ตอนที่ 4 สาวใช้ไม่เห็นฮูหยินในสายตา
ตอนที่ 4
“อะไรกัน วันนี้ก็มีแต่ผักอีกแล้ว จวนเฉียนนี้ขาดแคลนเนื้อสัตว์หรืออย่างไร”
เซ่าซางที่ได้รับอนุญาตจากผู้เป็นนายให้ร่วมนั่งรับประทานอาหารด้วยกันได้ มองสำรับอาหารที่ถูกยกมาจากห้องครัวของเรือนรองสกุลเฉียน อาหารทั้งสามเมนูล้วนปรุงแต่งขึ้นมาจากผักชนิดต่าง ๆ ไม่มีเนื้อสัตว์ปนมาเลยแม้แต่น้อย
นี้ก็เป็นเวลากว่าสามสัปดาห์แล้วที่ต้องทนทานอาหารแบบนี้ เรื่องรสชาติก็ยังพอใช้ได้อยู่ แต่ให้ทานแต่ผักทุกวัน ในยามที่เข้าสู่ฤดูหนาวแบบนี้ นางกับคุณหนูจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนต้านภัยหนาว ที่ดูท่าจะแย่ลงยิ่งกว่าทุกปีอีก
“กินไปเถอะเซ่าซาง ให้มีกินอิ่มท้องก็พอแล้ว”
สตรีร่างบางผู้สวมอาภรณ์ที่ทำมาจากขนสัตว์ ลงมือคีบผัดผักไปวางใส่ชามข้าวของสาวใช้ ก่อนจะหันกลับมาตักกับข้าวใส่ชามข้าวของตนเองบ้าง แต่พอทานไปได้สองสามคำ เหม่ยเอินก็เงยหน้าขึ้นมองสาวใช้ข้างกาย ที่ยังคงทำหน้าพะอืดพะอม ไม่ยอมจับตะเกียบตักอาหารเข้าใส่ปาก
“มื้อนี้อดทนกินไปก่อน เอาเป็นว่าข้าจะให้เงินเจ้าไปซื้อไก่ย่างสมุนไพรมาตัวหนึ่งดีหรือไม่”
“จะดีหรือเจ้าคะ สิ้นเปลืองเงินคุณหนูเปล่า ๆ”
“หรือว่าเจ้าจะไม่กิน”
“กินซิเจ้าคะ อย่างน้อยให้ได้กินเนื้อสัตว์สักมื้อก็ยังดี”
เซ่าซางรีบตักผัดผักที่คุณหนูตักให้ใส่ปากกินบรรเทาความหิวที่เริ่มก่อตัว จริงอย่างที่นายสาวว่า ยามนี้มีอาหารให้ทานอิ่มท้องก็เป็นบุญแล้ว หากขาดแคลนเหมือนถ่านที่ใช้ก่อไฟให้ความอบอุ่น ชีวิตความเป็นอยู่คงลำบากมากกว่านี้แน่
พูดถึงถ่านที่เป็นเชื้อเพลิงก่อไฟ นี้ก็ปาเข้าวันที่สามแล้ว ยังไม่เห็นสาวใช้ของเรือนรองเฉียนนำมามอบให้เลย ปกติที่จัดสรรมาให้อาทิตย์ละครั้ง ยังแทบไม่พอใช้ตลอดอาทิตย์เลย นี้ยังส่งมาเลยกำหนดเวลาอีก
“เซ่าซาง กินช้า ๆ ก็ได้ ประเดี๋ยวได้ติดคอพอดี”
เหม่ยเอินอดที่จะเอ่ยปากทักท้วงไม่ได้ ยามที่มองเห็นหญิงสาวตรงหน้า จากตอนแรกทำท่าไม่อยากจะทาน แต่มาตอนนี้กับตักอาหารเข้าปากไม่หยุด แทบจะไม่ได้เคี้ยวอาหารในปากให้ละเอียดเลยกระมัง
“คุณหนู บ่าวอิ่มแล้ว คุณหนูทานไปคนเดียวก่อนนะเจ้าคะ บ่าวจะไปที่โรงครัวเสียหน่อย”
สาวใช้รีบกลืนข้าวคำสุดท้าย หยิบน้ำชาขึ้นมาดื่มอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเร่งออกจากเรือนปีกตะวันออกไป เป้าหมายคือโรงครัวของเรือนรองสกุลเฉียน
