๑.๓ คุณอาเจ้าเสน่ห์
เกือบหกเดือนแล้วที่เธอไม่เคยย่างกรายมาที่นี่เลย แม้ว่าแม่จะชวนมาก็ตาม ภีมภัทรย้ายออกมาอยู่คนเดียวหลายปีแล้วตั้งแต่ปู่กับย่ายังไม่เสีย ทั้งๆ ที่บ้านก็หลังใหญ่โตและแบ่งเป็นสัดส่วนของใครของมัน เธอเดาว่าที่เขาย้ายออกมาคงเป็นเพราะอยากมีความเป็นส่วนตัว อยากพาใครมาทำอะไรก็ได้ เหมือนอย่างที่วันก่อนเขาพาผู้หญิงมา และสังเวียนรักของเขาก็คงจะเป็นห้องนอนที่อยู่ชั้นบนนั่นล่ะ ครั้งสุดท้ายที่เธอมาที่นี่กับมารดา เธอเอาเครื่องนอนชุดใหม่เปลี่ยนให้เขา ป่านนี้ผ้าปูที่นอนผืนนั้นคงจะถูกโละทิ้งไปแล้วกระมัง เพราะถ้าเขามีเพื่อนผู้หญิงที่สนิทด้วยอย่างที่เธอเห็นในสนามบิน ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเอาเครื่องนอนชุดใหม่มาเปลี่ยนแทนแล้ว
ความคิดนั้นทำให้เท้าเล็กๆ ก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นบนซึ่งเป็นห้องนอนของภีมภัทรอย่างเป็นอัตโนมัติ มือเรียวผลักประตูห้องเข้าไปอย่างไม่ลังเล และกวาดสายตามองสำรวจคร่าวๆ ก็เห็นว่าผ้าปูที่นอนผืนเดิมยังคงถูกปูอย่างเรียบตึง ผ้าห่มก็ถูกพับอย่างเรียบร้อย คล้ายดั่งว่าไม่เคยมีกิจกรรมใดๆ เกิดขึ้นบนเตียงนั้นเลย
“บ้าแล้วมิ้ม”
หญิงสาวเอ็ดตัวเองเมื่อรู้ตัวว่าล่วงล้ำและสนใจเรื่องของเขามากเกินไป จึงรีบกลับลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้ง ตอนนั้นเองที่หูได้ยินเสียงซ่าๆ แว่วดังออกมาจากห้องน้ำ ตอนแรกคิดว่าตัวเองหูฝาดจึงลองขยับเข้าไปใกล้ๆ ประตูห้องน้ำ แล้วแนบหูฟังอย่างตั้งใจ
ผลัวะ!
จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็เปิดออกอย่างกะทันหันทำเอาร่างอรชรถึงกับเสียหลักถลันไปด้านหน้า ปะทะกับร่างสูงของคนที่อยู่ข้างในจนเสื้อเปียกเพราะภีมภัทรยังไม่ได้เช็ดตัว รอยเปียกของน้ำทำให้เห็นลายลูกไม้ของบราเซียร์สีชมพูอ่อนที่ซ่อนในเสื้อสีขาวอย่างชัดเจนทันที
“ว้าย!”
เสียงหวานอุทานดังอย่างเป็นอัตโนมัติที่ตัวเองทั้งเสียหลักและเสียหน้า
“มิ้ม!”
