บทที่ 7
ย้อนเหตุการณ์ณ์กลับไปในชาติก่อน หลิวหย่งได้พาประมุขลี่ที่บาดเจ็บสาหัสหลบหนีมาที่จวนตระกูลหลิว หลังจากที่ลี่กวงเสียชีวิต เขาก็ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ในฐานะหัวหน้าพ่อครัว
เวลาผ่านไปสิบปี ในคืนที่เหล่าสมาชิกร้านยาสมุนไพรอี้ชุนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ลู่จิงเจ๋อส่งคนไปสอดแนมจนสืบรู้ความจริงนี้ เขาจึงมั่นใจว่าตำรายาที่เปรียบเสมือนป้ายคำสั่งของประมุข จะต้องถูกเก็บเอาไว้ที่จวนตระกูลหลิวอย่างแน่นอน
เหตุการณ์เป็นไปตามที่ลู่จิงเจ๋อคาดคะเน เมื่อเขาส่งลูกน้องมือดีลอบเข้าไปค้นหาตำรายาจนพบ จากนั้นจึงตั้งตัวเป็นประมุขโดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านเพราะมีตำรายาที่เปรียบเสมือนป้ายคำสั่งอยู่ในกำมือ
ระหว่างนั้นด้วยความช่วยเหลือของจ้าวเหว่ยจือ ที่ปลอมตัวโดยใช้ฐานะภายใต้ชื่อไต้ซือจือโต๋ และเสนาบดีอี้หย่งจิน ทั้งคู่แอบให้การช่วยเหลือลู่จิงเจ๋ออย่างลับ ๆ เพื่อสร้างฐานอำนาจและช่วยลับลอบนำคนต่างจากแคว้นเหลียงให้เข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง รอคอยเวลาและปูทางให้แก่อ๋องกบฏแห่งลั่วหยางในอนาคต
จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายปี ลี่จิงเจ๋อสามารถฟื้นฟูร้านยาสมุนไพรอี้ชุน ให้กลับขึ้นสู่ทำเนียบนักฆ่าอันดับหนึ่งของยุทธภพได้เป็นผลสำเร็จ
ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่พวกเขาได้วางแผนเอาไว้ เมื่อหลิวต้าผิงบุตรชายของตระกูลหลิวที่เพิ่งเข้ารับราชการในกรมอาญา ค้นพบหลักฐานความผิดของเสนาบดีอี้หย่งจิน ทั้งเรื่องยักยอกเสบียงทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ และมีการติดต่อกับอ๋องกบฏแห่งลั่วหยาง
หลิวต้าผิงไม่เพียงแต่เก็บหลักฐานไว้ในมือ แต่ยังดำเนินการสืบสวนอย่างรอบคอบและเก็บเรื่องทุกอย่างเอาไว้เป็นความลับ เขารู้ดีว่าการเปิดโปงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอี้หย่งจินเป็นผู้มีอำนาจและอิทธิพลในราชสำนักอย่างมาก การจะเอาผิดคนระดับนี้ อาจนำมาซึ่งอันตรายแก่ตัวเขาและครอบครัว
แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะรักษาความยุติธรรม หลิวต้าผิงจึงตัดสินใจที่จะนำเรื่องนี้กราบทูลต่อฮ่องเต้ เขารู้ว่าการกระทำเช่นนี้ ย่อมก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก และอาจเกิดความวุ่นวายและการต่อต้านจากฝ่ายที่สนับสนุนอี้หย่งจิน
เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องราวและได้รับหลักฐานที่ชัดเจน พระองค์ทรงกริ้วเป็นอย่างมากและสั่งให้มีการสืบสวนเพิ่มเติมโดยละเอียด ผลการสืบสวนพบว่าอี้หย่งจินได้กระทำความผิดจริงตามที่หลิวต้าผิงนำความขึ้นกราบทูล ซึ่งนำไปสู่การจับกุมและลงโทษเสนาบดีผู้ทรยศต่อบ้านเมือง
ข่าวเรื่องของอี้หย่งจินสมคบคิดกับอ๋องกบฏแห่งลั่วหยางแพร่กระจายไปทั่ว ทำให้อ๋องลั่วโกรธแค้นเป็นอย่างมากที่ต้องสูญเสียกำลังสำคัญเปรียบเสมือน ‘แขนซ้าย’ ของตน
อ๋องลั่วรีบส่งคำสั่งลับไปยังลู่จิงเจ๋อกับจ้าวเหว่ยจือที่อยู่เมืองหลวง ให้พวกเขาหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว เพื่อไม่ให้หลิวต้าผิงสามารถสืบหาหลักฐานที่อาจเชื่อมโยงมาถึงตนและแคว้นเหลียงที่อยู่เบื้องหลัง รวมถึงแผนการใหญ่ที่วางแผนเอาไว้มาเนิ่นนาน
นอกจากนี้ยังสั่งให้ทั้งคู่เตรียมแผนสำรอง หากอี้หย่งจินอาจถูกทรมานจนยอมเปิดเผยข้อมูลสำคัญ แต่สุดท้ายแล้วเขาไม่มีโอกาสได้พูดอะไรออกมาและถูกประหารในที่สุด
“คราวนี้ถึงตาที่ท่านพี่ต้องบอกเรื่องที่ปิดบังข้าเอาไว้เช่นเดียวกัน” หลิวต้าผิงจ้องมองหลิวฟ่านซี เฉินห่าว อู๋ทง และเว่ยซู เรียงตามลำดับ ด้วยสายตาคาดคั้น
เขาสงสัยว่าหลิวฟ่านซีอาจจะรู้เรื่องร้านยาสมุนไพรอี้ชุนไม่มากก็น้อย เพราะดูจากท่าทางตกใจของนางกับสุนัขทั้งสาม ยามที่ได้ยินเขาพูดถึงชื่อนั่นเห็นทีจะต้องมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
“ไหน ๆ พวกเราก็ร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากจะปิดบังเจ้าเช่นกัน ข้าเชื่อว่าหากมีคนฉลาดอย่างเจ้าคอยช่วยเป็นที่ปรึกษาย่อมต้องเข้าใจถึงสถานการณ์มากกว่า” หลิวฟ่านซีพูดออกมาตามตรง นางตัดสินใจจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลิวต้าผิงฟัง อย่างน้อยเขาจะได้ช่วยกันวางแผนว่านางควรจะทำเช่นไรต่อไปในอนาคต
“ข้ายินดีรับฟังและเต็มใจที่จะช่วยเหลือ อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน” คำพูดของหลิวต้าผิงทำให้หลิวฟ่านซีรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวยกมือขึ้นเกาศีรษะเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางเฉินห่าวชั่วครู่ ใบหน้าฟู่ฟ่องจึงพยักหน้าบอกให้นางเล่าความจริงออกไป
“ถ้าข้าบอกว่าในเวลานี้ข้าคือประมุขขององค์กรนักฆ่าของร้านยาสมุนไพรอี้ชุน และมีตำรายาที่เปรียบได้ดั่งป้ายคำสั่งอยู่ในกำมือ เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
หลิวต้าผิงได้ยินก็ถึงกับอ้าปากค้าง ร่างของเด็กน้อยยืนนิ่งงัน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ว่าอะไรนะ...นี่ท่านพูดเรื่องจริงหรือ?!”
เขาจ้องมองหลิวฟ่านซีอย่างพิจารณา พยายามหาร่องรอยของการหยอกล้อหรือการโกหก แต่สีหน้าจริงจังของพี่สาวทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่อย่างใด
หลิวฟ่านซีพยักหน้าช้า ๆ "สิ่งที่ข้าพูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด"
หลิวต้าผิงหลับตาลงชั่วครู่ พยายามรวบรวมสติ ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมานวดขมับเล็กน้อย “รีบเล่ามาว่าเหตุใดท่านถึงกลายเป็นประมุขขององค์การนักฆ่า และมีตำราเล่มนั้นอยู่ในมือได้”
“นางก็ขโมยมาน่ะสิ...” เฉินห่าวพูดโพล่งขึ้น นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่หลิวฟ่านซีคิดจะขโมยของจากห้องบิดา แต่ดันเลือกมาได้ถูกเล่มจริง ๆ!
“ขโมยมา?” ใบหน้าของเด็กน้อยดูยุ่งเหยิงจริง ๆ แล้ว
“เอาเป็นว่าข้าได้มันมาจากห้องของท่านพ่อด้วยความบังเอิญ มันถูกวางเอาไว้อยู่บนชั้นวางหนังสือทั่วไปที่ไม่มีใครสนใจ ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าการที่หยิบตำราสุ่ม ๆ มา จะดันไปหยิบเอาปัญหาติดมือมาเสียได้”
จากนั้นหลิวฟ่านซีก็เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้น้องชายฟัง ตั้งแต่เรื่องที่นางเข้าไปหยิบตำรายาสมุนไพรในห้องของหลิวหยวน ทั้งเรื่องที่ติดตามหลิวหย่งพ่อครัวไปงานนัดชุมนุมสมาชิกองค์กรนักฆ่า เรื่องของประมุขลี่กวงที่ถูกลี่จิงเจ๋อสังหารโหด รวมถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่ทำให้นางกลายเป็นประมุขขององค์กรนักฆ่าด้วยความบังเอิญ
หลังจากที่หลิวต้าผิงได้ฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ เขาได้แต่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้าเช่นไรออกมาดี
ร่างเล็กยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววครุ่นคิด ก่อนจะถอนหายใจยาวและเอ่ยขึ้น "ท่านพี่...นี่มันเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่ข้าคาดคิดเอาไว้มาก" พูดจบเขาก็เดินไปมาในห้องอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะหยุดและหันมามองหลิวฟ่านซีด้วยสายตาจริงจัง
