บท
ตั้งค่า

4. ฮูหยินอุ่นเตียง 18+

“ท่านป้า ท่านต้องจัดการให้ข้านะ พี่เสิ่นอวี้ทำเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ข้าอุตส่าห์มาหาถึงนี่ ชาวเมืองต่างก็รู้ว่าเราเป็นคู่หมายกัน ไยถึงทำกับข้าเช่นนี้”

เสียงตัดพ้อยังคงดังอย่างต่อเนื่องมิทิ้งช่วงเลยแม้เพียงนิด ทำเอาฮูหยินจางถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทางลำบาก เพราะมิคิดว่าเรื่องนี้จะทำให้ตนได้เห็นกิริยาของคุณหนูตระกูลสูงส่ง ซึ่งมีเชื้อสายราชวงค์เก่าก่อนปะปน

“หึ! จัดการเองเถอะนะฮูหยิน เรื่องนี้น้องเป็นผู้ริเริ่ม คงต้องหาทางแก้เองเสียแล้วล่ะ รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าเหตุใดเสิ่นอวี้จึงมิปราถนาจะได้นางมาร่วมสกุล”

ราชครูจางเอ่ยโดยมิไว้หน้าผู้ที่นั่งส่งเสียงตัดพ้อมิหยุดหย่อน แม้บ่าวรับใช้คนสนิทจะสะกิดนางเพียงใด แต่ม่านชิงก็มิมีทีท่าจะหยุดเอ่ยวาจาตำหนิคนจวนนี้เลย

“อะไรกันท่านป้า ไยท่านลุงถึงเอ่ยเช่นนี้ หรือมิเกรงกลัวอำนาจของท่านพ่อข้าหรืออย่างไร’

ฮูหยินจางสะอึกไปอีกคราเมื่อได้ยินคำขู่ของอีกฝ่าย นางมิได้กลัวสิ่งที่ม่านชิงเอ่ย เพียงแต่มิคิดว่าสตรีที่เรียบร้อยดังผ้าพับไว้ จะกลายเป็นคนเช่นนี้ได้ หรือทุกอย่างมันเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น มีเพียงตนที่มิรู้

“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ให้ป้าคุยกับพี่เสิ่นอวี้เจ้าอีกที ได้ความว่าอย่างไรจะส่งข่าวไปบอกเจ้าที่เรือน”

“หึ! บุตรชายท่านทำถึงเพียงนี้ คิดหรือว่าข้าจะยอม หากมิยอมแต่งกับข้าดีๆ ก็รอราชโองการก็แล้วกัน”

ม่านชิงยังมิวายเอ่ยถ้อยคำข่มขู่อีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นยืนสะบัดใบหน้างามเดินออกจากจวนไป ด้วยความขุ่นเคืองที่มีมากจนอยากเผาที่นี่ให้วอดเป็นจุล

“ฮูหยินนี่คือตัวตนคุณหนูม่านชิงหรือเจ้าคะ”

แม่นมหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นด้วยความตื่นตระหนก เพราะมิคิดว่าอีกฝ่ายจะโมโหร้ายถึงเพียงนี้ ทำให้ฮูหยิน จางพลอยหน้าถอดสีไปด้วย เรื่องทั้งหมดมันเกิดมาจากตนที่ให้ความหวังนางไว้มาก แต่ก็มิคิดว่าสตรีที่เพรียบพร้อมจะมีเบื้องหลังเช่นนี้

“เป็นเพราะข้าเอง เห็นแล้วข้าอดคิดมิได้เลยว่า หากนางแต่งเข้ามาจะเป็นเช่นไร ม่านชิงอาจจะมิร้ายอย่างที่คิดก็ได้ หรือไม่ก็คงวางอำนาจจนจวนมิใช่จวน”

“นั่นสิเจ้าคะ แต่ข้าน้อยว่าคงเป็นอย่างหลังเป็นแน่ ดูท่าผู้ใดก็มิอาจขัดใจได้ ที่นางยอมเชื่อฟังฮูหยินก่อนนี้คงเพราะรอให้ถึงเวลาเข้ามาเป็นฮูหยินน้อยที่นี่เสียก่อนกระมังเจ้าคะ แต่พอรู้ว่ามิสมหวังจึงเป็นเช่นนี้”

