บทที่ 4
ระหว่างที่ทั้งสามกำลังซักซ้อมการเคลื่อนที่ เพื่อให้ต้าฮุยและต้าเฮยได้เรียนรู้และทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง หลิวฟ่านซีก็หันมาถามคนสนิทของหานซิงเยว่เพื่อประเมินสถานการณ์ จะได้จัดเตรียมการทดสอบและเป็นการฝึกซ้อมไปด้วยในตัว
“จิ่งสง...ปกติแล้วถ้าคิดจะเข้าถึงตัวท่านแม่ทัพ ต้องใช้ยอดฝีมือสักกี่คนกัน?”
“เอ่อ...ถ้าเป็นนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ก็น่าจะสักสามสิบคนขอรับ แต่ส่วนใหญ่จะถูกสังหารก่อนที่จะเข้าถึงตัวท่านแม่ทัพ”
“...”
หลิวฟ่านซีนิ่งงันไปชั่วครู่ พลางยกนิ้วขึ้นมาคำนวณแผนการใหม่ ตอนแรกนางคิดว่าจะใช้คนสักสิบคน เพื่อเข้าให้ถึงตัวเขา แต่ลืมนึกไปเลยว่า หากการเข้าถึงตัวแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นถึงวีรบุรุษแห่งสงครามได้ง่าย ๆ เขาคงไม่ได้ชื่อแม่ทัพปีศาจไร้ใจมาหรอกกระมัง...
“แล้วตอนนี้ที่จวนมีทหารอยู่เท่าไหร่ รวมถึงพวกองครักษ์เงาด้วย”
“ราว ๆ ห้าสิบหกสิบคนขอรับ แต่ถ้าเป็นพวกองครักษ์เงาที่ซ่อนตัวอยู่ ก็มีราว ๆ สิบกว่าคน” จิ่งสงตอบไปตามความจริงไม่ได้ปิดบัง
“ถ้าเรียกพวกเขามารวมตัวกันที่นี่จะมีปัญหาอะไรหรือไม่?” หลิวฟ่านซีเอ่ยถาม ในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะแสดงฝีมือของพวกสุนัขอารักขาให้ทุกคนยอมรับได้เช่นไร
“เรื่องนี้คงต้องถามท่านแม่ทัพเสียก่อนขอรับ หากท่านแม่ทัพอนุญาต ย่อมไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง”
จิ่งสงมีท่าทีลำบากใจ เขาไม่รู้ว่าหลิวฟ่านซีตั้งใจจะทำอะไร ถึงได้ต้องการเรียกเหล่าองครักษ์เงาที่ปกติแล้วไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็นมารวมตัวกัน รวมถึงองครักษ์ประจำจวนโหวด้วย
“คุณหนูหลิวตั้งใจจะให้พวกทหารกับองครักษ์เงา มาร่วมทดสอบด้วยอย่างนั้นหรือขอรับ?” โค่ยตงซื่อที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ใช่แล้ว ท่านกุนซือเองก็คาดหวังที่จะได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
“ข้าว่าคุณหนูหลิวไม่ต้องคิดมากหรอกขอรับ เท่าที่เห็นการเคลื่อนไหวของท่านแม่ทัพกับเจ้าสุนัขทั้งสอง แค่นี้ข้าก็รู้สึกนับถือมากแล้ว ไม่ทราบว่าท่านฝึกให้พวกมันเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” โค่ยตงซื่อรีบพูดออกมาตามความรู้สึก
“หากทำได้แค่เพียงเท่านี้ ข้าเชื่อว่าคงไม่อาจทำให้ทางซีเปียยอมรับได้จริงหรือไม่”
หลิวฟ่านซีต้องการจะแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของการฝึกในครั้งนี้ เพื่อทางนำตัวเว่ยซูและอู๋ทงกลับไปอยู่กับตน โดยอ้างว่าต้องการให้มีการฝึกอย่างใกล้ชิด ระหว่างคนฝึกและสุนัข
“ถ้าเช่นนั้นเจ้ามีแผนจะทำเช่นไร” หานซิงเยว่ที่เพิ่งยืดเส้นยืดสายเสร็จ เดินตรงเข้ามาหาด้วยท่าทางสนใจ
ในตอนแรก เขานึกแปลกใจเป็นอย่างมากกับการเคลื่อนไหวที่แทบจะไร้ที่ติของต้าฮุยและต้าเฮย ถึงแม้ช่วงต้นจะมีติดขัดไปบ้าง แต่พอทั้งคู่เริ่มคุ้นเคยกันและจับจังหวะการก้าวเท้าของเขาได้ เจ้าสองตัวก็เคลื่อนไหวตามเขาได้ทันอย่างไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง
เห็นทีเขาคงต้องมองเจ้าลูกสุนัขพวกนี้ใหม่เสียแล้ว...
