๑.๒ คุณอาเจ้าเสน่ห์
นักศึกษาชั้นปีที่สี่ของคณะบริหารธุรกิจและการจัดการทยอยกันเข้าห้องบรรยาย เพื่อฟังเลกเชอร์ชั่วโมงสุดท้ายก่อนสอบปลายภาคในสัปดาห์หน้า การบรรยายวันนี้เป็นการบรรยายของอาจารย์พิเศษ ซึ่งเป็นนักธุรกิจหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามการันตีด้วยตำแหน่งซีอีโอของบริษัทนำเข้ารถยนต์ชื่อดัง
ภีมภัทรรับหน้าที่เป็นอาจารย์สอนพิเศษที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ทั้งๆ ที่งานล้นมือ เพราะคณะบดีซึ่งเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทเชิญมา ทำให้ปฏิเสธไม่ได้
เมื่อเห็นว่าอาจารย์พิเศษที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องคือ ‘ภีมภัทร อเนกโชติภูมินทร์’ นักศึกษาสาวๆ ในห้องนั้นต่างตื่นเต้น บ้างก็มองตาปรอย เพราะถูกดึงดูดด้วยความหล่อเหลา บุคลิกเต็มไปด้วยความสง่างาม เคร่งขรึม และเสน่ห์อันเข้มข้นของเขา
หลังจากที่อาจารย์หนุ่มหล่อเริ่มบรรยาย ห้องทั้งห้องก็เงียบเสียงลง ใบหน้าและน้ำเสียงทุ้มชวนฟังสามารถสะกดนักศึกษาให้ตั้งใจฟังบรรยายชนิดแทบจะไม่มีใครละสายตาไปจากใบหน้าของเขาได้เลย แม้กระทั่งอันดามันเองก็เผลอจ้องมองเครื่องหน้านั้นจนไม่ได้ยินว่าอาจารย์พิเศษกำลังบรรยายอะไร ภาพบางอย่างผุดพรายขึ้นมาในความทรงจำก่อนที่มันจะถูกสลัดทิ้ง เมื่อเพื่อนชายซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ยื่นหน้าเข้ามากระซิบ
“มิ้ม...”
“หือ” หญิงสาวขานรับพลางหันไปทางคนเรียก
“พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า” เอกวุธกระซิบกระซาบถามเบาๆ
“ว่าง...ทำไมเหรอ”
“เอกอยากรบกวนให้มิ้มมาช่วยติววิชานี้ให้หน่อย เอกขาดเรียนตั้งหลายวันกลัวจะตก เอกอยากจบพร้อมเพื่อนๆ น่ะ” เอกวุธเอ่ยขอร้องอย่างอ้อนๆ แถมมองด้วยสายตาเว้าวอน
“แน่ล่ะก็มัวแต่ไปเที่ยวกับสาวๆ นี่ มิ้มขอคิดดูก่อนแล้วกัน” อันดามันแสร้งทำยักท่า ไม่ยอมรับปากง่ายๆ
“โธ่มิ้มก็...นะๆ อย่าใจร้ายกับเอกนักเลย” เอกวุธอ้อนทั้งปากทั้งตาอีกรอบ รู้ดีว่ายังไงเสียอันดามันก็ต้องใจอ่อน แม้ว่าเรื่องอื่นเธอจะใจแข็งมากก็ตาม แต่สำหรับเรื่องเรียนผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ตอนนี้ไม่เคยแล้งน้ำใจกับตน
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวชวนหยีมาเป็นเพื่อน”
“เอกว่าแล้วมิ้มต้องไม่ใจร้ายกับเอก งั้นติวเสร็จเดี๋ยวเอกเลี้ยงข้าวนะ”
