2
“เมื่อกี้เธอพูดจริงเหรอ” พิพัฒน์เอ่ยถามพิจิตรา เขารู้ดีว่าธีรกรขี้โมโห แถมยังโมโหร้าย แต่ถ้าเรื่องไหนจริงจังก็จริงจัง เพื่อนรักเห็นรัตนาวดีแล้วชอบก็อยากทำความรู้จัก แต่คลาดกันเสียทุกครั้ง จนวันนี้พิจิตราอาสาจะไปขอเบอร์โทรให้ ธีรกรเลยรอลุ้นว่าจะได้คุยกับสาวเจ้าหรือเปล่า คือเรื่องชื่อสกุลหรือเบอร์โทรนั้น ก็พอจะหาได้ แต่การให้อีกฝ่ายรู้ว่าอยากได้อยากคุย มันก็มีศักดิ์ศรีกว่าไปแอบเอามาแล้วโทรไปดื้อๆ
“พูดเล่น” พิจิตราเบ้ปาก
“เธอนี่มันร้ายจริงๆ แสดงว่าน้องคนนั้นเขาไม่ได้พูดจารังเกียจไอ้ธีขนาดนั้น”
“ก็ช่วยไม่ได้” พิจิตรายักไหล่
“จะหวงไอ้ธีไปถึงไหน มันไม่เอาเธอหรอก” พิพัฒน์เตือนสติเพื่อน
“หุบปากไปเลย นายไม่รู้อะไรอย่าพูดเลยดีกว่า”
“แล้วต้องรู้อะไรล่ะ” พิพัฒน์ถามจริงจัง
“มันเรื่องของฉัน ธีต้องรู้สักวันว่าฉันรักเขา หวังดีกับเขาจริงๆ”
“เธอก็แสดงออกบ้างไม่ใช่เหรอ มันยังไม่สนเลย”
“นายก็รู้ว่าธีไม่จีบเพื่อนในกลุ่ม ก็รอให้เขาเรียนจบก่อน อีกแค่ไม่ถึงสองปี”
“แล้วเธอก็จะคอยกีดกันผู้หญิงทุกคนหรือไง”
“มันเรื่องของฉัน” พิจิตราขึ้นเสียงใส่อีกฝ่าย
“ไม่ต้องมายุ่ง” หญิงสาวรวบตำราเรียนมาถือเอาไว้ก่อนจะเดินหนี พิพัฒน์ได้แต่เงียบ เขาคิดว่าไม่ควรยุ่งเรื่องนี้มาก เพราะทั้งสองเป็นเพื่อน และธีรกรเองก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรกับพิจิตราอีกด้วย แม้ความรู้สึกลึกๆ ของเขาจะมีอะไรพิเศษให้พิจิตราก็ตามที แต่มันก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจ
ธีรกรกระชากรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองออกจากมหาวิทยาลัย เขาทั้งโมโห ทั้งหงุดหงิดที่โดนปฏิเสธ แถมยังโดนเพื่อนหัวเราะ จากที่เคยนึกชอบรัตนาวดี ตอนนี้กลับอยากเอาชนะเธอเสียเหลือเกิน คนอย่างเขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ เล่นดูถูกเขาขนาดนี้ คอยดูไปเถอะ เขาจะทำให้เธอรู้ว่ามากกว่าขาอ่อนเขาก็สามารถทำได้
เขาขับรถไปเรื่อยๆ ก่อนจะเห็นร่างคุ้นตา เธอกำลังเดินคุยกับเพื่อนชายคนหนึ่ง นั่นยิ่งทำให้ธีรกรโมโห เขาเหยียบคันเร่งก่อนจะเหยียบน้ำริมถนนเต็มๆ น้ำสกปรกกระเด็นใส่คนทั้งสองอย่างไม่ทันตั้งตัว ธีรกรมองอย่างสะใจ เขาจอดรถก่อนจะลงมาด้วยมาดกวนอารมณ์สุดๆ รัตนาวดีเห็นเข้าก็ตกใจ เพราะนี่คือผู้ชายร้ายกาจที่ให้เพื่อนมาขอเบอร์โทรของเธอ
“ขอโทษนะ ไม่ทันได้เห็นหมาแมวแถวนี้”
“พูดแบบนี้ได้ไงวะ” ศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างโมโห ทำท่าจะเข้าไปต่อยแต่รัตนาวดีดึงแขนเพื่อนเอาไว้ ไม่อยากให้มีเรื่องกัน
“ก็ไม่เห็นจริงๆ นี่หว่า จะเอาไงล่ะ” ธีรกรยักไหล่ มองสภาพคนทั้งสองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเบ้ปาก
“คิดว่ารวยนักหรือไงวะ ขับรถแบบนี้สักวันไม่ตายดีแน่ๆ”
“แล้วมึงกล้าดียังไงมาพูดกับกูแบบนี้วะ” ธีรกรตรงเข้ากระชากคอเสื้อของศักดิ์สิทธิ์ทันที
“หยุดนะ อย่าทำอะไรเพื่อนฉันเลย” รัตนาวดีไม่อยากให้มีเรื่อง แม้จะไม่ชอบนิสัยของธีรกรเอามากๆ เป็นอย่างที่พิจิตราบอกจริงๆ ด้วย ผู้ชายคนนี้ขี้โมโห แถมยังน่ากลัวเหลือเกิน
“เพื่อนเหรอ เห็นเดินอี๋อ๋อกันขนาดนี้ ตัวแทบติดกัน นึกว่าแฟน” ที่เขาโดนปฏิเสธ อาจเพราะไอ้หน้าอ่อนนี่ก็ได้
“ถึงเป็นแฟนกันจริงก็ไม่เกี่ยวกับคุณ” ศักดิ์สิทธิ์รับสมอ้างเสียเลย เพราะเขาแอบชอบรัตนาวดีอยู่เหมือนกัน แต่อีกฝ่ายคิดกับเขาเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น
“อ้อ... เหรอ ไม่รู้หรือไงว่าบ้านฉันรวย ไม่ลองพิจารณาดูใหม่เหรอ หมอนี่ท่าทางจะกระจอก ทำให้เธอมีความสุขได้เหรอ” ธีรกรพูดอย่างดูถูก ศักดิ์สิทธิ์กระชากมืออีกฝ่ายออกจากคอเสื้อ ธีรกรยอมปล่อย ก่อนจะมองด้วยสายตาดุดัน
“ฉันจะรักใครชอบใครไม่เคยคิดเรื่องฐานะชาติตระกูล ขอแค่เขาเป็นคนดีก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าร่ำรวยแล้วชั่วช้าสารเลว ฉันก็ไม่อยากคบค้าสมาคมด้วยหรอก” รัตนาวดีตอบเสียงฉะฉาน
ธีรกรทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ เป็นอย่างที่พิจิตราพูดทุกอย่าง ยายตุ๊กตาหน้าตาน่ารักตรงหน้าเขารังเกียจเขาจริงๆ ด้วย ไม่โง่ก็เดาออกว่าหล่อนพูดกระแทกกระทั้นว่าเขารวยและสารเลว เอาเถอะ! จะได้รู้กันว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