ร่างของสตรีวัยห้าสิบขยับกายนั่งลง พร้อมกับการพัดวี่ของบ่าวคนสนิท เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น การกระทำของบุตรชายมิว่าจะจริงหรือเท็จ มันก็ทำให้ตนได้เห็นถึงสิ่งที่เกือบจะตัดสินใจพลาด

“เจ้าไปสืบให้ข้าที นายน้อยอยู่กับจิวซูหรือไม่”

“ฮูหยินสงสัยว่านายน้อยกับจิวซูมิได้เป็นอันใดกันใช่หรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยก็คิดเช่นนั้น เพราะนายน้อยมิเคยใส่ใจสตรีใดเลยตั้งแต่โตเป็นหนุ่ม”

“เอาเถอะ เจ้าไปสืบมาให้ข้า หากเสิ่นอวี้คิดจะโกหกเรื่องนี้ ข้าก็จะทำให้เป็นเรื่องจริงเสีย”

“มะ หมายความว่าฮูหยินจะให้นายน้อยแต่งกับจิวซูหรือเจ้าคะ แต่เรามิรู้ว่านางเป็นใคร”

“ยามนี้ข้ามิรู้ว่าจิวซูหรือม่านชิงใครจะร้ายกว่ากัน แต่ถ้าให้เลือก ข้าก็จะเอาคนที่บุตรชายข้าเอ่ยปากเอง”

จางมินลี่เอ่ยเพียงเท่านั้น แม่นมหลินก็เข้าใจความหมาย จึงเดินออกไปทำตามที่ผู้เป็นนายสั่ง ทิ้งให้ฮูหยินจางนั่งคิดถึงกิริยาของม่านชิงเงียบๆ อย่างผิดหวัง

“รู้วันนี้ก็ดีกว่าปล่อยให้เจ้าเข้ามาร่วมสกุลแล้ว แม่หวังว่าเจ้าจะเลือกถูกนะเสิ่นอวี้”

ภายในห้องนอนใหญ่ของบุตรชายคนโตสกุลจาง ยามนี้เขากำลังคร่อมร่างเล็กของผู้ที่ถูกอุ้มมาอยู่ เขานึกสนุกเมื่อได้เห็นสีหน้าตื่นกลัวของอีกฝ่าย

“ไยเจ้าถึงจ้องข้าเช่นนี้”

“ก็นายน้อยกำลังจะทำสิ่งใดกันล่ะ ในนี้มิมีผู้ใดต้องแสดงให้ดูเสียหน่อยไยถึงมิปล่อยข้าเสีย”

จิวซูผู้มีปากเป็นอาวุธ นางมิเคยยอมให้ผู้ใดนอกจากฮูหยินจางและราชครู แม้จะอยู่ที่นี่สิบวันแล้ว ก็มิเคยมีผู้ใดกล้าตอแยเช่นวันแรก เพราะใครว่าสิ่งใดมานางก็ตอกกลับไปทุกครั้ง จึงกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเหล่าบ่าวรับใช้สาวๆ ซึ่งอิจฉานางที่ได้มาอยู่ที่นี่

“เจ้าเป็นภรรยาข้าจะปล่อยได้เช่นไร”

“นายน้อยอย่ามั่วนะเจ้าคะ คนเช่นข้าจำสิ่งใดมิได้ก็จริง แต่เชื่อว่าข้ามิใช่ภรรยาท่านเป็นแน่”

“หากมิใช่ไยเจ้ามิผลักไสข้าล่ะ”

“ก็” จิวซูมิอาจเอ่ยสิ่งใดต่อ เพราะมิรู้จะหาเหตุผลใดมาลบล้างได้ ไยนางจึงมิปฎิเสธหรือผลักเขาออก

“หึ! เห็นหรือไม่เจ้าเองก็หาคำตอบมิได้”