“ไม่ต้องก็ได้ ช่วงนี้มิ้มใจดีติวให้ฟรีไม่คิดตังค์” เสียงหวานใสเอ่ยสัพยอกเพื่อนชายกลับด้วยเสียงที่เบาเท่ากระซิบ ก่อนจะหน้าชาวาบเมื่อเสียงของอาจารย์พิเศษดังแทรกขึ้น
“เวลาที่อาจารย์บรรยาย พวกคุณควรจะตั้งใจฟังนะ ถ้าหากจะคุยกันหรือจีบกัน ก็เชิญออกไปนอกห้อง จะได้ไม่ต้องรบกวนคนอื่น”
ภีมภัทรซึ่งยืนบรรยายอยู่บนโพเดียมหน้าห้อง เดินลงมายืนหน้าอันดามันและเอกวุธ ก่อนจะเอ่ยตำหนิผ่านไมโครโฟน เสียงทุ้มดุนั้นได้ยินชัดแจ๋วทุกถ้อยคำ สิ้นเสียง...สายตาของคนในห้องต่างก็พร้อมใจกันจ้องมองมายังทั้งคู่เป็นตาเดียวกัน
อันดามันอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี เพราะสายตาของเพื่อนๆ ในห้องมองมาอย่างตำหนิ แน่ล่ะแม้ทุกคนจะเป็นเพื่อนร่วมคณะ แต่ตอนนี้เธอเชื่อว่าเพื่อนๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงจะต้องเข้าข้างอาจารย์หนุ่มหล่ออย่างภีมภัทรมากกว่าเธอกับเอกวุธแน่นอน อีกทั้งใครๆ ก็รู้ว่าเอกวุธเคยตามจีบเธออยู่พักหนึ่ง ที่ภีมภัทรใช้คำว่า ‘จีบกัน’ ก็ไม่ผิดนักหรอก
“ขอโทษครับอาจารย์” เอกวุธกล่าวขอโทษแล้วก้มหน้าลงมองสมุดเลกเชอร์ของตัวเอง
“แล้วคุณล่ะ”
ขณะเอ่ยประโยคนั้นอาจารย์พิเศษหันมามองทางอันดามัน สายตาของเขาดุแกมตำหนิ แม้จะอยากลุกขึ้นต่อต้านเขามากแค่ไหนก็ตาม แต่สถานการณ์ก็ทำให้เธอต้องเอ่ยขอโทษอย่างเสียมิได้
“ขอโทษค่ะ”
“ผมหวังว่าคุณสองคนจะไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้ในชั่วโมงเรียนอื่นๆ อีกนะ เป็นนักศึกษาควรจะต้องตั้งใจเรียนในเวลาเรียน ส่วนเรื่องอื่นๆ เอาไว้นอกเวลา”
ภีมภัทรกล่าวตำหนิแรงๆ อีกหนึ่งประโยคโดยไม่ได้สนใจว่าหลานสาวกับหนุ่มหล่อคนนั้นจะอายเพื่อนในห้องแค่ไหน จากนั้นเขาก็กลับไปยังหน้าห้องแล้วเริ่มสอนต่อ คราวนี้ไม่มีใครกล้าคุยกันในห้องเรียนอีก ทุกคนล้วนแต่นั่งฟังเขาบรรยายอย่างตั้งใจทั้งสิ้น
เลกเชอร์ชั่วโมงนั้นผ่านไปได้ด้วยดี ภีมภัทรแจ้งกับนักศึกษาหลังจากจบการบรรยายว่า เรื่องที่เขาสอนจะมีรวมอยู่ในข้อสอบของวิชานั้นหนึ่งข้อ
หลังจากสอนจบชั่วโมงอาจารย์หนุ่มหล่อก็ก้าวออกจากห้อง โดยมีนักศึกษาทยอยเดินตามหลังออกไป หลายคนเข้าไปแนะนำตัวเป็นกรณีพิเศษเพราะรู้ว่าภีมภัทรเป็นซีอีโอของบริษัทชื่อดัง ด้วยหวังว่าอย่างน้อยการที่ฝากเนื้อฝากตัวกับผู้บริหารระดับสูง ก็อาจจะทำให้การสัมภาษณ์และผ่านเข้าทำงานในบริษัทของเขาง่ายขึ้น
“ไม่เป็นไรนะมิ้ม” สายน้ำผึ้งลุกขึ้นมาเอ่ยปลอบใจขณะที่คนอื่นๆ ออกจากห้องไปหมดแล้ว
“มิ้มไม่เป็นไรหรอก แต่หมั่นไส้อาภีมที่สุด ทำเก๊กดุใส่มิ้ม”
