บทที่ 4 ปากกรรไกร (1/2)
ฟลินท์ขยับร่างสูงกำยำของตัวเองเข้าประชิดร่างบางเอวสอบของเชอร์เบล ใบหน้าได้รูปสุดเย้ายวนของเธอในตอนนี้เหยเกด้วยความหวั่นวิตกไม่น้อย ดวงตาฉ่ำวาวสั่นระริกไปด้วยความหวาดกลัว
เชอร์เบลถอยครูดจนสุดปลายของโซฟาใหญ่ ท่อนแขนแข็งแกร่งของเขาคร่อมร่างเธอเอาไว้ไม่ต่างจากวัวถูกล้อมคอก เธอสะดุ้งตัวโยน เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังไร้หนทางถอยหนี
ฟลินท์โน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าว สายตาแข็งกร้าวจ้องผ่านดวงตาของเธอจนต้องกรีดร้องออกมาเพื่อลดความประหม่าและหวังว่าเขาจะคลายอ้อมแขนปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
กรี้ดดด
"กรี้ดบ่อยขนาดนี้ เธอไม่เจ็บคอบ้างหรือยังไง" ฟลินท์ถามเธอพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก นั่นเขากำลังเย้ยหยันเธอชัด ๆ
"พี่ก็ออกไปไกล ๆ ฉันสิ" เธอหลบสายตาที่ชวนให้ใจไขว้เขวก่อนจะตอบออกไปแบบส่ง ๆ
"รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ" เขายังคงถามเธอโดยไม่มีทีท่าว่าจะคลายอ้อมแขนลงเลยสักนิด
"เชอร์เบลไม่ได้รังเกียจพี่ แต่เชอร์เบลไม่ชอบพี่ต่างหาก"
"แล้วคิดเหรอว่าฉันชอบเธอ"
คำบอกของฟลินท์ทำให้เธอเม้มริมฝีปากแน่นพูดไม่ออกเมื่อโดนเขาแหกหน้าขึ้นมา
"ไม่ชอบก็ไม่ชอบสิ"
เสียงเล็กพึมพำในลำคอ ความใกล้ชิดและกลิ่นกายที่หอมเย็นของเขาทำให้เธอประคองสติไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก
"หึ ในสายตาของเธอคงมีแต่ไอ้คาร์โลวสินะ" ฟลินท์บอกกับเธอ นัยน์ตาคมเข้มวูบไหวด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเป็นเปลี่ยนเป็นความแข็งกร้าวฉายแววผ่านดวงตาคู่สวย
"ก็เชอร์เบลรักพี่คาร์โลวนี่คะ รักมากด้วย"
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าสบตากับเขา คาร์โลวคือรักแรกของเธอมาตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน การที่เธอโพล่งออกไปแบบนั้นก็เพื่อหวังที่จะไม่ให้ฟลินท์คิดเกินไปไกลเหมือนเมื่อสิบปีก่อน โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้หัวใจดวงน้อยเริ่มสั่นไหวเมื่อได้ใกล้ชิดกับฟลินท์
ครืดดด ครืดดดด
"โธ่เว้ย! ไอ้เวรนี่แม่งก็โทรอยู่ได้ น่ารำคานชิบหาย"
ฟลินท์ตะคอกขึ้นมาด้วยเสียงดัง เมื่อเสียงสั่นของโทรศัพท์ดังขึ้นราวกับจงใจยั่วยุโทสะของเขา
"ปล่อยเชอร์เบลไปเถอะค่ะ เดี๋ยวเชอร์เบลจะหาเงินมาใช้หนี้พี่ฟลินท์แทนคุณพ่อเอง" เธอลองพยายามที่จะใช้ไม้อ่อนกับเขาดูอีกครั้งแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล
"เธอคิดว่าฉันใจดีขนาดนั้นเลยเหรอ คิดว่าฉันเป็นไอ้ฟลินท์หน้าโง่คนเดิมยังงั้นสิ" เสียงทุ้มเข้มแสดงออกถึงความไม่พอใจที่เริ่มประทุผ่านอารมณ์
"ก็ในเมื่อพี่ไม่ชอบหน้าฉัน แล้วพี่จะให้ฉันมาอยู่ใกล้พี่ทำไมกัน" เธอเองก็เริ่มจะไม่พอใจเช่นกันที่เขาทำแบบนี้ เชอร์เบลยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมกับเชิดใบหน้าขึ้นเพื่อเป็นการบอกเขาว่าเธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน
"ฉันไม่ชอบหน้าเธอก็จริง แต่การที่ได้เห็นใบหน้าเชิดหยิ่งของเธอดูทุกข์ใจ ฉันยิ่งชอบว่ะ ฮ่า"
"พี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอพี่ฟลินท์ ถูกฉันหักอกถึงกับสติไม่ดีเลยหรือยังไง"
ใบหน้าที่เขาชิงชังเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเชอร์เบลอีกครั้ง เมื่อเธอกำลังแสดงความโกรธผ่านทางดวงตา ความยโสของเธอพร้อมกับปากพล่อย ๆ ก็เริ่มทำงานราวกับรู้หน้าที่
"เออ ฉันเป็นบ้าไปแล้ว พอใจเธอยัง งั้นมาคุยเรื่องจริงจังกันจะดีกว่า อันดับแรกตามสัญญาเธอจะไปไหนไม่ได้ จนกว่าพ่อเธอจะหาเงินมาจ่ายฉันครบตามจำนวน"
ฟลินท์หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาข้างเธอ ก่อนจะเริ่มบอกให้ยัยนี่หายโง่ ไม่มีที่อยู่แล้วยังเสือกหยิ่งดีแค่ไหนแล้วที่เขาอ้าแขนรับเธอเอาไว้ แม้จะแฝงด้วยความแค้นอกแค้นใจก็เถอะ
"แต่นั่นมันไม่เกี่ยวกับเชอร์เบลนี่คะ เป็นสัญญาระหว่างคุณพ่อกับพี่ต่างหาก" แล้วยัยคุณหนูตัวดีก็สะบัดหน้าใส่เขาด้วยอารมณ์เน้น ๆ
"อ่านซะเผื่อจะทำให้เธอหายโง่ หรือต้องให้ฉันบอกว่าพ่อเธอขายเธอให้ฉันแล้ว เงินห้าพันล้านฉันถามจริง ๆ เธอคิดว่าพ่อของเธอจะหาเงินได้ยังงั้นเหรอ"
ปึก
"โอ๊ย เจ็บนะ!" ฟลินท์โยนกระดาษปึกหนึ่งกระแทกหน้าเธอจนเจ็บ
"เจ็บสิดี เผื่อจะได้ฉลาดขึ้นมาบ้าง"