ภีมภัทรเองก็แปลกใจไม่น้อย เมื่อจู่ๆ ร่างของหลานสาวก็ถลาเข้ามาปะทะกับร่างของเขา แต่กระนั้นมือแกร่งก็ถือโอกาสสอดเข้าที่เอวเล็กแล้วกกกอดเอาไว้ทันที
“ปล่อยมิ้มนะอาภีม มากอดมิ้มทำไม” อันดามันโวยวายและดิ้นขลุกขลัก ทั้งอาย ทั้งต้องการกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองที่แอบเข้ามาสำรวจห้องของเขาอยู่นานสองนาน
“เรามาทำอะไรที่ห้องอา”
“อาภีมลืมเอกสารไว้ที่ห้องบรรยาย มิ้มก็แค่เอามาคืน”
อันดามันเพิ่งสังเกตว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของภีมภัทรมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันอยู่ตรงเอวสอบ ผมเปียกลู่เพราะเพิ่งจะสระผมมาหมาดๆ แถมตอนนี้ร่างกำยำของเขาก็แนบอยู่กับร่างของเธอแทบจะทุกสัดส่วน แต่กระนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจเข้าไปในห้องน้ำ เผื่อว่าบางทีเขาอาจจะไม่ได้อาบน้ำคนเดียวก็ได้
“แค่เอามาคืนจริงน่ะเหรอ แล้วนั่นมองหาอะไร”
“เปล่า...มิ้มก็แค่” จู่ๆ อันดามันก็คิดไม่ออกดื้อๆ ว่าจะตอบว่าอะไร
“อยากรู้ว่าอาทำอะไรกับใครในห้องน้ำหรือเปล่าอย่างนั้นใช่มั้ย” ภีมภัทรเป็นฝ่ายตอบอย่างรู้เท่าทันความคิดของอันดามันเสียเอง
“ใช่ก็ได้...แล้วอาภีมทำแบบนั้นจริงหรือเปล่าล่ะ”
“ถ้าอาจะทำอย่างนั้นมันก็เป็นสิทธิ์ของอานี่ อายังโสด เราลืมไปหรือเปล่า”
“ไม่ลืมหรอกค่ะว่าอาภีมยังโสดสนิท มิ้มก็เลยช่วยหาผู้หญิงน่ารักๆ มาให้ แต่อาภีมก็ไม่ยอมสน อาตาถั่ว” อันดามันพูดพร้อมกับทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ผู้ชายที่ได้ชื่อว่า ‘อา’
“แล้วทำไมไม่ลองเสนอตัวเองดูบ้างล่ะ เผื่ออาจะสนใจ”
ภีมภัทรก้มหน้าลงไปเกือบจะชิดใบหน้าหวานสวย ทำให้อันดามันต้องรีบเอนหน้าหนี
“บ้า...ผู้ชายไม่มีหัวใจ เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นอย่างอาภีม...มิ้มไม่มีทางชอบเด็ดขาด”
ปากว่าไม่ชอบ แต่ทำไมหัวใจกลับหวั่นไหวแปลกๆ ชอบกล โดยเฉพาะตอนที่มีลมหายใจอุ่นๆ และร่างกายกำยำของเขาอยู่แนบชิดแบบนี้ อันดามันรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองเต้นระรัวเร็วกว่าเดิม
“ก็เลยเสนอเพื่อนมาให้อา ทั้งที่รู้ว่าอาไม่มีหัวใจอย่างนั้นเหรอ มิ้มนี่ช่างเป็นเพื่อนที่แสนดีจริงๆ เลยนะ”
ภีมภัทรว่าประชดอย่างแสบทรวงพลางเหยียดยิ้มเยาะหยัน ทำให้อันดามันถึงกับเดือดดาลขึ้นมาทันที
“ถ้าเลือกได้มิ้มก็ไม่อยากให้หยีชอบผู้ชายอย่างอาหรอก แต่ในเมื่อหยีชอบอาภีม มิ้มก็แค่อยากช่วยให้หยีสมหวัง” ใบหน้ารูปไข่ขาวเนียนเชิดขึ้น และขึงตาใส่คนเป็นอาอย่างเคืองขุ่น
“อ้อ...ริอ่านจะทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักนี่เอง ไม่กลัวว่าจะวัวพันหลักเสียเองหรือไง คำโบราณว่าไว้ไม่คิดจะกลัวหน่อยเหรอ”
“ไม่กลัวค่ะ เพราะมิ้มไม่มีวันคิดอะไรกับอาแบบนั้น มิ้มเกลียดอา” เสียงหวานประกาศดังลั่น
“อาเพิ่งรู้นะว่าเราเกลียดอา” ภีมภัทรหัวเราะเบาๆ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเดือดร้อนอะไรสักนิดกับคำว่า ‘เกลียด’ ที่หลุดจากปากหลานสาวสักนิด
“งั้นก็รับรู้ไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลยว่ามิ้มเกลียดขี้หน้าอา”
“เกลียดมากแค่ไหน”
“เกลียดที่สุด!”
