บทย่อ
หลิวฟ่านซี ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยง พวกตัวร้ายเลยร่วมมือกันวางแผนชั่ว โดยหมายจะทำให้นางต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง จนไม่มีหน้ากล้าออกไปพบเจอผู้ใดอีกเลยตลอดชีวิต... . ส่วนไอ้พวกลูกหมา เอ๊ย! ลูกน้องทั้งสองที่ยังไม่ได้รับตัวกลับมาอยู่ด้วยกัน เพราะเจ้าของหมาดันไม่ยอมยกให้ง่าย ๆ งานนี้ทั้งเว่ยซูและอู๋ทง เลยต้องหาวิธีลอบออกจากจวนแม่ทัพ มาพบลูกพี่หลิวกับลูกพี่เฉินด้วยตัวเอง... . อีกทั้งยังได้สมาชิกใหม่มาร่วมก๊วนสุดป่วนด้วย...งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะต้องปวดหัว เพราะม้าศึกคู่ใจของหานซิงเยว่ ดันไปหลงเชื่อคำยุแยงของพวกหมา ๆ ให้มารวมหัวกันเพื่อวางแผนช่วยให้เจ้านายได้แต่งภรรยา . แต่ทุกครั้งที่ลงมือกลับพังเละเทะไม่เป็นท่า งานนี้ต้องมาลุ้นกันว่า... ทั้งหมา ทั้งม้า จะก่อเรื่องสร้างวีรกรรมได้เฮฮาขนาดไหน... **************************************** (นิยายเรื่องนี้มีทั้งหมด 4 เล่มจบนะคะ)
บทที่ 1
เช้าวันรุ่งขึ้น อี้ฮวาอี๋พร้อมด้วยกู้อวิ๋นปิงก็เดินทางไปที่จวนหย่งจิ้งโหว เพื่อไปพบกับเจียงซู่เซียวตามคำเชิญ เมื่อทั้งสองมาถึง ข้ารับใช้ต่างรีบกุลีกุจอพาเดินไปยังศาลาพักร้อนริมทะเลสาบที่ตั้งอยู่ในสวนอันแสนงดงาม
สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากผู้คน เป็นเพราะเจียงซู่เซียวไม่ต้องการให้ใครได้ยินสิ่งที่นางพูดคุยและตั้งใจวางแผนเอาไว้
“คุณหนูกู้กับคุณหนูอี้มาแล้วเจ้าค่ะ”
ข้ารับใช้เดินนำคุณหนูทั้งสองเข้ามาในบริเวณศาลาพักร้อน เจียงซู่เซียวลุกขึ้นต้อนรับแขกที่เพิ่งมาถึง ด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้ม
“มากันแล้วหรือ รีบนั่งลงสิ”
“ขอบคุณคุณหนูเจียงที่ชวนพวกเรามาในวันนี้” กู้อวิ๋นปิงกล่าวอย่างประจบประแจง รีบจัดแจงหาที่นั่งให้กับตนเองตามคำเชื้อเชิญ
ส่วนอี้ฮวาอี๋ได้แต่คลี่ยิ้มบาง พยักหน้าให้อีกฝ่ายเล็กน้อยอย่างไว้ตัว นางถือตัวว่าตนเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของรองเสนาบดีที่มีตำแหน่งสูงในราชสำนัก ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีศักดิ์เป็นหลานสาวของฮูหยินรองเจียงแห่งจวนหย่งจิ้งโหว แต่หากเทียบกันแล้วเจียงซู่เซียวย่อมมีฐานะต่ำกว่า เพราะบิดามารดานั้นเป็นเพียงแค่สามัญชน
“อวิ๋นปิงเล่าให้ข้าฟังบ่อย ๆ ว่าพวกเจ้าทั้งสองสนิทสนมกันยิ่งนัก” เจียงซู่เซียวแสดงทีท่าเป็นเจ้าบ้านที่ดี พร้อมสั่งข้ารับใช้รีบยกน้ำชากับขนมเข้ามาต้อนรับ
“นางคงหาเรื่องนินทาข้าเสียมากกว่า ไม่รู้ที่ผ่านมาพูดถึงข้าเสียหายหรือไม่” อี้ฮวาอี๋แสร้งหัวเราะเบา ๆ ระหว่างนั้นสายตาก็มองสำรวจอีกฝ่ายไปพลาง ๆ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา อี้ฮวาอี๋ไม่เคยเจอเจียงซู่เซียวมาก่อน รู้แต่เพียงฮูหยินรองเจียงมีหลานสาวผู้หนึ่งมีนามว่าเจียงซู่เซียว แต่สุดท้ายในระหว่างที่เดินทางไปไหว้พระบนภูเขา นางกลับถูกโจรป่าฆ่าตายอย่างน่าอนาถ
ในตอนนั้นอี้ฮวาอี๋เคยจำได้ว่า เคยได้ยินพวกสาวใช้เล่าถึงวันที่เกิดเหตุ มีฝนตกหนัก ทำให้ดินและหินบนภูเขาถล่มลงมาปกคลุมเส้นทางขึ้นลง รถม้าของเจียงซู่เซียวเกิดอุบัติเหตุทำให้พลัดตกลงไปในหุบเหวลึก กว่าจะมีคนไปพบศพเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปหลายวัน ร่างไร้ชีวิตที่ถูกพบอยู่ในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่น ร่างกายถูกสัตว์ป่าแทะจนแทบไม่เหลือชิ้นดี
ความจริงแล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจียงซู่เซียวในอดีต อี้ฮวาอี๋ไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่ นางยึดหลักที่ว่าชาตินี้ จะคบหาแต่คนที่มีประโยชน์ต่อนางในภายภาคหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้อี้ฮวาอี๋สนใจ คือเรื่องที่ฮูหยินรองเจียงหมายมั่นให้หลานสาวผู้นี้ แต่งงานเป็นฮูหยินคนใหม่ของแม่ทัพหานซิงเยว่ต่างหาก...
