บทที่ 6
“นี่เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ? เจ้าหมายความว่าในชาติก่อนพี่สาวของเจ้า เอ๊ย...ตัวข้าได้แต่งงานกับไป๋เสียนเว่ย ไม่ได้ถูกแย่งชิงงานแต่งเหมือนกับชาตินี้?” หลิวฟ่านซีครุ่นคิดตามด้วยความประหลาดใจ นางเริ่มประติดประต่อเรื่องราวได้บางส่วน แม้ข้อมูลยังมั่วซั่วปนกันอยู่ก็ตามที
หลิวต้าผิงพยักหน้า ไม่ได้สนใจในคำพูดผิดของอีกฝ่าย ในเมื่อเขารู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าแท้จริงนางไม่ใช่ ก็คงต้องร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกัน แต่ในเมื่อเวลานี้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เขาจึงตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง
“เวลานั้นอี้ฮวาอี๋ได้แต่งงานกับบุตรชายของตู้กั๋วกง เพียงแต่คุณชายตู้เป็นคนกล้าหาญ เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องฮ่องเต้จากพวกมือสังหารในงานล่าสัตว์ของราชวงศ์ ทำให้นางต้องกลายเป็นหม้าย แต่เพราะตู้เสิ่นหลิงทำความดีความชอบ อีกทั้งอี้ฮวาอี๋ที่แต่งงานเข้าสกุลตู้ไปแล้วถือว่าเป็นคนนอก นางจึงไม่ต้องรับโทษกับสิ่งที่บิดาก่อขึ้น”
“เพราะอย่างนี้เจ้าถึงได้รู้ว่าในงานล่าสัตว์ของราชวงศ์ จะมีมือสังหารลอบเข้ามาปลงพระชนม์ฮ่องเต้สินะ เจ้าเลยกำชับไม่ให้ข้าเข้าไปในป่า เพราะอาจจะเกิดเรื่องได้”
“ใช่ เพียงแต่พี่สาวของข้าในชาติก่อน ล้มป่วยจนลุกไม่ขึ้น จึงไม่สามารถไปร่วมงานล่าสัตว์ได้ ข้าเลยไม่แน่ใจเกรงว่าเหตุการณ์จะมีการเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม ดังนั้นการป้องกันเอาไว้ย่อมดีกว่า”
หลิวฟ่านซีนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “บางทีอาจไม่ใช่มีแค่เจ้าที่ได้รับโอกาสให้ย้อนเวลากลับมากระมัง”
“ไม่ได้มีแค่ข้าที่ได้รับโอกาสงั้นหรือ?” เด็กน้อยทวนคำด้วยความสงสัย
“ข้าสงสัยว่าอี้ฮวาอี๋เองก็ได้รับโอกาสให้ย้อนเวลากลับคืนมาเช่นเดียวกัน ที่งานล่าสัตว์ของราชวงศ์ นางจงใจใช้สถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นบังหน้า แล้วส่งนักฆ่ามาจัดการข้า”
คำพูดของหลิวฟ่านซีทำให้ทั้งหมดหันหน้ามาจ้องนางเป็นสายตาเดียวกัน เรื่องที่เกิดขึ้นหากไม่ใช่คนที่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะมีมือสังหารลอบปะปนเข้ามาหมายจะลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ อี้ฮวาอี๋จะใช้โอกาสนี้สวมรอยส่งนักฆ่ามาทำร้ายนางได้เช่นไร