“การฝึกที่ข้าคิดเอาไว้ จำเป็นต้องขอยืมทหารประจำจวนของท่านแม่ทัพ รวมถึงพวกองครักษ์เงามาร่วมฝึกซ้อมด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ”
พอได้ยินว่าเรื่องการฝึกซ้อมโดยต้องการให้พวกทหารของเขาเข้าร่วมด้วย หานซิงเยว่ย่อมเห็นดีเห็นงามกับความคิดนี้ ทหารทุกคนย่อมต้องเตรียมความพร้อม ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ไหน ส่วนพวกองครักษ์เงา เขาเองก็คิดอยากทดสอบฝีมือของเจ้าพวกนั้นเช่นเดียวกัน เพราะหลังจากที่กลับเข้าเมืองหลวงแล้ว ดูเหมือนแต่ละคนดูจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจนเกินไป
“ได้”
ไม่นานนักเหล่าทหารอารักขาประจำจวนโหวส่วนหนึ่ง และเหล่าองครักษ์เงา ก็ถูกเรียกให้มารวมกันที่ลานกว้าง ทุกคนต่างได้รับข้อมูลการฝึกซ้อมในวันนี้อย่างคร่าว ๆ หลิวฟ่านซีไม่ได้เรียกพวกทหารประจำจวนมาทั้งหมด เพราะต้องแบ่งคนเอาไว้คอยตรวจตราความเรียบร้อยภายในจวน อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นจวนแม่ทัพใหญ่ ดังนั้นจึงต้องมีทหารคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเห็นว่าทั้งหมดมากันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว หลิวฟ่านซีก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วอธิบายด้วยเสียงดังฟังชัด ถึงแม้จะเป็นเสียงนุ่มนวล หากแต่ทุกถ้อยคำนั้นแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและเอาจริงเอาจังในการฝึกซ้อม
“การฝึกในวันนี้เป็นการฝึกและทดสอบการป้องกัน จะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งแรกคือฝั่งของท่านแม่ทัพ มีท่านโค่ยตงซื่อ ต้าเฮยและต้าฮุย เป็นฝ่ายตั้งรับ ส่วนอีกฝั่งคือฝั่งของจิ่งสง องครักษ์เงา และทหารอารักขาในจวนเป็นฝ่ายบุก ทั้งนี้ให้แบ่งออกเป็นสี่สิบคนถือดาบ หอก ทวน หรืออาวุธที่ถนัด ส่วนอีกสิบคนให้ถือธนู!”
คำพูดของหลิวฟ่านซีทำเอาคนที่อยู่ในลานซ้อมนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แม้แต่พวกองครักษ์เงา ยังอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ถึงแม้ในยามปกติเขาจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ และร่วมฝึกซ้อมฝีมือกับท่านแม่ทัพอยู่เป็นประจำ แต่การฝึกซ้อมที่ใช้คนห้าสิบต่อหนึ่ง เช่นนี้มีไม่ค่อยบ่อยนัก...
“ขะ...ข้าด้วยอย่างนั้นหรือ แต่ข้าเป็นกุนซือนะ...” โค่ยตงซื่อชี้นิ้วมาที่ตนเอง ปกติมีอย่างที่ไหนเขาพากุนซือไปลงสนามรบอยู่แนวหน้าด้วยเล่า?!
“ในสนามรบ...อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ท่านกุนซือก็ควรเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมเช่นเดียวกัน” หลิวฟ่านซีหันไปกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“...” โค่ยตงซื่อถึงกับอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“ข้าเข้าใจความหวังดีของคุณหนูหลิว...เพียงแต่ธนูนี่สิ...” จิ่งสงพูดพลางลอบปาดเหงื่อแทนโค่ยตงซื่อ
ในใจได้แต่คิดว่าต่อให้เป็นท่านแม่ทัพก็เถอะ ทหารอารักขาที่อยู่ในจวนหย่งจิ้งโหว ล้วนแต่เป็นระดับยอดฝีมือที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี แถมแต่ละคนยังยิงธนูแม่นราวกับจับวาง ต่อให้มีความสามารถสู้ท่านแม่ทัพไม่ได้ แต่ทุกคนก็ล้วนได้รับการฝึกมาอย่างเคร่งครัด ไหนจะเหล่าองครักษ์เงาเลือดเย็น ที่สามารถปลิดชีพคนได้รวดเร็วแค่เพียงกะพริบตาพวกนั้นอีก