ในเมื่อนางสามารถย้อนเวลากลับมาเพื่อแก้ไขอดีตได้ นางย่อมสามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือ โดยเปลี่ยนชะตาชีวิตของเจียงซู่เซียว ให้ไม่ต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถ ซึ่งถ้าเจียงซู่เซียวไม่ได้ด่วนมาตายไปเสียก่อน อนาคตฮูหยินคนใหม่ของแม่ทัพหานซิงเยว่ ย่อมต้องตกเป็นของคุณหนูเจียงผู้นี้ ด้วยการผลักดันของผู้เป็นป้าอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างน้อย ๆ ในอนาคตข้างหน้า เจียงซู่เซียวย่อมต้องเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีที่นางช่วยเหลือ หากแม่ทัพหานคิดจะจัดการกับคนตระกูลอี้ เขาจะต้องเห็นแก่หน้าภรรยา และช่วยหาทางผ่อนหนักให้เป็นเบาอย่างแน่นอน
อี้ฮวาอี๋เริ่มวางแผนการอยู่ภายในใจเงียบ ๆ เรื่องนี้นางจะต้องทำให้สำเร็จ เหมือนอย่างเรื่องของไปเสียนเว่ยที่นางสามารถจัดการทุกอย่างได้โดยไม่มีปัญหา...
“ที่ไหนกัน ๆ ข้าไม่เคยนินทาเจ้าเสียหน่อย มีแต่พูดชมเจ้าให้คุณหนูเจียงฟังต่างหากเล่า” กู้อวิ๋นปิงรีบพูดแทรกขึ้นพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ใช่แล้ว...อวิ๋นปิงพูดให้ข้าฟังอยู่บ่อย ๆ ว่าคุณหนูอี้นั้นเพียบพร้อมสมกับเป็นบุตรีของท่านรองเสนาบดี แถมยังเก่งในศาสตร์ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นงานเย็บปัก พิณ หมาก หรืออักษรภาพ ล้วนเชี่ยวชาญไปเสียทุกเรื่อง”
“คุณหนูเจียงกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าต่างหากที่ได้ยินอวิ๋นปิงกล่าวชมว่า คุณหนูเจียงมีความสามารถสมกับเป็นแบบอย่างของกุลสตรีในเมืองหลวง อย่างงานเลี้ยงชมดอกไม้ในวันนั้น ก็มีเจ้าเป็นแม่งาน สามารถดูแลจัดการงานเลี้ยงขนาดใหญ่ได้อย่างไม่มีที่ติ จะไม่ให้ชื่นชมได้เช่นไร เห็นแบบนี้แล้วคงมีแต่เจ้าที่คู่ควรเป็นฮูหยินคนใหม่ของจวนหย่งจิ้งโหว” อี้ฮวาอี๋กล่าวอย่างประจบประแจง พร้อมกับใช้สายตาประเมินอีกฝ่ายไปพลาง ๆ
เมื่อพิจารณาดูแล้ว เจียงซู่เซียวผู้นี้มีรูปโฉมงดงาม ผิวพรรณขาวผ่อง เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น อีกทั้งยังมีจริตมารยาของสตรีอันเป็นที่ชื่นชอบของบุรุษ ดังนั้นหากนางยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แม่ทัพหานซิงเยว่ย่อมไม่อาจหลุดรอดจากเงื้อมมือของสตรีที่เพียบพร้อมเช่นนี้ไปได้อย่างแน่นอน...
สำหรับอี้ฮวาอี๋ที่เคยใช้ชีวิตมาชาติหนึ่ง เจียงซู่เซียวก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อย ในสายตาคนที่ผ่านโลกมาอย่างช่ำชอง แค่เพียงนางพูดประจบสอพลอนิดหน่อย อีกฝ่ายก็ดีใจจนยิ้มแทบไม่หุบแล้ว...
“จะว่าไปก็ไม่ใช่ว่าจะราบรื่นเสียทีเดียวหรอกนะ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะมีคนเป็นลมในงานเลี้ยง ข้ากับอวิ๋นปิงก็คงไม่ถูกตำหนิถึงเรื่องที่เกิดขึ้น” เจียงซู่เซียวถอนหายใจออกมาเบา ๆ สีหน้าดูเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
ระหว่างนั้นเจียงซู่เซียวก็แอบลอบพิจารณาอี้ฮวาอี๋เช่นเดียวกัน เมื่อได้พินิจอย่างถี่ถ้วนแล้ว พบว่าอีกฝ่ายมีเพียงรูปโฉมธรรมดา ตามมาตรฐานความงามของหญิงสาวในเมืองหลวง ไม่ได้ดูโดดเด่นหรือสะดุดตาสักเท่าไหร่ ซ้ำร้ายใบหน้าที่ดูดื้อรั้นเชิดหยิ่งและมองคนอื่นด้วยหางตา ทำให้เจียงซู่เซียวรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก
เจียงซู่เซียวได้แต่ครุ่นคิดกับตนเอง หากไป๋เสียนเว่ยผู้นั้นไม่คิดเปลี่ยนใจจนขอถอนหมั้น เวลานี้นางก็คงไม่ต้องมานั่งเป็นกังวลเรื่องหลิวฟ่านซีกับท่านแม่ทัพหานจนไม่เป็นอันทำอะไรเช่นนี้
ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้เลือกอี้ฮวาอี๋แทนหลิวฟ่านซี อาจเป็นเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับสตรีขี้โรคกระมัง...แต่ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อต่างคนต่างมีศัตรูเดียวกัน ย่อมต้องเป็นมิตรแท้ของนาง!