“ท่านพี่หมายความว่าอี้ฮวาอี๋เองก็ย้อนเวลากลับมาเหมือนกับข้าอย่างนั้นหรือ?” ใบหน้าที่ปกติสุขุมมาโดยตลอด ในยามนี้ดูไม่สู้ดีนัก หากเป็นดังที่นางพูดมาจริง ๆ เห็นทีเรื่องที่เขาคิดจะกลับมาจัดการแก้ไข อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว
“โอ๊ย! มันจะย้อนเวลาอะไรกลับมากันเยอะแยะแบบนี้...ไม่ใช่ว่าไอ้ระบบนั้นเกิดขัดข้องหรอกใช่ไหม มันถึงได้มั่วซั่วกันไปหมด!” เฉินห่าวพูดโพล่งออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“ระบบงั้นหรือ? มันคืออะไรกัน?” หลิวต้าผิงทำหน้าฉงน เพราะไม่เคยเจอกับระบบเหมือนกับทั้งสามคน
“ช่างเถอะ ๆ หากอธิบายเรื่องนี้คงจะยาว” หญิงสาวโบกมือตัดบท เพื่อพูดเข้าเรื่องสำคัญ “เอาเป็นว่า อี้ฮวาอี๋เองก็น่าจะตั้งใจเปลี่ยนแปลงอดีต เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายเมื่อไหร่” คนมีทักษะเรื่องการสืบสวนเริ่มเชื่อมโยงเรื่องทุกอย่างเข้าหากัน
“ถ้าข้าจำไม่ผิด นางป่วยตายหลังจากที่ตระกูลอี้ทั้งตระกูลถูกประหาร ในเวลานั้นฮ่องเต้หย่งเฉวียน ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ทรงมีรับสั่งให้ประหารบุรุษทุกคนในตระกูลอี้ ทางด้านพระสนมอี้ที่เคยได้รับการโปรดปรานจากฮ่องเต้องค์ก่อน ก็ถูกสั่งให้ไปอยู่ที่ตำหนักเย็น ส่วนบรรดาสตรีในตระกูลถ้าหน้าตาดีหน่อยก็จะถูกส่งไปขายที่หอนางโลม บางคนทนไม่ได้กับความทุกข์ทรมานและความอัปยศที่ต้องเผชิญ ก็เลือกที่จะจบชีวิตลงด้วยตนเองเพื่อหลีกหนีจากความเจ็บปวดและความอับอาย”
“นี่กระมังที่เป็นเหตุผลว่าทำไมอี้ฮวาอี๋ถึงได้จงเกลียดจงชังข้านัก ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยคิดสงสัยว่า ในชาติก่อนข้าอาจจะเคยไปฆ่าล้างตระกูลนางเอาไว้ มาชาตินี้นางถึงได้ตามจองล้างจองผลาญ...นึกไม่ถึงเลยว่านี่จะเป็นเรื่องจริง” หลิวฟ่านซีพูดในสิ่งที่ตนวิเคราะห์ออกมา
ในตอนแรกนางเองก็นึกสงสัย หากเป็นค่แการไม่ชอบหน้ากันของแม่นางน้อยธรรมดาทั่วไป มีหรือจะกล้าทำเรื่องที่ต่ำช้าเลวทรามอย่างที่คนปกติไม่กล้าลงมือ
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านพี่” หลิวต้าผิงส่ายหน้า “ความผิดทุกอย่างล้วนแต่เป็นเพราะข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านเลยสักนิด อีกอย่างตระกูลอี้เองก็คิดคดทรยศต่อบ้านเมือง หากจะถูกลงโทษก็สมควรแก่ความผิดแล้ว”
“ในเมื่อเจ้ากับข้าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน จะบอกว่าไม่เกี่ยวก็ไม่ได้ ว่าแต่เพราะเหตุใดครอบครัวของเราถึงต้องถูกประหารทั้งตระกูลด้วยเล่า?”
หลิวฟ่านซีไม่เข้าใจ นางเห็นผู้เป็นบิดาในแต่ละวันไม่เคยคิดจะสุงสิงกับผู้ใด ตำแหน่งก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ส่วนตำแหน่งโหวที่ได้มานั้นก็เป็นแค่ตำแหน่งลอย ๆ ซ้ำเขายังไม่ใช่คนมักใหญ่ใฝ่สูง ดังนั้นการจะไปขัดแข้งขัดขาใคร จนถึงขั้นมีเรื่องถูกตัดสินประหารย่อมไม่น่าเกิดขึ้นได้
“เป็นเพราะหลังจากที่ข้าจัดการกับตระกูลอี้เรียบร้อยแล้ว ข้ากลับปล่อยให้พวกปลาซิงปลาสร้อยหลุดรอดตาข่ายไปได้ ทำให้สุดท้ายคนพวกนั้นก็หาทางย้อนกลับมาแก้แค้น” นัยน์ตาของหลิวต้าผิงทอประกายแข็งกร้าวขึ้นมา ยามหวนคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตที่ครอบครัวถูกประหารทั้งตระกูลด้วยความเจ็บช้ำและแค้นเคือง
ความรู้สึกนี้ได้ถูกเก็บซ่อนเอาไว้มาเนิ่นนาน จนกระทั่งถึงจุดที่เขาตัดสินใจยอมเปิดเผยเรื่องราวที่เก็บซ่อนเอาไว้ภายในใจให้ทุกคนได้รับรู้ เพื่อจะช่วยกันหาทางรับมือเรื่องไม่คาดฝันในอนาคต
“เจ้าก็เลยคิดวางแผนจะก่อกบฏสินะ!” เฉินห่าวพูดโพล่งออกมา แต่หลิวต้าผิงรีบตอบกลับมาทันที
“ไม่ใช่!”
“ว่าแต่เรื่องนี้อี้ฮวาอี๋รู้หรือไม่ว่าครอบครัวของเราก็ถูกประหารเช่นกัน” หลิวฟ่านซีเอาตัวมาบังหน้าเฉินห่าวเอาไว้ ไม่ให้เขาพูดจายั่วโมโหน้องชาย
“นางป่วยตายก่อนที่จะได้รู้เรื่องนี้ ส่วนข้าหลังจากที่ตายไปแล้ว ก็ย้อนกลับมาเข้าร่างตัวเองในตอนที่อายุสี่ขวบ” หลิวต้าผิงพูดด้วยความคับแค้นใจ
“แต่การที่เจ้ามีความสามารถจัดการกับตระกูลอี้ได้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องมีความสามารถเป็นอย่างมาก หากมีใครคิดจะกำจัดเจ้าย่อมต้องไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วเหตุใดถึงเกิดเรื่องขึ้นกับครอบครัวของพวกเราได้ล่ะ” หลิวฟ่านซีมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นอะไรที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง ไม่อย่างนั้นมีหรือที่คนฉลาดอย่างหลิวต้าผิงจะถูกต้อนให้จนมุม
หลิวต้าผิงถอนหายใจลึก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “คนพวกนั้นยัดเยียดข้อหาหัวหน้ากบฏให้ข้า บอกว่าแท้จริงแล้วข้าต่างหากที่เป็นคนวางแผนให้อ๋องกบฏผู้นั้น!”
“หัวหน้ากบฏเนี่ยนะ?!”