อันดามันบ่นปอดแปดและยังไม่ยอมลุกไปไหน เธอคร้านจะไปเห็นภาพที่ภีมภัทรถูกล้อมหน้าล้อมหลัง
“ไม่เห็นจะเก๊กตรงไหนเลยมิ้ม อาภีมออกจะวางตัวดี น่าเกรงขาม” คราวนี้เป็นสายน้ำผึ้งที่แก้ต่างให้ เพราะเธอเห็นเช่นนั้นจริงๆ
“ก็ทำดุไปอย่างนั้นล่ะ เบื้องหลังเป็นไงหยีก็เห็น” สาวสวยย่นจมูกอย่างหมั่นไส้
“นั่นมันเรื่องส่วนตัวของอาภีมนี่นา”
“ไหนบอกจะเลิกชอบอาภีมแล้วไง นี่แสดงว่ายังตัดใจไม่ได้ใช่มั้ย ถึงได้เข้าข้างกันออกนอกหน้าแบบนี้” อันดามันตลบหลังและหันขวับมามองหน้าเพื่อนรัก แล้วก็ต้องหัวเราะคิกอย่างถูกใจเมื่อเห็นสายน้ำผึ้งหน้าแดง
“ไม่ใช่เสียหน่อย...เลิกล้อหยีได้แล้วน่า อาภีมไม่สนหยีหรอก หยีว่าเรากลับกันดีกว่า ในห้องเหลือแต่เราสองคนแล้วนะ” สายน้ำผึ้งเอ่ยเตือน
“กลับก็กลับ ป่านนี้อีตาอาจารย์ขี้เก๊กคงจะถึงรถแล้วล่ะ”
ร่างอรชรลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหยิบเอากระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาสะพาย กำลังจะเดินออกไปพร้อมกับสายน้ำผึ้ง แต่สายน้ำผึ้งหันไปเห็นบางอย่างวางอยู่บนโพเดียมเสียก่อน
“นั่นแฟ้มเอกสารของอาภีมหรือเปล่ามิ้ม”
สายน้ำผึ้งถามขึ้น อันดามันมองตามอย่างไม่แน่ใจนัก จึงขึ้นไปยังเวทีโพเดียมด้านบน แล้วหยิบเอาแฟ้มนั้นขึ้นมาพลิกดู
“ใช่จริงๆ ด้วย แฟ้มนี้เป็นรายงานการประชุมของบริษัท อาภีมคงจะถือติดมือมาด้วยแล้วลืมไว้”
“งั้นรีบเอาไปคืนอาภีมเถอะ เผื่ออาภีมต้องใช้”
สองสาวเร่งฝีเท้าออกมาจากห้องบรรยาย เดินตามภีมภัทรไปยังลานจอดรถเพื่อเอาแฟ้มดังกล่าวไปคืนให้เขา แต่ล็อกซึ่งเป็นที่จอดรถของอาจารย์พิเศษไม่มีรถจอดอยู่แล้ว
“อาภีมคงกลับแล้วล่ะ เราคงต้องเอาไปคืนที่คอนโดฯ หยีไปเป็นเพื่อนมิ้มนะ” ประโยคนั้นอันดามันเป็นคนบอก
“ก็ได้จ้ะ แต่มิ้มพาหยีกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม หลังจากที่เอาเอกสารไปคืนอาภีมเสร็จแล้ว หยีจะได้เลยไปที่ทำงานเลย”
“ตกลงจ้ะ”
อันดามันไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะปกติก็ไปส่งสายน้ำผึ้งอยู่แล้ว อีกทั้งทางไปคอนโดมิเนียมของภีมภัทรกับหอพักของสายน้ำผึ้งก็ไปทางเดียวกัน
หลังจากที่พาสายน้ำผึ้งกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเรียบร้อยแล้ว และในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี อันดามันก็ขับรถแล่นเข้ามาจอดยังหน้าคอนโดมิเนียมสุดหรูกลางกรุง
“ขึ้นไปด้วยกันนะหยี” อันดามันหันมาชวนหลังจากที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว
“แต่หยีว่า...”