เซ่าซางเดินมาตามระเบียงที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะได้สักพัก หญิงสาวก็มองเห็นโรงครัวขนาดย่อม เป็นโรงครัวที่แยกออกมาจากโรงครัวของตระกูลหลัก ที่นั่นมีสาวใช้ที่กำลังทำงานอยู่ในครัวอยู่หลายนาง รวมไปถึงแม่บ้านซู สตรีวัยกลางคนที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่
“เจ้ามาเพ่นพ่านอะไรอยู่ที่นี่” แม่บ้านซูเอ่ยทัก หญิงสาวที่กล้าหาเรื่องกับนางตั้งแต่วันแรก ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้ากันสักเท่าไร
“ที่เรือนของคุณหนูยังไม่เห็นมีใครนำถ่านไปส่งเลย นี้ก็เกินเวลามาสามสี่วันแล้ว”
“ถ่านหมด”
สตรีที่นั่งแทะกระดูกไก่อย่างเอร็ดอร่อย ตอบออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย สองมือจับไปที่กระดูกชิ้นโต ก่อนจะใช้ฟันหน้ากัดฉีกเนื้อไก่ โดยไม่สนสายตาที่จ้องมองอย่างไม่พอใจของฝ่ายตรงข้าม
เซ่าซางกวาดสายตาไปทั่วบริเวณห้องครัว ก่อนจะพบว่ามีถุงถ่านตั้งอยู่ในมุมมุมหนึ่ง ไม่ได้หมดอย่างที่แม่บ้านผู้นี้กล่าว นอกจากนี้ยังมองไปยังบรรดาสาวใช้ที่กำลังพากันลงมือทานอาหารเช้าอยู่...ดูเอาเถิด อาหารแต่ละอย่างที่พวกนางทาน ยังดีกว่าอาหารที่ส่งไปให้เรือนปีกตะวันออกเสียอีก
“แล้วนั่นอะไร วางกองอยู่ตั้งหลายถุง” เซ่าซางชี้มือไปที่บรรดาถุงใส่ถ่าน ที่ดูยังไงก็พอให้แบ่งปันครบทุกเรือน
หญิงวัยกลางคนมองตามมือที่ชี้ไปของหญิงสาวที่อายุอ่อนกว่า ก่อนจะวางมือจากอาหารตรงหน้า ยกน้ำขึ้นมาดื่ม จนอิ่มหนำสำราญดีแล้ว จึงยอมตอบคำถาม
“ช่วงนี้ฮูหยินลี่ไม่ค่อยสบาย หิมะตกหนักเช่นนี้ จำเป็นต้องใช้ถ่านจำนวนมาก ในการเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ยังไงก็รออีกสองสามวันเถิด รอให้คนนำถ่านมาส่งอีก แล้วข้าจะรีบจัดสรรไปให้”
“พวกเจ้าอยากให้คุณหนูของข้าหนาวตายก่อนหรืออย่างไร”
เซ่าซางเอ่ยอย่างเกินจะอดกลั้น ภายในโรงครัวนี้ยังอบอุ่นเสียกว่าเรือนปีกตะวันออก ที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะ ถ่านไว้ใช้จุดให้ความอบอุ่นก็ถูกจัดสรรมาให้แบบไม่พอใช้ ทำให้นางกับคุณหนูต้องสวมเสื้อผ้าหนา ๆ หลายชั้น แต่กระนั้นก็ยังคงสั่นสะท้านเพราะอากาศที่เย็นจัดมากเกินไป
“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร ในเมื่อคนยังไม่นำถ่านมาส่ง ถ่านที่มีอยู่ก็ให้เฉพาะฮูหยินกับคุณชายเท่านั้น”
“แบ่งถ่านให้ข้าสักถุงก่อนก็ได้” เซ่าซางต่อรอง สตรีที่เป็นผู้ดูแลเรือนสกุลรองเฉียน