“อาชักอยากรู้แล้วสิ ว่าความเกลียดของมิ้มมันจะรสชาติเป็นยังไง”
พูดจบมือข้างหนึ่งที่ว่างจากการกอดเอวเล็ก ก็ตวัดขึ้นมาช้อนไว้ที่ท้ายทอยของอันดาอันแล้วตรึงเอาไว้ ทำให้หญิงสาวเอนตัวหนีไปไหนไม่ได้อีก
“อาภีมจะทำอะไร! อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ ปล่อยมิ้ม อุ๊บ...”
เสียงร้องอุทานในตอนท้ายเงียบกริบลงไป เพราะโดนภีมภัทรประกบปากและจูบอย่างเร่าร้อน หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนีแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะมือของภีมภัทรที่ตรึงอยู่ท้ายทอยของเธอนั้นแข็งแรงเหลือเกิน
ภีมภัทรบดคลึงใช้ความมากชั้นเชิงบีบบังคับให้เรียวปากอิ่มเผยอขึ้น ก่อนจะเป็นฝ่ายรุกเร้าแทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากนุ่มชื้นด้วยลีลาชิวหาสวาท
ทันทีที่ลิ้นของอาหนุ่มพุ่งวาบเข้ามาสะกิดกับลิ้นนุ่มภายในปาก อันดามันก็รู้สึกเสียววูบและคล้ายดั่งว่าร่างกายไม่ได้ถูกสั่งการด้วยสมองอีกต่อไป
“อย่าค่ะอา...อย่า...”
ปากอิ่มพยายามจะร้องห้ามปราม ทว่าเสียงที่ร้องออกมาช่างผาดแผ่วเหลือเกิน เขาจูบเต็มอารมณ์สวาทโดยไม่คิดว่าเธอคือหลานสาวแม้แต่น้อย ซ้ำยังเลื่อนไล้มือใหญ่ขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อของเธอออกไปทีละเม็ดอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานสาบเสื้อสีขาวก็แยกจากกัน ร่างกายท่อนบนจึงเหลือแต่เพียงบราเซียร์แบบครึ่งเต้าที่โอบประคองสองทรวงอกสาวเอาไว้เพียงช่วงล่างเท่านั้น
มือของภีมภัทรประกบลงที่เต้าทรวงกลมกลึงทั้งสองข้าง ขยำคลึงและใช้อุ้งมือเสียดสีตรงปลายถัน ไม่นานเม็ดบัวก็เริ่มแข็งตัวเต่งเสียดสีกับบราเซียร์ที่เธอสวมอยู่จนเสียววาบไปหมด
ท่ามกลางกระแสความวาบหวามที่แผ่ซ่านเป็นริ้วๆ ไปทั่วร่าง คนถูกรุกรานพยายามกลั้นเสียงครางของตัวเองไว้อย่างเต็มที่ แต่คนมากชั้นเชิงกว่าดูออกว่าตอนนี้เธอกำลังมีอารมณ์ร่วมแค่ไหน เพราะร่างเล็กนั้นอ่อนระทวยไปหมด จึงไม่รีรอที่จะใช้มือถลกขอบบราเซียร์ด้านบนให้เลื่อนลงมาด้านล่าง เพียงเท่านั้นเนื้อแท้อวบอิ่มขาวโพลนก็เปลือยโล่ง
เขาเพ่งมองความงดงามนั้นเพียงครู่เดียว แต่ก็ครางฮึมอย่างพอใจ ก่อนจะใช้ลิ้นตวัดเลียละเลงเลียวนไปรอบๆ เม็ดบัวสีชมพู จนยอดทรวงสาวไหวระริกแข็งชันขึ้นภายใต้อุ้งปากของเขา
“อาภีม...อย่าค่ะ...อย่ารังแกมิ้ม…อีกนะ…มิ้มเกลียดอา”
ปากร่ำร้องว่าไม่ให้เขารังแกแต่อกสาวกลับแอ่นตอบสนอง อันดามันสับสนไปหมด ลิ้นเขาช่างชื้นสากเหลือเกิน แต่ทำไมเวลาที่ถูกเขาโลมเลีย เธอกลับร้อนวูบวาบไปสองเต้าทรวงเช่นนั้น