เสิ่นอวี้ได้ทีก็วางแผนตะล่อมอีกฝ่ายเพื่อเก็บไว้กันม่านชิงตามแผนที่วางไว้แต่แรก หากแต่ยามที่เขาเข้าใกล้สตรีผู้นี้ กลับมิคิดจะถอยห่าง คงเป็นเพราะตลอดการทำงานในช่วงเดือนหลัง เขาวุ่นวายจนมิได้ปลดปล่อยก็เป็นได้ แผนร้ายจึงผุดขึ้นมาอีกครั้ง

“นั้นเพราะร่างกายเจ้าจำสามีเช่นข้าได้อย่างไรล่ะ อย่ากลัวเลยเราทำเรื่องนี้กันมาตั้งหลายคราแล้ว ในหัวเจ้าอาจจำมิได้ แต่ร่างกายนี้จดจำข้าได้มิลืมหรอก”

เสิ่นอวี้เอ่ยถ้อยคำอ่อนโยนกวาดต้อนให้อีกฝ่ายหลงเชื่อ ราวกับกำลังกล่อมเด็กเสียอย่างนั้น ทำเอาคนด้อยประสบการณ์หลงเชื่อแต่โดยดี จึงเปิดโอกาสให้ริมฝีปากหนาประกบลงมาบดเบียดชิมความหวานละมุนอีก

เสียงครางอื้ออึงดังขึ้นในลำคอ พร้อมกับมือใหญ่ที่อยู่ไม่สุข เสิ่นอวี้ใช้มันบีบเค้นบนเนินเขาซึ่งถูกซ่อนไว้ใต้อาภรณ์สีชมพูอ่อน ทำให้คนใต้ร่างเกิดอาการตื่นตระหนก แต่ก็เพียงครู่เดียวเพราะลิ้นอุ่นถูกสอดแทรกเข้าเกาะเกี่ยวจนนางเพลิดเพลินและลืมตรงส่วนนั้นไป

จึงเป็นโอกาสเหมาะให้คนช่ำชองบทรักปลดเปลื้องพันธนาการของคนตัวเล็กออกจนหมดอย่างง่ายดาย มิต่างจากตัวเขาในยามนี้ บนเตียงกว้างจึงมีเพียงร่างเปลือยเปล่าเบียดเสียดเข้าหากันเท่านั้น

“เจ้าสวยเหลือเกินจิวซู” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเมื่อผละออกจากริมฝีปากอิ่ม ซึ่งยามนี้มันบวมเจ่อน่ามอง

“ขะ ข้าเป็นภรรยาท่านจริงหรือเจ้าคะ”

จิวซูเอ่ยถามเสียงสั่น ยามนี้นางทั้งอายและตื่นกลัว ทำให้เสิ่นอวี้อดที่จะเอ็นดูในความโง่เขลาของอีกฝ่ายมิได้

“เจ้าเป็นภรรยาข้าจิวซู”

เขาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก็บดจูบสอดลิ้นเข้าไปควานหาน้ำหวานในโพรงปากนางอีกครั้ง คำพูดที่กล่าวหาได้เป็นจริงไม่ แต่ยามนี้ความกำหนัดเมื่อได้เห็นเรือนร่างเย้ายวน มีหรือที่เขาจะอดใจไว้ได้ ต้องเอ่ยสิ่งใดให้อีกฝ่ายคล้อยตาม เขายินดีทำมันทั้งหมด

อย่างไรเสียนางก็มิได้เสียเปรียบกระไรอยู่แล้ว มีสิทธิ์จะได้เป็นฮูหยินของเขาในวันหน้าเป็นแน่ แต่คงเป็นได้แค่ฮูหยินอุ่นเตียงสำหรับเขาเท่านั้น เพราะมิมีทางที่เสิ่นอวี้จะมอบใจให้สตรีผู้ใดอีก

นั่นคือสิ่งที่ดังก้องอยู่ในหัว ซึ่งต่างจากที่เอ่ยกับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก เขายังคงเล้าโลมสตรีตัวน้อยเพื่อให้นางเชื่อในสิ่งที่บอก จนดูเหมือนมันจะเป็นเช่นนั้นจริง ก่อนจะหันมารูดชักมังกรให้พร้อมรบแล้วจ่อลงที่ปากถ้ำ ซึ่งเขามิได้สังเกตมันแม้แต่น้อย ว่ากลีบดอกไม้งามยังคงปิดสนิท แม้จะมีน้ำรักออกมาเพราะความเสียวซ่านแปลกใหม่ก็ตาม

