บทนำ (2/2)
"แล้วเชอร์เบลจะให้พ่อทำยังไง หรือลูกจะให้พ่อไปในคุกแทน?”
กีรติแหงนใบหน้ามองลูกสาวด้วยความรู้สึกสงสาร แต่จะให้เขาทำยังไงก็ในเมื่อเขาไม่อยากเข้าไปนอนในคุกสับปะรังเคนี่นา
"แต่คุณพ่อก็ไม่ควรหลอกให้เชอร์เบลมาขัดดอกแบบนี้! คุณพ่อโดนผีพนันเข้าสิงจนลืมไปแล้วเหรอคะ ว่าเชอร์เบลเป็นลูกอะ"
"ก็พ่อไม่มีเงิน พ่อมีแค่เชอร์เบลที่มีค่า"
"คุณพ่อ!"
"อย่างอแงสิเชอร์เบล หรือลูกอยากไปอยู่ข้างถนนกับพ่อ" มือหนาอวบอิ่มถูกยกขึ้นลูบไล้เส้นผมสีบลอนด์ของลูกสาวอย่างปลอบประโลม
"แบบนั้นคงจะดีเสียกว่า...." เชอร์เบลตวาดกลับด้วยความหัวเสีย
"แต่พ่อไม่อยากอยู่ข้างถนน แล้วพ่อก็ทำสัญญากับคุณฟลินท์ไปแล้วด้วย"
"กรี้ดดดด เชอร์เบลเกลียดคุณพ่อ" สภาพของเธอในตอนนี้เหมือนคนบ้าไม่มีผิด
ดูเหมือนว่ากีรติหรือพ่อของเธอจะไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนเท่าไหร่นัก นั่นทำให้เชอร์เบลทรุดเข่าลงนั่งกับพื้นด้วยความอ่อนแรง ก่อนจะยกสองมือขึ้นมาปกปิดใบหน้าและร้องไห้ออกมาเหมือนกับคนเสียสติ
เชอร์เบล ประกอบกิจไพศาล ลูกสาวคนเดียวของกีรติ ประกอบกิจไพศาล เศรษฐีวัยกลางคนที่ร่ำรวยมหาศาลมีทรัพย์สินนับหมื่นล้านแต่นั่นคงเป็นเพียงอดีต ในเมื่อตอนนี้แม้แต่คฤหาสน์ก็ไม่มีให้อยู่
ชีวิตเธอที่ผ่านมาคือคุณหนูที่ใคร ๆ ต่างก็พากันอิจฉา แต่หลังจากที่ไอรีนคุณแม่ของเธอหย่าร้างกับคุณพ่อก่อนจะหนีไปพร้อมกับสามีใหม่ คุณพ่อของเธอก็เปลี่ยนไป
จากคนที่ขยันทำการทำงาน เริ่มไม่กลับบ้านและมักจะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ใช้จ่ายเงินทองแบบไม่ลืมหูลืมตา แถมติดพนันจนสิ้นเนื้อประดาตัวไร้หนทางหาเงินมาจ่ายเจ้าหนี้ จนต้องหลอกล่อให้เธอมาเป็นคนขัดดอกราวกับว่าเธอไม่ใช่ลูก แต่เป็นเพียงของมีราคาที่ต่อชีวิตให้สุขสบายแทนการนอนในคุกตาราง ‘น่าภูมิใจจริง ๆ’ (ประชด)
ร่างเล็กบอบบางไหวไหล่ขึ้นลงตามจังหวะการสะอื้นไห้ด้วยความเสียใจ ใบหน้าหวานซ่อนเปรี้ยวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา มาสคาร่าสีดำสนิทเลอะขอบดวงตา จนดำคล้ำปกปิดดวงตาสุดเฉี่ยวไปเสียสนิทคราบแป้งและลิปสติกถูกมือเรียวปาดทิ้งจนเละเทะ ราวกับกำลังละเลงหน้าขนมเบื้องเล่นอยู่อย่างนั้น
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอรีบมุ่งหน้ามายังคาสิโนความร้อนรนทันทีที่ได้รับสายโทรศัพท์ของพ่อบังเกิดเกล้า ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่า
คนเป็นพ่อจะถูกทำร้าย แต่ใครจะคิดเล่าว่าคนที่กำลังจะต้องเผชิญเรื่องร้าย กลับเป็นเธอเสียเอง.....
"คุณฟลินท์ มาพอดีเลย นี่เชอร์เบลลูกสาวผมเอง"
เชอร์เบลที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น เพ่งสายตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำใสมองปลายเท้าคนที่บิดากำลังสนทนาด้วย ก่อนจะปรายตาขึ้นไปตามความสูงชะลูด จนได้พบกับใบหน้าคมคายหล่อเหลา แต่ทว่าสายตา...กลับทำให้เธอจดจำเขาได้ในทันที เช่นเดียวกับเขาที่พ่นลมหายใจออกมาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
"พะ…พี่ฟลินท์..." เสียงของเธอแทบจะเลือนหายลงไปในลำคอเมื่อคนตรงหน้าคือคนที่เธอไม่ได้เจอมานานนับสิบปี
"เชอร์เบล ลูกรู้จักคุณฟลินท์ด้วยเหรอ ดีเลยสิแบบนี้ งั้นผมไปก่อนนะฝากคุณดูแลลูกสาวผมด้วย เอาไว้หาเงินได้ครบผมจะกลับมา"
"ครับ" ฟลินท์ตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"คุณพ่อ!!"
"อยู่กับพี่เขาทำตัวดี ๆ นะ พ่อไปล่ะ"
แล้วคุณพ่อของเธอก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เธอต้องเผชิญความกลัวเมื่อสบตากับนัยน์ตาสีดำสนิท ดุดัน ที่ทำเอาเส้นขนพาลุกเกรียวด้วยความขยาด
"พี่ฟลินท์..."
เธอพยายามฝืนเรียกชื่อของเขาด้วยความแผ่วเบา แต่ประโยคที่ได้รับกลับมาทำเอาเธออยากจะมุดดินหนีโชคชะตาที่เธอรู้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี ว่าเธอหวนกลับมาเจอพญามัจจุราชที่พร้อมกระชากวิญญาณของเธอเข้าให้แล้ว
"หึ เสนอหน้ามาถึงที่ อย่ามาโทษว่าฉันร้ายก็แล้วกัน!"
กราบนูนขบแน่นเต็มด้วยความเคียดแค้น มีเพียงถ้อยคำที่เล็ดลอดออกมาอย่างเยือกเย็น
ชีวิตเธอยังโชคร้ายไม่พอใช่ไหม ถูกพ่อใช้ขัดดอกไม่พอ ยังต้องมาพบเจอกับคนที่เธอเคยหักอกเขาอย่างร้ายกาจเมื่อสิบปีก่อน.... ‘สะเดาะห์เคราะห์ตอนนี้คงไม่น่าทัน เชอร์เบลเอ๋ย’