ภีมภัทรมีหรือจะสนคำว่าเกลียดของหลานสาว ก็ในเมื่อมันหอมหวานฉ่ำร้อนขนาดนั้น ปากร้อนอ้าครอบเม็ดบัวพร้อมกับใช้ลิ้นดุนวนคลึงเคล้าไปรอบๆ เม็ดหวานอย่างชำนาญ ทำเอาความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วสองเต้าสาวอย่างรุนแรง อันดามันถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งร่าง หมดเรี่ยวแรงจึงปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์และครางออกมาเป็นระลอก
“โอว...อาภีม”
ภีมภัทรคลุกเคล้าไปทั่วทรวงอกอิ่มอีกข้างอย่างไม่มียั้งตัวเอง ส่วนข้างเดิมใช้นิ้วบี้คลึงไปพร้อมกันจนร่างอรชรสั่นสะท้านแล้วสะท้านอีก
ความหฤหรรษ์ที่ทั้งวาบหวามและร้อนซ่าน ทำให้มือเรียวยกขึ้นโอบศีรษะได้รูปแล้วกดให้ใบหน้าหล่อเหลาลงมาคลุกเคล้าแนบชิดกว่าเดิม อันดามันแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไป รู้แต่เพียงว่าอยากให้ปากร้อนๆ นั้นดูดดื่มเธอให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกว่าเดิม เหมือนว่าที่เขาทำอยู่มันยังไม่พอกับความต้องการของเธอ
สายน้ำผึ้งซึ่งยืนรออยู่หน้าห้องเริ่มรู้สึกว่าเพื่อนสาวเข้าไปในห้องของภีมภัทรนานผิดปกติ จึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไปตามด้วยความเป็นห่วง ดวงตากลมโตกวาดมองไปยังห้องกว้าง ก่อนที่สายตาคู่นั้นจะถูกดึงให้หันไปตามเสียงครางกระเส่าที่แว่วมาจากหน้าห้องน้ำที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ภาพที่เห็นทำให้ใบหน้าเนียนแดงก่ำในทันที ตอนแรกสายน้ำผึ้งนึกว่าภาพนั้นจะเป็นภีมภัทรกับผู้หญิงอื่นเสียอีก แต่เธอไม่ได้ตาฝาดแน่ ผู้หญิงที่กำลังถูกภีมภัทรกอดจูบอย่างเร่าร้อนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น...
“มิ้ม!”
เสียงที่อุทานขึ้นของบุคคลที่สามซึ่งเป็นเสียงที่คุ้นเคยทำให้อันดามันได้สติและหลุดออกจากห้องภวังค์แสนวาบหวาม พร้อมกับกลับสู่โลกของความเป็นจริง หญิงสาวรีบหันหลังให้เพื่อนรักอย่างทำอะไรไม่ถูก ภีมภัทรจึงขยับมาช่วยกลัดกระดุม
“อย่ามายุ่งกับมิ้มนะ!” อันดามันแหวลั่นด้วยความโกรธขึ้ง
“ถ้าอาไม่ยุ่งเมื่อไหร่จะติดกระดุมเสร็จล่ะ ติดผิดติดถูกอยู่แบบนี้ เพื่อนมิ้มคงยืนรอขาแข็งพอดีมั้ง หรือว่าอยากโป๊ต่อหน้าเพื่อน”
ภีมภัทรไม่ได้มีท่าทีจะกระดากอายสักนิดที่สายน้ำผึ้งเข้ามาเห็น มีแต่อันดามันคนเดียวที่ทั้งโกรธเขาทั้งโกรธตัวเองแล้วไหนจะเป็นห่วงความรู้สึกของสายน้ำผึ้งอีกล่ะ
“มิ้มเกลียดอา บอกว่าอย่ามายุ่ง!” อันดามันตะโกนใส่หน้าภีมภัทรอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเขาเอื้อมมือช่วยกลัดกระดุมให้เสร็จ
“อารู้แล้วอาไม่ใช่คนความจำสั้น อาก็แค่อยากรู้ว่าความโกรธของมิ้มรสชาติมันเป็นยังไง ตอนนี้รู้แล้วล่ะว่ามันทั้งหวานทั้งร้อน”
ภีมภัทรจงใจยั่วให้อันดามันโกรธยิ่งกว่าเดิม
“เลวที่สุด!”