สิ่งที่เสิ่นอวี้คิดกับสตรีตรงหน้าก็คือนางเป็นหญิงเร่ร่อน และคงเป็นไปมิได้ที่จะมิเคยถูกบุรุษกระทำเช่นนี้ แม้บางครานางจะดูไร้เดียงสามิเป็นงาน แต่เขาก็เชื่อว่าความคิดตนนั้นถูกต้องเป็นที่สุด

ท่อนลำใหญ่ถูกกดลงไปยังร่องถ้ำของคนใต้ร่างด้วยความยากลำบาก มันแน่นและยังตอดรัดส่วนหัวจนรู้สึกทรมาน เสิ่นอวี้ขบกรามระบายความรู้สึกในยามนี้ที่ตีกันมั่วไปหมด เขามองจ้องหน้าคนตัวเล็กซึ่งมันมีหยดน้ำใสไหลรินลงมาที่ขอบตา

“เจ็บเจ้าค่ะนายน้อย อื้อ! จิวซูเจ็บเอาออกไปเถอะ”

“ชู่ว! เดี๋ยวก็หายนะภรรยาข้า เป็นเพราะเรามิได้ทำเรื่องเช่นนี้นานแล้ว เลยเหมือนกับคราแรกของเรา อ๊า! ผ่อนคลายนะเชื่อพี่ เดี๋ยวจะดีเอง”

เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยปลอบอีกฝ่ายจนนางหายเกร็งลงบ้าง พร้อมกับริมฝีปากหนาที่แนบลงบดจูบอีกครั้ง

ก่อนที่เขาจะตัดสินใจกดลงไปในคราเดียว เมื่อเห็นว่าเสียงประท้วงเงียบหายไปแล้ว แต่มันก็ดังกลับมาอีก พร้อมกับแรงดันที่อกแกร่ง หมายจะให้ท่อนลำนี้หลุดออกพ้นตัว

“อย่าดื้อจิวซู จากนี้เจ้าจะมีความสุข เชื่อพี่นะคนดี อ๊า! แน่นเหลือเกิน อย่าตอดสิพี่ปวดไปหมดแล้ว”

เสียงปลอบปนตำหนิถูกเอ่ยออกมาด้วยความกระเส่า จนคนใต้ร่างอดที่จะใจเต้นรัวมิได้ ยามนี้จิวซูซึ่งไร้เดียงสากับเรื่องพวกนี้ ก็เชื่อคำพูดอีกฝ่ายอย่างสนิทใจ วัยของนางเพียงแค่สิบหกปีเท่านั้น จึงมิเข้าใจเล่ห์เหลี่ยมของคนมากประสบการณ์

เมื่อเห็นคนน้องคล้อยตามเสิ่นอวี้ก็เริ่มขยับสะโพกเข้าออก พร้อมกับดูดดึงเม็ดทับทิมตรงหน้าไปด้วย เพราะเนินเขาขาวเนียนประดับด้วยเม็ดสีแดงสดมันช่างล่อตาเขาเสียเหลือเกิน ใต้เท้าหนุ่มนึกกระหยิ่มดีใจที่ตนได้เป็นคนแรกของสตรีงดงามผู้นี้

โดยที่มิรู้แม้แต่น้อยว่านางเป็นใครมาจากไหน อีกทั้งอายุอานามก็มิทราบ เพราะอีกฝ่ายดูโตไปเสียทุกสัดส่วนจนมันเต็มไม้เต็มมือเขาไปหมด

ยามขยับท่อนลำเข้าออกส่วนนั้นก็ดูดรั้งเอาไว้ทุกครา จนเขาต้องส่งเสียงครางออกมาตลอด ซึ่งเสิ่นอวี้มิเคยรู้สึกดีเช่นนี้มาก่อน เขาซอยเอวสอบใส่ร่องถี่ขึ้น จนคนใต้ร่างอดที่จะส่งเสียงท้วงออกมามิได้

“นายน้อย อ่ะ! เบาๆ สิเจ้าคะ อื้อ! ข้าน้อย”