ทุกคนต่างก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ความเงียบงันที่แผ่ขยายทำให้บรรยากาศหนักอึ้ง หลิวฟ่านซีมองเห็นแววความทุกข์ในดวงตาของน้องชายว่าความเจ็บปวดจากการถูกใส่ร้าย ทำให้เขาทรมานใจมากเพียงใด
เฉินห่าวได้แต่หรี่ตามองทุกคนเล็กน้อย...อยากจะบอกออกไปว่าเห็นไหมล่ะว่าเป็นอย่างที่เขาพูดไม่ผิด แต่คิดไปคิดมานี่ไม่ใช่เวลามาพูดเล่น เลยได้แต่สงบปากสงบคำเอาไว้ก่อน
จากนั้นเขาก็เล่าต่อไป “หลังจากที่ตระกูลอี้ถูกข้าจัดการ สิบปีต่อมาข้าก็ถูกใส่ร้ายว่าเป็นประมุขขององค์กรนักฆ่าที่มีฉากหน้าคือร้านยาสมุนไพรอี้ชุน แต่เบื้องหลังคนพวกนี้กลับร่วมมือกับคนของแคว้นเหลียง คอยบ่อนทำลายแคว้นเยี่ยนจากภายใน”
“หา!” คราวนี้ทั้งหมดส่งเสียงอุทานออกมาพร้อมกัน ยามได้ยินชื่อองค์กรนักฆ่าที่เขาพูดถึง
“จะ...เจ้าพูดว่าร้านยาสมุนไพรอี้ชุนอย่างนั้นหรือ?” หลิวฟ่านซีถึงกับกลืนน้ำลายฝืดคอ หันมองไปทางเฉินห่าว เว่ยซู และอู๋ทงเพื่อขอความคิดเห็นในเรื่องนี้
“ใช่ ร้านยาสมุนไพรอี้ชุนในเวลานี้ ถึงแม้จะถูกปิดตายเนื่องจากเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างประมุขคนเก่ากับน้องชายที่แย่งชิงอำนาจกัน แต่หลังจากมีผู้สืบทอดคนใหม่มาสานต่อ พวกเขาก็จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง และร่วมมือกับแคว้นเหลียงก่อความวุ่นวาย”
“ซื่อจื่อน้อยพอจะทราบหรือไม่ว่าในเวลานั้น...ใครกันที่เป็นผู้สืบทอดคนใหม่?” เว่ยซูตั้งคำถามพร้อมกับวิเคราะห์เหตุการณ์เป็นลำดับขั้นตอน เพื่อเปรียบเทียบเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างสองช่วงเวลา
“คนผู้นั้นมีนามว่าลี่จิงเจ๋อ หลังจากที่เขาวางแผนร้ายสังหารพี่ชายที่เป็นประมุขคนเก่า ก็ขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดองค์กรนักฆ่าอันดับหนึ่งแทนพี่ชาย”
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลิวต้าผิงกล่าว ทั้งสามก็หันมองหน้ากันด้วยความตกใจอีกครั้ง ดูเหมือนเรื่องราวที่ทุกคนได้ประสบมาแตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง แต่ใช่ว่าในอนาคตอาจไม่มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ไม่แน่ว่าตำราร้านยาสมุนไพรอี้ชุนที่อยู่ในมือของหลิวฟ่านซีในเวลานี้ ต่อไปอาจตกไปอยู่ในมือของลี่จิงเจ๋อก็เป็นได้ ใครจะไปรู้...
“แล้วคนพวกนั้นเอาหลักฐานอะไรมากล่าวหาว่าท่านเป็นหัวหน้ากบฏ?” อู๋ทงที่นั่งฟังเงียบ ๆ อยู่นานตัดสินใจถามขึ้นมา
“พวกนั้นค้นเจอตำรายาที่เปรียบดั่งป้ายคำสั่งของประมุของค์กรนักฆ่า ถูกฝังเอาไว้อยู่ที่ต้นสนใหญ่ทางด้านหลังเรือนของท่านพ่อ คนพวกนั้นคงวางแผนเอามาซ่อนไว้เพื่อใช้ใส่ร้ายข้า”
เฉินห่าวขมวดคิ้วด้วยความกังวล "แล้วพวกเขาไม่สงสัยเลยหรือว่าหลักฐานนั้นอาจถูกปลอมแปลงขึ้นมา?"
"ย่อมต้องมีการตรวจสอบ...ตำรายาเล่มนั้นเป็นของจริง และนั่นคือสิ่งที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งซับซ้อน เพราะมันไม่ใช่แค่การใส่ร้ายธรรมดา ๆ แต่เป็นแผนการที่วางเอาไว้อย่างแยบยล”
มือน้อย ๆ ของเขากำแน่นเป็นกำปั้น ใบหน้ามีสีแดงระเรื่อจากความโกรธแค้นที่ไม่สามารถระบายออกมาได้