อันดามันรั้งอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ยกมือขึ้นจะฟาดที่ใบหน้าหล่อๆ ของเขา แต่ภีมภัทรฉวยข้อมือของเธอไว้ได้ทัน
“อย่าทำตัวก้าวร้าวกับอา อาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนตบหน้า ถ้ามิ้มคิดจะทำ คราวนี้อาจะจูบให้หนักกว่าเดิมและจะไม่ทำแค่กอดจูบลูบคลำหรอกนะ ไม่สนด้วยว่าเพื่อนมิ้มจะยืนดูอยู่”
ภีมภัทรจ้องตาอย่างเอาจริง กระตุกข้อมือเล็กแล้วรั้งร่างบางเข้ามาใกล้ ทำท่าเหมือนจะจูบอีก อันดามันกลัวจนลนลาน รีบสะบัดมือออก พอเป็นอิสระก็ด่าทอเขาอีกครั้งเพื่อระบายความคับแค้น
“คนเลว หยาบคายที่สุด!”
ร่างอรชรรีบขยับเข้าไปหาสายน้ำผึ้งที่ยืนนิ่งงันเป็นหุ่นขี้ผึ้ง จากนั้นก็ฉุดข้อมือของเพื่อนสาวพากันออกไปจากห้องของภีมภัทร โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมองตามด้วยประกายตาบางอย่างพร้อมกับยกมือแตะริมฝีปากตัวเองแล้วยิ้มร้าย
“มิ้มขอโทษนะหยี” อันดามันเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกด้วยน้ำตาคลอเบ้า หลังจากที่ทั้งสองเข้ามาอยู่ในลิฟต์ด้วยกัน
“ขอโทษเรื่องอะไรมิ้ม”
“เรื่องที่อาภีมกับมิ้ม...” อันดามันพูดไม่ออกไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าเมื่อครู่นี้สายน้ำผึ้งไม่เข้าไปขัดจังหวะเรื่องจะเลยเถิดไปถึงไหน
“มิ้มก็แค่ทำตามหัวใจตัวเอง มิ้มจะมาขอโทษหยีทำไม”
น้ำเสียงของสายน้ำผึ้งอ่อนโยนเต็มไปด้วยการปลอบประโลมและเข้าใจสถานการณ์ดี ตั้งแต่คบกันมาเธอยังไม่เคยเห็นอันดามันมีอาการสับสนและทำหน้าเจื่อนเหมือนจะร้องไห้แบบนี้มาก่อน
“ไม่จริง...มิ้มเกลียดอาภีม เกลียดความกักขฬะ เกลียดความมักง่ายของเขา หยีเองก็เลิกชอบอาภีมเถอะ อาภีมเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุด หยีก็เห็นมาสองครั้งแล้ว”
“อือ...” สายน้ำผึ้งพยักหน้า ไม่ใช่เพราะเธอเชื่อคำพูดของอันดามันที่บอกว่าให้เลิกชอบภีมภัทร เรื่องของหัวใจมันไม่มีใครสั่งใครได้หรอก เธอเข้าใจตอนที่เข้าไปเห็นภาพอันแสนวาบหวามระหว่างภีมภัทรกับอันดามันนั่นเอง แม้จะเห็นแค่ไม่กี่วินาที ทว่าปฏิกิริยาทางร่างกายที่สองหนุ่มสาวแสดงออกต่อกันนั้น มันห่างไกลกับคำว่าคนเกลียดกันโดยสิ้นเชิง