่แบบนี้สำหรับอาเรียกว่ามีอารมณ์นะ”
ภีมภัทรเอ่ยอย่างเป็นต่อ ในเมื่อความเปียกชุ่มของเธอยังติดอยู่ที่ปลายนิ้วของเขา เขาหลุบลงมองนิ้วของตัวเองที่มีหลักฐานเคลือบอยู่ชัดเจน ทำให้อันดามันเผลอมองตามแล้วก็ต้องหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
“อาขี้โกง อาลวนลามมิ้ม อาเล่นนอกกติกา” อันดามันนึกว่าตัวเองตะโกน แต่เสียงกลับดังเท่าแมวคราง มีแต่ลมหายใจเท่านั้นที่หอบแรงฟืดฟาดทั้งจากความโกรธและจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ข้างใน
“ไม่ได้มีในกติกานี่ว่าไม่ให้หาหลักฐานพิสูจน์ด้วย”
“คนเจ้าเล่ห์ เกลียดที่สุด ไม่อยากทำงานด้วยแล้ว มิ้มขอลาป่วยครึ่งวันค่ะ”
อันดามันขยับตัวลุกขึ้น คว้าเอากระเป๋า แล้วเดินแกมวิ่งออกไปจากห้องทำงานสุดหรูหรานั้นโดยไม่ยอมฟังว่าเจ้านายจะอนุญาตให้ลาหรือไม่