“ไม่ต้องแต่จ้ะหยี ขึ้นไปด้วยกันเดี๋ยวนี้”
หญิงสาวไม่ยอมให้เพื่อนปฏิเสธ หลังจากดับเครื่องแล้วก็อ้อมมาอีกฝั่งที่สายน้ำผึ้งนั่งอยู่ แล้วดึงข้อมือเล็กๆ เป็นการบังคับให้ขึ้นไปด้วยกันกลายๆ
มือเรียวบางกดลิฟต์เลขชั้นห้องของภีมภัทรอย่างจำได้แม่น พอๆ กับที่จำห้องของจอมทัพได้ เพราะในช่วงเวลาที่ภีมภัทรและจอมทัพไปต่างประเทศ คุณอารยาก็มักจะมาดูแลความเรียบร้อยของห้องให้น้องชายทั้งสองคนของสามีอยู่เสมอ
ก๊อก ก๊อก
อันดามันยกมือขึ้นเคาะประตูหน้าห้องของผู้เป็นอาอยู่หลายครั้ง ทว่าคนข้างในนั้นก็ไม่มีวี่แววว่าจะมาเปิด
“อาภีมทำอะไรอยู่นะ ทำไมไม่มาเปิด” อันดามันบ่นปอดแปดอีกตามเคย
“หรือว่าอาภีมจะยังไม่กลับมา” สายน้ำผึ้งออกความเห็นบ้าง
“ก็เป็นไปได้ งั้นเดี๋ยวมิ้มเอาแฟ้มไปไว้ในห้องเลยก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“มิ้มมีกุญแจกับคีย์การ์ดเหรอ”
“มี...มีทั้งห้องอาภีมและอาภูนั่นแหละ อาภีมกับอาภูให้แม่ไว้ คราวที่แล้วแม่ฝากใส่กระเป๋ามิ้มไว้ แล้วก็ยังไม่ได้เอาคืนจ้ะ”
“ถ้างั้นมิ้มเข้าไปคนเดียวเถอะนะ หยีขอรออยู่ข้างนอกก็แล้วกัน” สาวขี้อายนึกกระดากจนต้องปฏิเสธ เมื่อจะต้องเข้าห้องผู้ชายที่ตัวเองแอบปลื้มอยู่จริงๆ ความจริงเธอตื่นเต้นตั้งแต่ตอนที่อันดามันจอดรถหน้าคอนโดมิเนียมแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นอันดามันไม่ยอมให้รออยู่ข้างล่าง
“ก็ได้ๆ แม่คนขี้อาย ถ้างั้นหยีรอแป๊บหนึ่ง มิ้มเข้าไปไม่นานหรอก”
อันดามันควานหากุญแจกับคีย์การ์ดห้องของภีมภัทรในกระเป๋า ก่อนจะลงมือไขประตูแล้วผลักเข้าไป โดยที่สายน้ำผึ้งยืนรออยู่หน้าห้อง
ร่างอรชรในชุดนักศึกษาก้าวเข้าไปในห้องที่กว้างขวางหรูหรานั้น วางแฟ้มเอกสารไว้บนโต๊ะกลางห้อง โดยตั้งใจว่าจะรีบกลับออกไปเลย แต่เมื่อเข้ามาอยู่ข้างในห้องนี้จริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเดินสำรวจห้องของเขา