บท
ตั้งค่า

บทที่ 8

“ข้าเข้าใจ แต่เรื่องนี้อาจแตกต่างไปจากชาติก่อนที่เจ้าเคยประสบมา ในเมื่อเวลานี้ลี่จิงเจ๋อไม่ได้ตำรายาไป เขาย่อมไม่ได้นั่งตำแหน่งประมุขอย่างที่วางแผนเอาไว้ อีกอย่างเรื่องที่เขาสังหารประมุขลี่ ข้าเองก็ได้บอกกับผู้เฒ่าหม๋าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในอนาคตต่อให้ป้ายคำสั่งตกไปอยู่ในมือของลี่จิงเจ๋อ เขาก็ไม่อาจควบคุมคนพวกนี้ได้อีกต่อไป”

จุดเปลี่ยนที่ทำให้สถานการณ์พลิกผัน คือตอนที่หลิวฟ่านซีและเฉินห่าวแอบติดตามหลิวหย่งไปในตอนกลางดึกนั่นเอง...

ในคืนนั้นคนขององค์กรนักฆ่า สามารถจับตัวหลิวฟ่านซีกับเฉินห่าว รวมถึงคนของลี่จิงเจ๋อที่ลอบมาสังเกตุการณ์เอาไว้ได้ เป็นเพราะหญิงสาวซ่อนตัวได้ไม่แนบเนียนเลยถูกพบ ส่วนคนของลี่จิงเจ๋อที่ซ่อนตัวเร้นกายได้อย่างมิดชิดอยู่ก่อนหน้าดันติดร่างแหไปด้วย จากการที่หม๋าเจี้ยนสั่งให้คนออกค้นหาความผิดปกติทุกซอกทุกมุม

“เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ทำให้ลี่จิงเจ๋อไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับประมุขลี่กวงและตำรายาไป เป็นผลให้เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตำรายาสมุนไพรอี้ชุนถูกเก็บซ่อนเอาไว้ที่ไหน เนื่องจากคนที่เขาส่งมาสอดแนมถูกหม๋าเจี้ยนจับได้และฆ่าปิดปากทิ้งทั้งหมด”

คำพูดของหลิวฟ่านซีทำให้หลิวต้าผิงคลายความกังวลลงไปได้พอสมควร หากแต่สิ่งที่เขารู้สึกวิตกในเวลานี้ เรื่องที่จู่ ๆ นางต้องมาพัวพันกับเรื่องที่เป็นอันตรายถึงชีวิต

"ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เราต้องคิดหาทางแก้ไข ท่านพี่ต้องระวังตัวให้มาก การเป็นประมุขขององค์กรนักฆ่าของร้านยาสมุนไพรอี้ชุนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น มีคนมากมายที่อยากได้ตำแหน่งประมุขนั่น ลี่จิงเจ๋อเองก็คงไม่อยู่เฉยแน่"

“เรื่องนี้ต้องขอบคุณข้าที่เป็นคนบอกให้เจ้าสมอ้างยอมรับตำแหน่งนั่นซะ ไม่อย่างนั้นเห็นทีเรื่องราวคงซ้ำรอยเดิมเป็นแน่” เฉินห่าวยืดอกที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยด้วยความภาคภูมิใจ

หลิวฟ่านซีพยักหน้าเล็กน้อย จะไปแล้วเรื่องนี้ก็ต้องยกความดีให้เฉินห่าวจริง ๆ นางเอื้อมมือไปตบบ่าของน้องชายเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ "เห็นทีเรื่องนี้เราคงต้องคุยกันยาวเสียแล้ว แต่ก่อนอื่นเจ้าช่วยบอกพวกเราสักทีเถอะว่าจะให้อู๋ทงขุดอุโมงค์ด้วยเหตุใด”

เรื่องนี้หลิวต้าผิงวางแผนมาตั้งแต่แรกที่เขามีโอกาสได้ย้อนเวลากลับมา เขารีบกล่าวไปตามตรง “ข้าต้องการโยกย้ายสมบัติส่วนหนึ่งไปซ่อนเอาไว้ที่นั่น หากข้าไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่ครอบครัวเราต้องถูกประหารได้ ก็ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้หาทางพาทุกคนหลบหนีไปยังที่ปลอดภัย”

“สมบัติของเด็กอายุหกขวบจะมีสักเท่าไหร่กันเชียว!” เฉินห่าวอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา พลางใช้ขาหน้าสลับกันแคะหูของตน ถึงแม้ความคิดจะดีแต่ใช่จะทำกันได้ง่าย ๆ แค่หาที่ซ่อนเอาไว้ก็น่าจะพอแล้ว ไม่ถึงขนาดต้องสร้างห้องเก็บสมบัติกระมัง

ทว่าคำตอบของคนที่ถูกมองว่าเป็นเด็กน้อย ทำเอาคนฟังถึงกับอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน

“ในเวลานี้ข้าเก็บทรัพย์สินและของมีค่าเอาไว้ได้ ก็น่าจะมีมูลค่าหนึ่งในสามของตระกูลหลิวทั้งหมดและสินเดิมของท่านแม่รวมกัน!”