“เป็นกระไรหรือฮูหยิน เจ้ารู้สึกเช่นไร”

จิวซูมิได้เอ่ยสิ่งใดตอบกลับมา เพราะยามนี้นางรู้สึกร้อนรุ่มในช่องรัก การเสียดสีของท่อนลำใหญ่มันทำให้นัยน์ตาสวยหยาดเยิ้มจนมองภาพตรงหน้ามิชัด ยิ้มร้ายจึงผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อของคนโตกว่า ยามนี้คนตัวเล็กตกลงในห้วงเสน่หาที่เขามอบให้แล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายหลังจากนี้หากเขาจะควบคุมให้นางอยู่ในโอวาท

“เจ้างามเหลือเกินเมียรักของพี่”

เสียงทุ้มอ่อนโยนยังคงดังไปพร้อมกับสะโพกหนาที่ขยับเข้าออก สองแขนแกร่งรั้งขาเรียวขึ้นพาดบ่า เพื่อจะได้ขยับเอาท่อนลำเข้าออกได้ง่ายกว่าเดิม เขาอยากมองใบหน้าและร่างกายที่มันขึ้นสีเรื่อตามจุดต่างๆ ซึ่งเขาเป็นคนทำมันขึ้นมาเอง

“อ่ะ นายน้อยจิวซู อื้อ! อย่าเร็วเจ้าค่ะฉี่ข้าจะแตก”

เสิ่นอวี้ยกยิ้มก่อนจะซอยสะโพกหนักหน่วงลงในร่องถ้ำ ซึ่งมันปะปนกับเลือดสาวบริสุทธิ์ มันช่างเป็นภาพที่น่ามองและถูกใจใต้เท้าหนุ่มยิ่งนัก สีหน้าและท่าทางของสตรีตัวน้อยทำให้ท่อนลำนี้มิอาจอดกลั้นได้อีกต่อไป เฉกเช่นเดียวกันกับคนน้องที่ร่างนั้นเกร็งกระตุกจนตัวงอ ปลดปล่อยสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นฉี่ออกมา

“อื้อ! อ๊าย! นายน้อยข้าฉี่แตก อ๊า! ท่านอย่าเอาผิดข้านะ ก็ท่านมิยอมปล่อยให้ข้าไปปลดเบาเอง”

“อ๊า! ซี๊ด! เด็กโง่มันมิใช่ฉี่ แต่เป็นความสุขต่างหาก แล้วข้าก็จะทำให้เจ้าพบกับมันตลอดทั้งคืนจิวซู”

เสิ่นอวี้เอ่ยบอก ก่อนจะเริ่มขยับเอวสอบอีกครั้ง ซึ่งเป็นคราแรกที่เขากินซ้ำเช่นนี้ เพราะแค่ครั้งเดียวใต้เท้าหนุ่มก็หยุดแล้ว หากจะต่อก็ต้องเป็นสตรีคนใหม่เท่านั้น

แต่คนใต้ร่างนางคือฮูหยินอุ่นเตียงของเขา จะทำสักกี่ครั้งก็ได้นั่นคือสิ่งที่เขาคิดในยามนี้ ค่ำคืนแปลกใหม่ของทั้งคู่จึงยาวนานจนดึกดื่น ใต้เท้าหนุ่มจึงยอมผละออกจากร่างเล็กซึ่งยามนี้นางหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยเพลีย เพราะบทรักที่คนโตกว่าสอนในคืนแรกนี้นับรวมมีถึงสี่รอบ

“ข้าคิดมิผิดจริงๆ ที่พาเจ้ากลับมาด้วย จากนี้ก็ทำหน้าที่ให้ดีล่ะฮูหยินน้อย”

นัยน์ตาคมจ้องมองสตรีตัวน้อย ก่อนจะดึงผ้าขึ้นห่มให้นาง เขายังมิลืมกำชับให้คนสนิทหายามาเตรียมไว้สำหรับวันพรุ่ง เพราะมิต้องการให้นางตั้งครรภ์กับเขา 

# ใต้เท้าจับน้องกินครั้งแรกก็เอาซะน้องสลบคาอกเลย ใจร้ายที่สุด 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel