3
“ที่พูดจาหาเรื่องอยู่นี่พวกคนจนๆ ส่วนใหญ่อยากได้ไอ้นี่ใช่ไหม” ธีรกรควักธนบัตรหนึ่งพันบาทออกมาสองสามใบ ก่อนจะเอามาโปรยหน้าคนทั้งสอง ศักดิ์สิทธิ์แทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ต่อยอีกฝ่ายให้หน้าหงาย ธีรกรยักไหล่หัวเราะลั่นก่อนจะเดินไปขึ้นรถ เขาหันมองกระจกหลังเห็นรัตนาวดีพยายามวิ่งตามเก็บเงินแบงก์พันของเขาแล้วเหยียดปากอย่างสมเพช บอกว่าไม่ต้องการเงิน แต่วิ่งเก็บเงินเหมือนหมาข้างถนน ผู้หญิงแบบนี้เขาซื้อกินได้ถมเถไป
“งามไปเก็บเงินหมอนั่นมาทำไมกัน” ศักดิ์สิทธิ์เอ่ยถาม ถึงเขาจะจนแต่ไม่ยอมให้ใครมาหยามได้ง่ายๆ แน่
“งามไม่อยากให้เขาดูถูก งามจะเก็บเงินไปคืนเขา นี่เขาคงคิดว่าเราอยากได้เงินเขา ถ้าเราปล่อยเงินนี้เอาไว้ที่นี่ ยังไงเขาก็คิดว่าเราต้องเอา เราบอกว่าเราไม่เอาเขาก็ไม่เชื่อหรอก”
“ก็จริงของงาม แต่หมอนี่อวดรวย จริงๆ ไม่ต้องเอาไปคืนหรอก ทิ้งไว้แบบนี้แหละ มันก็แค่เศษเงินของเขา”
“ช่างเถอะ เราอย่าให้เขามาดูถูกเราเลยนะ เอาไปคืนน่ะดีแล้ว”
“แล้วแต่งามเถอะ งามเป็นไงบ้าง เนื้อตัวเลอะเทอะหมดแล้ว” ศักดิ์สิทธิ์ถามอย่างห่วงใย เขารีบดึงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาซับให้เธอ
“งามไม่เป็นอะไรจ้ะ เราไปกันเถอะ” ธีรกรขับรถออกไปก็จริง แต่เขาหยุดรถกะทันหัน รอดูว่าคนทั้งสองจะทำอะไรกันต่อ และภาพที่หมอนั่นดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับหน้าให้รัตนาวดี ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่เขาจะกระชากรถสปอร์ตคันหรูทะยานออกไปอีกครั้ง
เสียงข้าวของที่หล่นเกลื่อนพื้นรวมถึงชายฉกรรจ์ที่เข้ามาอาละวาดจนบ้านพังทำให้รัตนาวดีรีบวิ่งถลาเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ศักดิ์สิทธิ์ที่ตามมาด้วยถึงกับตกใจเช่นกันกับภาพที่เห็น
“อย่าทำอะไรแม่ของฉันนะ” รัตนาวดีเข้าไปขวางเอาไว้ ผู้ชายหน้าตาน่ากลัวมองมาอย่างดุดัน
“ถ้าไม่อยากให้ทำอะไรก็เอาเงินมา ทั้งต้นทั้งดอก”
“เงินอะไร”
“ผัวแม่ของเธอไปยืมเงินเจ้านายแล้วไม่ยอมจ่าย”
“ก็ไปตามเก็บกับเขาสิ” รัตนาวดีกางปีกปกป้องมารดาเต็มที่
“ก็เป็นผัวเมียกัน ผัวไม่จ่าย เมียก็ต้องจ่ายสิ”
“เราไม่มีให้หรอกนะ”
“ถ้าไม่มีก็เอาตัวเธอไปขัดดอกก่อนแล้วกัน”
“ว้าย!” รัตนาวดีโดนกระชากเข้าไปหา พวกมันหัวเราะมองด้วยสายตาแทะโลม
“อย่าทำอะไรลูกฉันนะ” เรวดีรีบอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
“อย่าทำอะไรเธอเด็ดขาด ปล่อยเธอซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ” ศักดิ์สิทธิ์มองหญิงสาวอย่างห่วงใย
“มึงกล้าแจ้งตำรวจเหรอวะ” มันควักปืนออกมา ศักดิ์สิทธิ์ถึงกับเหงื่อตก กลัวมันจะยิงใส่ใคร เขาห่วงตัวเองก็ห่วง แต่ห่วงหญิงสาวที่แอบรักและมารดาของเธอด้วย จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
“จะเอาเงินเท่าไหร่ รอก่อนได้ไหม ฉันจะหามาให้” ศักดิ์สิทธิ์ต่อรอง เขาไม่กล้าต่อกรกับปืนผาหน้าไม้หรอก ดีไม่ดียิงโดนรัตนาวดีหรือเรวดีขึ้นมาจะยุ่ง เขาเองก็มือเปล่า ใช่จะไปสู้อะไรได้ การป้องกันตัวก็กระจอกเหลือเกิน เขาไม่เคยเรียนวิชาป้องกันตัวมาเลย ดูจากสภาพร่างกายและหุ่นล่ำๆ ของพวกทวงหนี้แล้วคิดว่าต่อยเขาหมัดเดียวก็ร่วง จึงต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะตอนนี้รัตนาวดีหน้าซีดเผือด
“ไม่ได้ ต้องจ่ายมาวันนี้ ไม่ได้ต้น เอาดอกมาก่อนก็ได้”
“ฉันมีอยู่แค่นี้” ศักดิ์สิทธิ์ควักเงินออกมาห้าร้อยบาท เป็นเงินที่เหลือจากค่าแรงที่เขาทำงานพาร์ทไทม์และเบิกมาใช้ไปแล้ว
“ถุย! ห้าร้อยเอาไปทำส้นตีนอะไรวะ” มันทำท่าดูถูกแต่กระชากเงินจำนวนนั้นไป ศักดิ์สิทธิ์รู้สึกเสียดายเป็นอันมาก แต่เขาก็ต้องยอมจ่ายมันไป เผื่อมันจะยอมปล่อยรัตนาวดี
“ไหนค้นกระเป๋านังนี่หน่อยสิ ลองดูว่ามีอีกเท่าไหร่”
“ฉันไม่มีหรอกนะ” รัตนาวดีรีบห้ามปรามพยายามดิ้น แต่มันไม่ยอมปล่อย
“มีสามพันห้าลูกพี่”
“เอาไปให้หมด ได้แค่นี้ยังไม่พอค่าดอกเบี้ย แต่วันนี้จะยอมปล่อยไปก่อน ต้องไปหามาเพิ่ม แล้วจะกลับมาเอาใหม่” มันผลักรัตนาวดีออกห่างอย่างเสียดาย ศักดิ์สิทธิ์รีบรับร่างบางเอาไว้
“นั่นเงินของเขา พรุ่งนี้งามจะเอาเงินที่ไหนไปคืนเขาล่ะศักดิ์”