“หะ...หา! นี่เจ้าหาเงินด้วยวิธีใดทำไมถึงได้มีมากถึงเพียงนั้น!” ทุกคนในห้องต่างนิ่งงันด้วยความตกตะลึง

หลิวต้าผิงกล่าวต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร "เรื่องทรัพย์สินที่ข้าหามาได้ ข้าแค่ใช้โอกาสที่ได้รู้มาก่อนว่าสินค้าใดหากซื้อเอาไว้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ก็แค่สั่งให้คนไปกว้านซื้อเพื่อกักตุน ทำให้ในเวลานี้ข้ามีทรัพย์สินเงินทองเก็บเอาไว้มากมาย"

เฉินห่าวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "แล้วเจ้าจะเก็บซ่อนทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลขนาดนั้นไว้ในห้องลับอย่างไรได้หมด? ว่าแต่เก็บเอาไว้ที่เดียวกัน มันจะไม่เสี่ยงเกินไปหรือ?"

หลิวต้าผิงยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นว่าอย่างน้อยเจ้าสุนัขหน้ากลมเป็นหมั่นโถวตรงหน้า ก็ไม่ได้ซื่อบื้อเอาแต่กินกับนอนไปวัน ๆ เสียทีเดียว

"ข้าไม่ได้เก็บทั้งหมดไว้ที่เดียวกันหรอกนะ ข้าตั้งใจจะแบ่งเก็บเอาไว้หลายที่ทั้งในและนอกเมืองหลวง บางส่วนก็ฝากไว้กับคนที่ไว้ใจได้ ทั้งยังแบ่งแลกเป็นเศษเงินเพื่อให้วะดวกต่อการนำไปใช้จ่าย แต่อุโมงค์ที่จะให้ไปช่วยขุด เป็นเพียงเส้นทางที่เชื่อมไปสู่ที่เก็บทรัพย์สินหลัก และใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนี"

หลิวฟ่านซีพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "น้อยชาย...เจ้าช่างวางแผนไว้รอบคอบนัก แต่ข้าอยากรู้ว่าหลังจากนั้น เจ้าจะพาพวกเราหนีไปที่ไหน? และจะทำอย่างไรให้ไม่ถูกทางการจับได้?"

หลิวต้าผิงถอนหายใจเบา ๆ "นั่นเป็นส่วนที่ยากที่สุดของแผนนี้ ข้าวางแผนจะพาพวกเราหนีไปทางทิศตะวันตกที่ติดกับชายแดน ที่นั่นอยู่ห่างไกลจากอำนาจของราชสำนัก ข้ามีคนที่สามารถช่วยพวกเราซ่อนตัวได้"

“ใครกัน” เว่ยซูเอ่ยถามขึ้นด้วยความสนใจ

“เจียนอู่...พ่อบ้านใหญ่ของตระกูลหลิว” เขาตอบกลับอย่างไม่ปิดบัง

จากนั้นหลิวต้าผิงก็เล่าเรื่องของเจียนอู่ให้ทุกคนฟังว่าเมื่อสองปีก่อน ตอนที่เขาเพิ่งย้อนเวลากลับมาอยู่ในร่างของตนใหม่ ๆ เขาเคยเอ่ยเตือนเจียนอู่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รุนแรงบริเวณชายแดนตะวันตก

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชาติที่แล้ว หลิวต้าผิงรู้ว่าหมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดของเจียนอู่ อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ครั้งนั้นเจียนอู่ขอลากลับบ้านหายตัวไปเป็นปี ทำให้การจัดการเรื่องภายในจวนค่อนข้างจะวุ่นวายเล็กน้อย

พอมีโอกาสได้ย้อนเวลากลับมา เขาจึงรีบเตือนเจียนอู่ถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นแต่เนิ่น ๆ แม้ว่าในตอนแรกเจียนอู่จะลังเลที่จะเชื่อคำพูดของเด็กชายวัยสี่ขวบ ทว่าด้วยท่าทางและคำพูดจานั้น ดูไม่เหมือนเด็กในวัยเดียวกัน แต่กลับมีหลักการราวกับหลิวโหวย่อส่วนก็ไม่ปาน