“คงไม่ได้” แม่บ้านซูยิ้มเย็นออกมา
เซ่าซางจ้องใบหน้าหญิงวัยกลางคนตาถลน ก่อนจะตัดสินใจ เดินผ่านนางไปหยิบถุงใส่ถ่านมาหนึ่งถุง แล้วทำท่าจะเดินกลับออกจากโรงครัว
“ทำอะไรของเจ้า ข้าบอกไม่ได้ก็คือไม่ได้”
แม่บ้านซูลุกจากเก้าอี้มายืนขวางทางเอาไว้ สาวใช้ที่นั่งทานอาหารอยู่ก็พากันลุกขึ้นมา ยืนล้อมตัวสตรีที่ถือวิสาสะหยิบถุงถ่านเอาเอง
“พวกเจ้าหลีกไป ข้าจะนำถ่านแค่ถุงเดียว ไปจุดให้ความอบอุ่นแก่คุณหนูข้าก่อน ถ่านเพียงถุงเดียว คงไม่ทำให้ฮูหยินลี่อินอาการป่วยทรุดลงหรอก”
เซ่าซางเองพยายามเดินหลบบรรดาคนที่ยืนขวางทางเอาไว้ แต่กลับถูกพวกนั้นผลักให้กลับมายืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับมีสาวใช้นางหนึ่งยื่นมือมาแย่งเอาถุงใส่ถ่าน แต่หญิงสาวเองก็ไม่ยอม สองมือยื้อยุดถุงถ่านไว้อย่างเต็มที่
“ปล่อย”
“ข้าไม่ปล่อย ข้าขอแค่ถุงเดียว จะมีปัญหาอะไรนักหนา”
“พวกเจ้า ยืนมองอยู่เฉย ๆ ทำไม รีบเข้าไปช่วยแย่งเอาถุงถ่านคืนมา” แม่บ้านซูออกคำสั่งให้สาวใช้คนที่เหลือ เข้าไปช่วยกันรุมสาวใช้เรือนตะวันออก ที่หัวเดียวกระเทียมลีบ แล้วยังไม่เจียมตัว คิดจะมีเรื่องกับพวกตนสาวใช้อีกสี่คน เข้ามารุมล้อมช่วยกัน เกิดการชุลมุนกันขึ้น จนถุงที่ใส่ถาดฉีกขาด ก้อนถ่านสีดำหล่นกระจายเกลื่อนพื้นไปทั่ว
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
เซ่าซางกัดฟันกรอด ความอดทนขาดสะบั้น แม้ว่าตัวคนเดียวก็หาได้กลัวพวกนางไม่ หญิงสาวเข้าทำร้าย ขีดข่วน ปากกัดตรงไหนได้ก็กัด มือข่วนหรือต่อยตีตรงไหนได้ก็ทำ
ด้วยความที่เลือดขึ้นตา ทำให้นางคนเดียวสามารถสู้กับสาวใช้อีกห้านางได้ จนเกิดการมะรุมมะตุ้มวุ่นวาย ข้าวของในครัวตกกระจายอยู่ที่พื้นไปหมด
“พวกเจ้ามีหลายคน จัดการสั่งสอนนังตัวดีนี้ให้เข็ดหลาบ” แม่บ้านซูยืนสั่งอยู่ห่าง ๆ เกรงว่าจะถูกลูกหลง
หลังจากเกิดการชุลมุนอยู่สักพัก สาวใช้สองนางก็ช่วยกันจับแขนทั้งสองข้างของสาวใช้เรือนตะวันออกที่คลุ้มคลั่งเป็นหมาบ้าเอาไว้ได้
...เพียะ...เพียะ...
แม่บ้านซูได้ที เข้ามาใช้ฝ่ามือฟาดไปที่แก้มทั้งสองข้าง ของหญิงสาวผู้อวดดี ที่ไม่เจียมกำลังของตนเอง
“คราวหน้าคราวหลัง อย่าคิดมากำแหงที่นี่ เจ้ากับคุณหนูของเจ้าหัดเจียมตัว อยู่อย่างสงบเอาไว้บ้าง”
...ถุย... เซ่าซางถ่มน้ำลายใส่หน้า สตรีวัยกลางคนที่ยืนลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงหน้า...