บทที่ 3 โทรมาได้จังหวะ (1/2)
“คุยกับมันต่อเดี๋ยวนี้” ฟลินท์พูดให้เชอร์เบลอ่านปากของเขา
“ก็ได้ค่ะ” เชอร์เบลตอนนี้ทำหน้าราวกับจะร้องไห้ บอกเลยว่าเธออายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ยิ่งฟลินท์กลั้นขำอยู่ข้าง ๆ เธอทำให้เธออยากจะฝังหน้ากับคอนโทรลให้รู้แล้วรู้รอด
“เดือนหน้าพี่กลับไทย ได้ข่าวว่าเซนท์โทเปสคอนแวนต์จัดงานรวมรุ่นนี่นา เราไปกันเถอะเผื่อพี่จะได้เห็นไอ้ฟลินท์ยังไงมันก็เป็นนักเรียนเรียนดีอันดับหนึ่งแม้มันจะออกกลางคัน พี่ว่ามันก็น่าจะไปอยู่นะ”
จะว่าไปปากหมา ๆ ของไอ้คาร์โลวก็เหมาะกับเชอร์เบลอยู่นะเนี่ย แล้วมันก็เลือกพูดได้ถูกเวลาจริง ๆ
“ช่างเขาเถอะค่ะ เชอร์เบลไม่อยากไป” เธออยากจะกัดลิ้นตัวเองเสียจริง ๆ
“ไม่ได้สิคะ พี่อยากเห็นหน้าโง่ ๆ ของมัน หมาวัดอย่างมันหรือจะมาเด็ดดอกฟ้าของพี่”
ฟลินท์ที่นั่งฟังเงียบ ๆ เขาว่าจะไม่ตอบโต้แต่ก็อดไม่ได้เสียจริง ๆ ตอนนี้เลือดร้อนมันขึ้นหน้าเขาจนไม่อยากอยู่เงียบ ๆ ซะเล้ว
“พะ…พี่” เชอร์เบลกำลังจะเอ่ยห้ามแต่ดูเหมือนว่าไม่ทันแล้ว เมื่อฟลินท์ดึงโทรศัพท์จากมือของเธอ ก่อนจะตอบโต้ปลายสายด้วยเสียงของเขาเอง
“งั้นคืนนี้ กูจะเด็ดดอกฟ้าของมึงให้ดูไอ้คาร์โลว อ่อ แล้วกูจะรอวันที่มึงกลับมาหอนเสียใจที่มัวแต่เฝ้าดอกฟ้าไม่ยอมเด็ดเสียทีก็แล้วกันนะไอ้เวร!” ฟลินท์ตวาดใส่ปลายสายด้วยความโมโห
“ไอ้ฟลินท์! เชอร์เบล เชอร์เบล เบบี๋ไปอยู่กับมันได้ยังไงตอบพี่สิ” คาร์โลวเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตกใจไม่น้อย แม้แต่เชอร์เบลเองก็ตกใจเช่นเดียวกันที่ฟลินท์ตอบโต้หนักแบบนี้
“เอาไว้กูเด็ดดอกฟ้าของมึงเสร็จก่อนก็แล้วกันนะ เดี๋ยวกูมาตอบให้เอง แค่นี้นะเสียเวลากูชิบ!”
ตี้ดดดดด
เขากดวางสายทันที ก่อนจะหันมาสบตากับเชอร์เบล
“ไอ้เวรนี่ มันน่าคบกว่าฉันตรงไหน ตอบฉันหน่อยสิ ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะตาต่ำแบบนี้”
โอ๊ย
ฟลินท์รวบแขนเล็กของเธอด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะกระชากเอวคอดให้เข้ามาใกล้ชิดกับเขาก่อนจะสาดคำถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็ตอนนั้นพี่มันจน เชอร์เบลไม่อยากโดนล้อ แล้วพี่ก็ไม่ได้มีอะไรดีนอกจากสมองจริง ๆ อะ”
เธอตอบออกไปตามความจริง ก็ในเมื่อตอนนั้นในสายตาของเธอฟลินท์ดูไม่มีอะไรจริง ๆ บ้านก็จนไม่ได้รวยและไม่คู่ควรกับเธอ หากเธอคบกับเขาเธอก็จะโดนล้อไปตลอดว่าตาต่ำ แล้วเธอก็รู้สึกผิดจริง ๆ ที่เมื่อสิบปีก่อนด้วยความที่เธอยังเด็กเลยใช้ถ้อยคำที่รุนแรงเกินไป และเธอก็เสียใจไม่น้อยที่คำพูดของเธอเคยทำร้ายเขาจนต้องลาออกจากโรงเรียนไป
“คำพูดที่เธอเคยบอกฉัน ฉันจำมันได้ไม่เคยลืม”
“เชอร์เบลขอโทษพี่ได้ไหม ตอนนั้นเชอร์เบลยังเด็กเลยพูดออกไปแบบไม่คิด” เธอขอโทษเขาในเรื่องนี้ด้วยความจริงใจ เธอเองก็รู้สึกผิดมาตลอดเช่นเดียวกัน
“ฉันไม่รับคำขอโทษ แล้วเธอก็อย่ามาอ้างว่าตอนนั้นเธอยังเด็กแต่นั่นมันเป็นสันดานจอมหยิ่งของเธอมากกว่าเชอร์เบล”
“แล้วพี่จะให้เชอร์เบลทำยังไง ในเมื่อฉันขอโทษพี่ก็ไม่รับ” น้ำสีขาวใสเริ่มเอ่อล้นดวงตาเฉี่ยวของเธอจนไหลเป็นสาย
“เธอจะต้องเสียใจกับทุกสิ่ง การที่เธอไม่มีความสุขนั่นเป็นความสุขของฉัน”
ครืดดดดด ครืดดดด
คาร์โลวยังคงโทรหาเธออย่างต่อเนื่อง
“พี่ฟลินท์ เชอร์เบลเจ็บ” เขากดแรงบีบที่ข้อมือของเธอจนใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
“มานี่”
กรี้ดดดด
ฟลินท์พาเธอออกจากรถสปอร์ตของเขา ก่อนจะพาเธอไปยังด้านในของคอนโดหรู ลิฟต์พาพวกเขาขึ้นไปยังชั้นบนสุดด้วยความรวดเร็ว
และเพียงแค่สแกนนิ้วเขาก็แบกร่างของเธอเข้ามาด้านในห้องได้อย่างรวดเร็วทันใจ
อั๊ก
เขาเหวี่ยงร่างของเธอลงบนโซฟาโดยที่ไม่ได้มีการเบามือถนอมเธอแต่อย่างใด โชคดีที่โซฟาของเขาไม่ได้แข็งมากนักไม่เช่นนั้นก้นของเธอคงหักไปแล้วอย่างแน่นอน
"เจ็บนะ!"
"เรื่องของเธอ บอกฉันทำไม"
"ก็พี่ทำฉันเจ็บ"
"อย่ามาสำออย หรือโซฟาที่นี่มันราคาถูกเกินไป ก้นงาม ๆ ของคุณหนูอย่างเธอรับสัมผัสของมันไม่ได้" ฟลินท์นั่งลงบนโซฟาตรงกันข้าม เขาไม่ได้ชายตาแลเธอเลยสักนิด
"สิบปีเองนะ ไม่คิดว่าพี่จะป่าเถื่อนได้แบบนี้" เชอร์เบลบอกกับเขา และเธอเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าเขาจะเปลีายนไปได้มากขนาดนี้
"ฉันเถื่อนได้มากกว่านี้อีกนะ อยากลองดูไหม"
กรี้ดดดด