เจียนอู่จึงตัดสินใจส่งข่าวเตือนไปยังญาติพี่น้องและชาวบ้านในหมู่บ้านเกิดของตน เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ชาวบ้านทราบข่าวและรีบพากันอพยพออกจากหมู่บ้าน อุทกภัยครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นจริงตามคำเตือน น้ำป่าไหลหลากพัดพาบ้านเรือนและทรัพย์สินในหมู่บ้านหายไปเกือบทั้งหมด

หากไม่ได้รับคำเตือนล่วงหน้า ชีวิตของชาวบ้านคงสูญเสียไปแทบนับไม่ถ้วน

หลังจากเหตุการณ์อุทกภัยร้ายแรงผ่านพ้นไป หลิวต้าผิงไม่ได้หยุดความช่วยเหลือเพียงแค่นั้น เขายังมอบเงินทองที่เก็บหอมรอมริดเอาไว้ เพื่อช่วยเหลือเพื่อบูรณะซ่อมแซมหมู่บ้าน จัดหาเสบียงอาหาร และช่วยฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของพวกชาวบ้าน

แม้จะมีไม่มากนักเนื่องจากเขายังไม่ได้ลงมือทำการค้าอย่างจริงจัง ถึงอย่างนั้นการกระทำของหลิวต้าผิงก็สร้างความซาบซึ้งใจให้กับเจียนอู่และชาวบ้านทั้งหมด พวกเขาถือว่าหลิวต้าผิงเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ ตั้งแต่นั้นมาเจียนอู่จึงจงรักภักดีต่อหลิวต้าผิงอย่างสุดหัวใจ และพร้อมที่จะช่วยเหลือเขาทุกอย่างโดยไม่มีความลังเล

เมื่อหลิวต้าผิงเล่าถึงเหตุการณ์นี้ เขาก็กล่าวด้วยความมั่นใจว่า "เจียนอู่เป็นคนของข้า เขาและชาวบ้านในหมู่บ้านทางตะวันตกเองก็พร้อมที่จะช่วยเหลือพวกเราในยามคับขัน ที่นั่นน่าจะพอใช้เป็นที่หลบซ่อนให้พวกเราได้"

“เจ้ามีเจียนอู่คอยเป็นมือเป็นเท้าให้นี่เอง ถึงได้สามารถจัดการเรื่องทุกอย่างในจวนได้อย่างราบรื่นนัก” เว่ยซูพยักหน้าเข้าใจ ยามนึกไปถึงเรื่องต่าง ๆ อย่างตอนที่เฉินห่าวขอให้เขาช่วยทำประตูกล เพื่อปกปิดอุโมงค์ที่อู๋ทงขุดมาโผล่ที่ใต้เตียงของหลิวฟ่านซี เขาก็สามารถจัดการให้ได้อย่างรวดเร็วและไม่มีขาดตกบกพร่อง

“แล้วท่านพี่คิดจะจัดการกับเรื่องร้านยาสมุนไพรอี้ชุนเช่นไรต่อไป” หลิวต้าผิงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ในเวลานี้ข้าได้เปลี่ยนชื่อองค์กรเสียใหม่ อีกทั้งไม่มีความต้องการที่จะฟื้นฟูองค์กรนักฆ่าอย่างที่ลี่จิงเจ๋อคิดอยากจะทำ ดังนั้นเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ข้าตั้งใจจะชักนำให้คนพวกนั้นเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ข้าเป็นห่วงในเวลานี้คือเรื่องของพวกสายลับที่ลอบเข้ามาซ่อนตัวอยู่ภายในเมืองหลวงมากกว่า”

“มีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านพี่ไม่สบายใจอย่างนั้นหรือ ?” หลิวต้าผิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“เจ้าจำวันที่ข้าออกไปขี่ม้าชมทุ่งดอกไม้กับท่านแม่ทัพได้หรือไม่ วันนั้นพอกลับเข้ามาในเมือง ข้ากับท่านแม่ทัพบังเอิญผ่านไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง เขาติดป้ายเอาไว้ว่าหากผู้ใดสามารถยิงธนูได้เข้าเป้าตามกติกา ก็จะได้รับตุ๊กตารูปปั้นดินเผาหน้าตาน่ารักไป”

“แล้วอย่างไรต่อ”

“ตอนที่ได้รับตุ๊กตาดินเผาคู่ชายหญิงมาจากเจ้าของร้าน ข้าแอบเห็นว่าด้านใต้ฐานมีช่องที่สามารถใส่ของเอาไว้ ด้วยความสงสัยจึงใช้ทักษะมือเบาลองเปิดออกดู พบว่าด้านในนั้นแอบซ่อนม้วนหนังเล็ก ๆ เอาไว้”

