บทที่ 1 อดีตที่จำไม่ลืม (1/2)
สิบปีก่อน……
เซนท์โทเปสคอนแวนต์ โรงเรียนมัธยมสำหรับลูกหลานคนมีอันจะกินล้วนแล้วแต่เป็นคุณหนู คุณชายตระกูลผู้รากมากดีที่ส่งบุตรหลานเข้าศึกษา หลายต่อหลายคนเป็นเช่นนั้น แต่สำหรับเขา ฟลินท์ ชรัณ บริรักษ์สกุล เป็นเพียงเด็กหนุ่มหัวดีที่ได้รับทุนการศึกษาจนได้เข้ามาอยู่ในรั้วเดียวกับพวกคนรวยเพียงเท่านั้น
การเป็นเด็กเรียนดี หัวกะทิอันดับหนึ่งวัยมัธยมปลายของโรงเรียนในวงล้อมสังคมไฮโซไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเขาเลยสักนิด จนเขาได้เจอกับเชอร์เบล คุณหนูไฮโซ เธอเป็นรุ่นน้องของเขาเพียงสองปีเท่านั้นความน่ารักสไตล์ลูกครึ่งผมบลอนด์กลับทำให้เนื้อหนุ่มในกายของของเต้นเร่าขึ้นมาด้วยความประหม่า
“อังเดร กูชอบเชอร์เบล กูจะบอกชอบเธอ”
อังเดร เพื่อนคนเดียวที่เขามี อังเดรเป็นลูกคนรวยที่ไม่ชอบความวุ่นวายและไม่ชอบคบค้าสมาคมกับคนรวยด้วยกันเอง อังเดรจึงชอบขลุกอยู่กับเขาจนเกิดความสนิทสนมก่อเกิดมิตรภาพอันแน่นแฟ้น
“ไหวเหรอวะไอ้ฟลินท์ กูว่าน้องเขาดูหยิ่ง ๆ นะ”
อังเดรตอบตรงประเด็นจนเขาเกิดความไขว้เขวขึ้นมาไม่น้อยแต่จะให้ทำยังไงได้ ก็ในเมื่อก้อนเนื้อภายในอกด้านซ้ายมันเอาแต่ร่ำร้อง
พร่ำบอกความรู้สึกที่อยู่ในใจขึ้นมาจนทุกอย่างชัดเจน จำต้องบอกให้เธอได้รับรู้ความรู้สึกที่เขานั้นมีให้กับเธอ ไม่เช่นนั้นหัวใจของเขาคงจะระเบิดแน่ ๆ
“ไม่ลองจะไปรู้ได้ยังไง จริงไหม กูก็เด็กเรียนดีคนหนึ่งน่าจะพอมีข้อดีอยู่มั้ง” ด้วยความที่อยู่ในวัยคึกคะนองเขาจึงทะนงตัวไปตามประสา
“เออแล้วแต่มึง กูสนับสนุนมึงอยู่แล้ว อีกสองวันก็วันวาเลนไทน์พอดี มึงก็ลองบอกชอบน้องเขาดู” อังเดรเป็นเพื่อนดีและมักจะให้การสนับสนุนเขาอยู่เสมอ
“แต่กูยังไม่มีของให้เธอเลย…” ฟลินท์บอกกับเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงหม่น
“มึงก็ไปซื้อสิวะ! ดอกไม้สักช่อหรือไม่ก็ช็อกโกแลตสักกล่อง”
อังเดรได้แต่มึนงง ในเมื่อไม่มีของก็ต้องไปซื้อไม่เห็นจะคิดยากตรงไหน ทำไมคนฉลาดแบบมันถึงคิดไม่ได้
“กูก็อยากซื้ออยู่หรอกแต่กู…ไม่มีเงิน!”
ข้อด้อยเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็คงจะเป็นเรื่องเงินเพียงเท่านั้น ครอบครัวของเขาคือครอบครัวคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำและมีเพียงแม่ที่เป็นคนหาเงิน พ่อของเขาเสียไปตั้งแต่ยังเด็กและไม่มีมรดกจะให้ นอกจากหนี้สินที่ทิ้งไว้ให้กับแม่ แม้เขาจะรับจ้างช่วยแม่บ้างในเวลาที่ว่างทั้งเขาและแม่ก็ยังห่างไกลจากคำว่าสุขสบายอยู่ดี
“เออ เดี๋ยวกูจัดการให้”
หลังจากเลิกเรียนก่อนวันวาเลนไทน์ อังเดรก็พาเขาไปยังห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ครอบครัวของมันเป็นเจ้าของ เพียงแค่ชี้นิ้วสั่งพนักงานก็แทบจะประเคนสิ่งของที่ลูกของเจ้านายต้องการให้แล้ว สิ่งที่อังเดรหาให้เขามีทั้งช่อดอกกุหลาบสีแดงสดช่อโตและช็อกโกแลตสุดหรู เรียกได้ว่าครบสูตรสำหรับการบอกรักสาว ที่เหลือก็คงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง
“ขอบใจมึงมากนะเว้ย อังเดร ถ้าอนาคตกูได้ดีกูจะไม่ลืมมึงเลย” ฟลินท์กอดคอเพื่อนรักด้วยความขอบคุณจากใจ
“เออ กูขอให้มึงสมหวัง กูเป็นกำลังใจให้มึงเสมอไอ้เพื่อนรัก”
แล้ววันที่เขารอคอยก็มาถึงสักที 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก วันนี้เขาตื่นเช้าเป็นพิเศษรีบอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะมายืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจก จนลัดดาคนเป็นแม่ได้แต่รู้สึกแปลกใจกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของเจ้าลูกชายตัวดีไม่น้อย
“แต่งตัวหล่อ จะไปบอกรักสาวที่ไหนเหรอลูกแม่” ลัดดาเอ่ยแซวลูกชายหัวแก้วหัวแหวน จนเจ้าตัวหันมาทำตาโตแก้มแดงด้วยความเขินอาย
“แม่! แม่ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ฟลินท์รีบเดินไปกอดแม่ทันที
“โธ่ ลูกรัก แม่ก็เคยเป็นสาวมาก่อนนะลูก แม่จะไม่รู้ได้ยังไง ฮ่า” ลัดดาหัวเราะลั่นด้วยความอารมณ์ดีเมื่อเห็นเจ้าลูกชายมีความสุขจนล้นออกหน้า
“แม่! ผมอาย”
“ชอบเขาด้วยใจของลูกจริง ๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลยลูกแม่ รีบไปโรงเรียนเถอะเดี๋ยวจะสายเอานะ”
“ครับแม่ รักแม่นะครับ” ลัดดาลูบศีรษะลูกชายด้วยความเอ็นดู แม้ว่าฟลินท์กำลังจะไปบอกรักสาว แต่เขาก็ไม่เคยที่จะไม่บอกรักคนเป็นแม่ก่อนเสมอ
เขาหยิบช่อดอกไม้และช็อกโกแลตด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะรีบมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนเพื่อเริ่มปฏิบัติภารกิจ