4
รัตนาวดีพูดอย่างเป็นกังวลขณะประคองมารดาไปนั่ง ท่านเอาแต่โทษตัวเองที่ทำให้เธอเดือดร้อน รัตนาวดีถอนใจเฮือกใหญ่ สงสารมารดาจับใจ ท่านมีสามีใหม่และพ่อเลี้ยงของเธอก็ไม่ทำงานทำการอะไร กินเหล้าเมายา เข้าบ่อน เล่นการพนันจนเป็นหนี้เป็นสิน มารดาของเธอเย็บผ้าหลังขดหลังแข็ง ก็ถูกบิดาเลี้ยงขู่เอาเงินไปเสียหมด ถ้าต่อสู้ขึ้นมาก็จะโดนทุบตีทำร้าย เธอเข้าขวางก็โดนลูกหลงไปหลายรอบ ใช่ว่าอยากทนอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ไม่มีที่ไป คนลำบากยากจน มันอับจนหนทางจริงๆ คนที่ไม่เคยเจอกับตัวเอง ไม่เข้าใจและไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงต้องทนอยู่แบบนี้ มารดาของเธอก็ป่วยต้องไปหาหมอทุกเดือน ท่านเป็นมะเร็งและรักษาด้วยคีโม จนตอนนี้ร่างกายอ่อนเพลีย เธอและมารดาจึงต้องทนอยู่บ้านหลังนี้ ถึงมันจะซอมซ่อ แต่มันก็ให้ที่พักพิงกันฟ้าฝนได้ ดีกว่าไปนอนข้างถนน
“ช่างมันเถอะงาม บอกเขาไปว่าเขาโปรยมันไปบนถนนเอง เราไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้เก็บเอามา”
“แบบนั้นถือว่าโกหกเขานะ งามไม่อยากได้เงินของเขาหรอก”
“ถ้างามไม่สบายใจ เราจะช่วยหาเงินให้ครบและเอาไปคืนเขานะ” ศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากเห็นเพื่อนเป็นกังวลจึงรีบช่วยหาทางออกให้
“งามไม่อยากรบกวนศักดิ์ งามจะทำงานเก็บเงินเอง”
“แต่งามต้องใช้เงินนะ ไปเรียนทุกวัน จะอดข้าวอีกหรือไง” ศักดิ์สิทธิ์เผลอพูดออกไป รัตนาวดีปรามเอาไว้แต่ไม่ทัน เรวดีรู้สึกโกรธที่ตัวเองทำให้บุตรสาวต้องเดือดร้อน
“เพราะแม่เอง งามถึงต้องลำบากแบบนี้”
“ไม่ใช่ความผิดของแม่นะคะ แม่อย่าคิดมากสิ ยิ่งไม่สบายอยู่นะ ความเครียดอาจจะทำให้ป่วยได้นะคะ” รัตนาวดีรีบพูด ศักดิ์สิทธิ์ขอโทษเพื่อนสาวทางสายตา เขาไม่น่าเผลอพูดแบบนั้นออกไปเลย เขากลัวเธอจะโกรธเขา
“งาม แม่เป็นห่วงงามนะลูก ถ้าแม่เป็นอะไรไป”
“แม่อย่าพูดเป็นลางแบบนั้นสิคะ” รัตนาวดีตกใจ แต่เธอเศร้าใจที่เห็นมารดาเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง อาหารการกินก็เลือกไม่ได้มาก มีอะไรก็ต้องกิน อาการท่านกำลังทรุดลงอีก แถมยังห้ามไม่ฟัง นั่งเย็บผ้าหลังขดหลังแข็งจนล้มป่วย เธอทุกข์ใจเหลือเกิน หากมารดาเป็นอะไรไปจริงๆ เธอจะทำยังไง เพราะในชีวิตนี้มีท่านเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
“งาม... แม่” เรวดีเรียกบุตรสาวเสียงแผ่ว
“แม่เป็นอะไรจ๊ะ แม่!” รัตนาวดีร้องเรียกมารดาอย่างตกใจไม่น้อย
“รีบพาป้าเรไปหาหมอเถอะงาม อาการท่าจะไม่ดี” ศักดิ์สิทธิ์รีบบอกอย่างห่วงใย รัตนาวดีคิดว่าถึงเธอจะไม่มีเงินรักษามารดา แต่อย่างไรก็ต้องพามารดาไปหาหมอก่อน
“แม่ไม่ไหวแล้ว หนูไปหาคนคนนี้ตามที่อยู่นี้นะ” เรวดียัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือบุตรสาว
“ใครกันคะแม่”
“เขาเป็นคนดี เป็นผู้มีพระคุณของแม่ หนูไปหาเขานะ เขาจะช่วยหนูเอง ไปบอกเขาว่าหนูเป็นลูกแม่”
“แม่คะ หนูจะพาแม่ไปหาหมอนะคะ” รัตนาวดีร้องไห้น้ำตาไหลพราก เธอส่ายหน้าไปมา อาการมารดาไม่สู้ดีนัก
“แม่คงไม่ไหวแล้วจริงๆ ไปจากที่นี่ซะ ถ้าไม่มีแม่ มันต้องทำมิดีมิร้ายหนูแน่ๆ อย่าอยู่ที่นี่ แม่...” เรวดีกำมือบุตรสาวแน่น ก่อนจะสิ้นใจลงในที่สุด
“แม่! ไม่นะคะแม่ ศักดิ์แบกแม่ออกไปเรียกแท็กซี่เร็ว พาแม่ไปหาหมอ ช่วยเราหน่อย” รัตนาวดีพูดอย่างร้อนรน ประคองมารดาให้นั่งเหมือนเดิม ถ้าเธอแบกท่านไหว เธอคงจะแบกท่านเอง ศักดิ์สิทธิ์เอานิ้วไปจ่อที่จมูกของเรวดี เขาคอตก ก่อนจะปลอบเพื่อนสาว
“ท่านไปดีแล้วงาม”
“พูดอะไรของนาย พูดบ้าอะไร แม่ยังอยู่กับเรา แม่จ๋า แม่...” เสียงของรัตนาวดีโหยหวน เธอร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฮือๆๆๆ ไม่จริง แม่อย่าทิ้งงามไปนะ ไม่นะแม่ แล้วงามจะอยู่กับใคร” รัตนาวดีเขย่าร่างมารดาก่อนจะกอดท่านแนบอก ศักดิ์สิทธิ์พานน้ำตาไหลไปด้วย เขาบีบไหล่เพื่อนสาวเพื่อปลอบโยน
งานศพของมารดาเป็นการจัดงานแบบไร้ญาติขาดมิตร ด้วยความเมตตาของวัด รัตนาวดีไม่กล้ากลับไปนอนที่บ้านอีก เพราะกลัวบิดาเลี้ยงขืนใจ มารดาเคยช่วยให้เธอรอดมาหลายครั้ง แต่ถ้าขาดท่านไป เธอคงไม่รอดแน่ๆ เพราะมีชัยคอยแต่จะเข้าหาเธออยู่เรื่อย เธอเลยอาศัยนอนที่วัด แต่ศักดิ์สิทธิ์กลัวเธอจะไม่ปลอดภัย เขาเลยมานอนเป็นเพื่อน เธอจึงอุ่นใจขึ้นมาเยอะ