“มันมีลักษะเป็นเช่นไร” คิ้วของหลิวต้าผิงขมวดเข้าหากันมุ่น

“ข้ามั่นใจว่ามันจะต้องเป็นของสำคัญ สังเกตเห็นจากสายตาของท่านแม่ทัพที่จ้องมองมันเขม็ง ก่อนที่เขาจะบอกให้ข้าใส่มันกลับคืนไปในช่องลับนั่น และไม่ให้แสดงท่าทางพิรุธอะไรออกมา” หลิวฟ่านซีเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง

“นั่นอาจเป็นแผนที่ทางการทหาร ข้าจำได้ว่าหลังจากนี้ไม่นานแคว้นเหลียง จะยกทัพมาประชิดชายแดนทางตอนเหนือ มีข่าวลือว่าพวกเขารู้ที่ตั้งทัพใหญ่ของแม่ทัพอู๋ต้าจง เลยลอบโจมตีเพื่อชิงเสบียง”

“ลอบโจมตีอย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นแปลว่าเรื่องนี้รองเสนาบดีอี้หย่งจินจะมีส่วนด้วยหรือไม่ เพราะข้าเห็นเขาปลอมตัวเป็นชาวบ้านและตรงไปที่หอม่านหลินด้วยความบังเอิญ”

“อี้หย่งจินเย่อมต้องเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะว่าที่สามีของท่านพี่นั้นมีแผนเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้อยู่ก่อนหน้าแล้ว” หลิวต้าผิงจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ เขายังนึกชื่นชมหานซิงเยว่ที่ย้อนรอยตลบหลังพวกแคว้นเหลียงเสียจนหน้าหงายไปตาม ๆ กัน

หลิวฟ่านซีคิดตามคำพูดของน้องชาย “หากเป็นเช่นที่เจ้าว่ามาจริง ๆ ย่อมแปลว่าในชาติก่อน ท่านแม่ทัพเองก็คงสามารถตรวจพบสิ่งผิดปกติ เรื่องที่เสนาบดีอี้หย่งจินลอบพบกับจ้าวเหว่ยซือได้อยู่ก่อนหน้าแล้วสินะ เพียงแต่ในครั้งนี้ดันมีข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”

“ใช่...ในเวลานี้สิ่งที่ข้าเป็นห่วงที่สุดก็คือความปลอดภัยของท่านพี่...ข้าคิดว่าลี่จิงเจ๋อกับคนพวกนั้นคงไม่ยอมอยู่เฉยแน่”

"แต่พวกเรามีข้อได้เปรียบตรงที่ไม่มีใครรู้ว่านางคือประมุขคนใหม่ ดังนั้นก็แค่ต้องใช้ความลับนี้ให้เป็นประโยชน์ ส่วนเรื่องความปลอดภัยของนาง เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลยังมีข้าเฉินห่าวอยู่ทั้งคน!" สุนัขหน้ากลมกล่าวด้วยท่าทางขึงขัง

หลิวต้าผิงเหล่ตามอง สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่ไว้ใจผู้พูดอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกเอาไว้ “สุนัขที่วัน ๆ เอาแต่กินกับนอนอย่างเจ้า เอาอะไรมามั่นใจในเรื่องนี้!?”

“อ้าว! ข้ามั่นใจว่าสามารถปลอมตัวเป็นนางได้อย่างแนบเนียน คราวก่อนที่ไปประชุมแทนนาง ก็ไม่เห็นมีผู้ใดจับได้ ดูนี่สิ...ตอนนี้ข้าฝึกเดินสองขาได้เป็นธรรมชาติมากกว่าแต่ก่อนด้วยนะ!” เฉินห่าวพูดพลางยกข้าหน้าขึ้น แล้วเดินด้วยสองขาหลังไปมาให้ทุกคนได้ดู

ก่อนหน้านี้ตอนที่ไปเข้าร่วมประชุม เขายังเดินสองขาไม่ค่อยคล่องแคล่วเท่าไหร่ โชคดีที่มีคนคอยประครองเอาไว้ เลยทรงตัวอยู่ได้โดยไม่เป็นที่ผิดสังเกต

“...” หลิวต้าผิงนิ่งงันสลับกับมองหน้าหลิวฟ่านซีชั่วครู่ โดยที่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

“เอาน่า อย่าลืมสิว่าข้ายังมีทั้งเจ้า ทั้งท่านแม่ทัพ ทั้งเว่ยซูและอู๋ทง รวมถึงสมาชิกในองค์การนักฆ่าอยู่อีก คงไม่มีใครสามารถทำอันตรายข้าได้ง่าย ๆ หรอก”

หลิวฟ่านซีพูดปลอบน้องชาย เพื่อให้เขาเลิกกังวัลในเรื่องนี้ แต่พอนางหันไปมองหน้าเฉินห่าว ก็ชักไม่ค่อยเชื่อมั่นสักเท่าไหร่ว่าจะวางใจอย่างที่ปลอบหลิวต้าผิงได้จริง ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel