บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

ก่อนจะถึงวันมงคลของหานซิงเยว่และหลิวฟ่านซี หลิวต้าผิงเห็นว่าสบโอกาสที่มารดาจะเดินทางไปจัดการธุระที่เมืองจินชาง ซึ่งเป็นบ้านเก่าตระกูลเซี่ยของผู้เป็นมารดา งานนี้เขาจำเป็นต้องขอยืมตัวอู๋ทงเพื่อช่วยขุดอุโมงค์ลับ สำหรับใช้เตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

วันนี้เขาจึงตัดสินใจเอ่ยปากถึงเรื่องที่จะพาอู๋ทงและเว่ยซูไปที่เมืองจินชางด้วย แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยงานนี้เลยให้หลิวฟ่านซีอ้างกับหานซิงเยว่ว่าต้องการให้ต้าฮุยและต้าเฮย ได้มาอยู่ที่จวนตระกูลหลิวสักพัก เพื่อจะได้ปรับตัวเข้ากับเสี่ยวเป่าที่จะตามหลิวฟ่านซีไปอยู่ที่จวนหย่งจิ้งโหวหลังจากแต่งงาน

ทั้งหมดมารวมตัวเพื่อหารือกันอยู่ที่ห้องของหญิงสาวเพื่อพูดคุยกัน พอเห็นว่าสบโอกาส เลยหาทางสอบถามหลิวต้าผิงถึงเรื่องที่ยังสงสัยอยู่ภายในใจ

“ตกลงเจ้าจะยอมบอกข้าได้หรือยังว่าคิดจะทำอะไรกันแน่” หลิวฟ่านซีเอ่ยถามน้องชาย โดยมีบรรดาลูกน้องทั้งสามช่วยกันล้อมตัวหลิวต้าผิงเอาไว้

ก่อนหน้านี้เรื่องงานล่าสัตว์ของราชวงศ์ยังไม่ทันกระจ่าง ก็มีเรื่องขุดอุโมงค์ให้ตั้งข้อสงสัยเพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งไม่ว่าดูอีท่าไหนก็ล้วนชวนให้คิดไปในแง่ดีไม่ได้ทั้งสิ้น

หลิวฟ่านซีไม่ใช่คนโง่ แม้จะรู้ดีว่าคนอย่างหลิวต้าผิงหากคิดจะลงมือทำอะไรย่อมต้องมีเหตุผล ถ้าเดาไม่ผิดเกรงว่าในอนาคตอาจมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับตระกูลหลิวก็เป็นได้ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้เขาจะต้องมีคำตอบให้กับทุกคน

“ถึงแม้ซื่อจื่อน้อยจะเป็นคนฉลาด แต่การมีหลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวไม่ใช่หรือ อีกอย่างพวกเราก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น หากมีเรื่องอะไรก็บอกให้ทุกคนได้รู้จะได้ช่วยเหลือกัน” เว่ยซูเอ่ยโน้มน้าว

“อย่างน้อย ๆ ก็ควรบอกเหตุผลให้ได้เข้าใจ ทุกคนก็พร้อมจะทำตามอย่างแน่นอน” อู๋ทงช่วยพูดอีกแรง

หลิวต้าผิงนิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สีหน้าและแววตาของเขาดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ความจริงแล้วเรื่องที่เขาวางแผนจะทำนั้นไม่สมควรบอกให้ผู้ใดล่วงรู้ และเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายออกมา แต่หากเขาไม่บอกอะไรเลย ย่อมไม่อาจทำให้ทุกคนคลายความสงสัยในตัวเขาไปได้

“เรื่องนี้ถ้าพูดไปแล้วทุกคนอาจจะไม่เชื่อข้า...”

“แล้วก่อนหน้านี้เจ้าเคยเชื่อหรือว่ามีสุนัขพูดได้? ” เฉินห่าวโผล่หน้าออกมาจากทางด้านหลังของเว่ยซู ที่พยายามเอาตัวมาบังหน้าเฉินห่าวเอาไว้ไม่ให้พูดอะไรออกมา เพราะกลัวจะชวนอีกฝ่ายทะเลาะก่อนจะได้พูดคุยกันรู้เรื่อง

“ใช่แล้ว พวกเราทุกคนล้วนมีแต่เรื่องเหลือเชื่อ ดังนั้นเจ้าไม่ห่วงเรื่องนี้” หลิวฟ่านซีพยักหน้าเห็นด้วย นางรู้สึกถึงความลำบากใจของน้องชาย เห็นทีเรื่องที่เขาเก็บงำเอาไว้จะต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน

เด็กน้อยนิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ถ้าข้าบอกทุกคนว่า...ข้าเคยตายมาแล้วหนหนึ่งและได้รับโอกาสจากสวรรค์ ให้ย้อนเวลากลับมาแก้ไขเรื่องที่เคยทำผิดพลาดไป จะเชื่อข้าหรือไม่?”

คำพูดของหลิวต้าผิงทำให้ทุกคนหันไปมองกันหน้าเล็กน้อย คล้ายกับไม่ค่อยตกตะลึงเท่าไหร่ ก่อนจะตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย

“เชื่อสิ!”

“...” หลิวต้าผิงถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ดูเหมือนคนและสุนัขพวกนี้จะเชื่อสิ่งที่เขาพูดได้อย่างง่ายดายเสียเหลือเกิน ทั้งที่เขาคิดทบทวนหลายต่อหลายครั้ง ไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้เช่นไรให้ทั้งหมดเชื่อเรื่องนี้เช่นไรดี

“ไม่เห็นจะแปลกอะไร ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ทุกคนรู้อยู่แล้วงั้นหรือ? สรุปแล้วเจ้าก็เป็นตาเฒ่าอายุเจ็ดสิบที่เจนโลกอย่างที่ข้าเคยพูดก่อนหน้านี้จริง ๆ สินะ!” เฉินห่าวหรี่ตาและหัวเราะออกมาเบา ๆ สุดท้ายแล้วก็เป็นอย่างที่เขาคาดเดาเอาไว้จริง ๆ

ทว่าคนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นตาเฒ่ารีบโพล่งออกมาด้วยความโมโห

“ไม่ใช่! ตอนที่คนในตระกูลหลิวทั้งหมดถูกประหาร ข้าอายุเพียงแค่สามสิบเอ็ดปีเท่านั้น!”

คราวนี้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที อู๋ทงและเว่ยซูเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ส่วนหลิวฟ่านซีและเฉินห่าวถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออก

“หา! จะ...เจ้าว่าอะไรนะ!” หลิวฟ่านซีพอตั้งสติได้ก็รีบเข้าจับตัวน้องชายมาเขย่าเบา ๆ เพื่อให้เขาอธิบายให้ชัดเจน

“เจ้าบอกว่าตระกูลหลิวจะถูกประหารทั้งตระกูลอย่างนั้นหรือ?!” เฉินห่าวลุกพรวดขึ้นมาทันที ในสมองคิดถึงสาเหตุต่าง ๆ ที่น่าจะเป็นความผิดได้ ก่อนจะรีบถามกลับไป “หากไม่ใช่เพราะเจ้าคิดการใหญ่ก่อการกบฏ ก็คงเป็นบิดาของเจ้าที่แอบอู้งานจนทำให้ฮ่องเต้พิโรธ หรือไม่ก็อาจจะเป็นพี่สาวตัวดีของเจ้า ไปทำตัวขวางหูขวางตาสตรีสูงศักดิ์คนใดเข้าใช่หรือไม่?!”

ทว่าข้อสันนิษฐานของเฉินห่าวไม่ถูกเลยสักข้อ...

หลิวต้าผิงถอนหายใจยาว ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าไม่ขอปิดบังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเรา” เขาหยุดชั่วครู่ เหมือนกำลังรวบรวมความกล้า แล้วกล่าวด้วยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นเมื่อยี่สิบปีก่อน..."

จากนั้นหลิวต้าผิงก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ตั้งแต่เรื่องที่หลิวฟ่านซีได้แต่งงานกับไป๋เสียนเว่ยและมีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคน ถึงแม้พี่สาวของเขาจะมีร่างกายอ่อนแอแต่มีวาสนาดียิ่งนัก บุตรสาวของนางได้แต่งงานกับรัชทายาท ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน หลังจากที่รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์ บุตรสาวของหลิวฟ่านซีก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมารดาของแผ่นดิน

ในเวลานั้นไป๋เสียนเว่ยผู้ได้รับตำแหน่งเป็นถึงรองอำมาตย์ในราชสำนัก ส่วนตัวเขาเองก็ดำรงตำแหน่งเป็นถึงรองเสนาบดีฝ่ายขวาเป็นที่ไว้วางใจของฮ่องเต้เป็นอย่างมาก

หลิวต้าผิงไม่ได้รับสืบทอดตำแหน่งโหวจากผู้เป็นปู่ทวดที่เป็นขุนนางฝ่ายบู้ ซึ่งถูกส่งต่อมาอีกสองรุ่นในรุ่นของปู่และบิดา แต่เขากลับใช้ความสามารถในการสร้างผลงานให้แก่ตนเอง ก่อนหน้านี้เขาสร้างผลงานในการหาหลักฐานเอาผิดครอบครัวตระกูลอี้ของเสนาบดีอี้หย่งจิน ซึ่งมีอำนาจและบารมีที่เรียกว่าแทบจะสามารถใช้มือเดียวปิดแผ่นฟ้าเอาไว้ได้

หลิวต้าผิงตรวจพบเจอหลักฐานที่อี้หย่งจิน ร่วมมือกับอ๋องกบฏแห่งลั่วหยาง และยังมีการติดต่อกับสายลับของแคว้นเหลียง เรื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้ทรงพิโรธเป็นอย่างมาก จนสุดท้ายแล้วเมื่อมีการตรวจสอบอย่างละเอียด เป็นผลให้ตระกูลอี้ถูกตัดสินลงโทษให้ประหารทั้งตระกูล

“ตระกูลอี้มีเพียงอี้ฮวาอี๋และสตรีที่แต่งงานออกไปแล้วที่ไม่ต้องรับโทษ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel