ตอนที่ 5 คุกเข่าท่ามกลางหิมะ
ตอนที่ 5
สตรีวัยกลางคน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนสนิทของฮูหยินลี่อิน และเป็นผู้ที่คอยดูแลส่วนหลังเรือนรองแทนผู้เป็นนาย ยกมือปาดน้ำลายของสตรีที่ยังคงแผลงฤทธิ์ได้ แม้ว่าสองแขนจะถูกจับยึดไว้แน่นก็ตาม
ตั้งแต่โตมาจนอายุปานนี้ ยังไม่มีใครกล้าทำเช่นนี้กับตนเลย สาวใช้ของคุณหนูเหม่ยผู้นี้ สงสัยจะอยากชะตาขาด ถึงได้กำเริบสืบสานมากเช่นนี้
...เพียะ...เพียะ...
“แกกล้าดีอย่างไร ถ่มน้ำลายใส่ข้า ไม่อยากตายดีใช่ไหม”
...เพียะ...เพียะ...
ใบหน้าของคนที่ถูกจับแขนยึดทั้งสองข้าง ถูกฝ่ามือหนาฟาดเข้าใส่ทั้งสองข้างไม่หยุด จนผิวหน้าเป็นริ้วรอยแดงและบวมเป่ง ริมฝีปากบางห้อเลือดไหลซึมออกมา
“รู้เอาไว้ด้วย ว่าที่นี่ใครมีอำนาจ อย่าคิดว่านายของเจ้าเป็นฮูหยินของคุณชาย แล้วข้าจะไม่กล้าแตะต้องเจ้า ต่อให้ข้าฆ่าเจ้า คุณชายก็ไม่มีทางทำอะไรข้า เข้าใจหรือเปล่า”
“ถ้าคุณชายทำอะไรเจ้าไม่ได้ ข้าทำเอง”
ถึงแม้สองแขนจะถูกจับยึดไว้แน่น แต่สองเท้ายังว่างอยู่ เซ่าซางจึงใช้สองขายกขึ้นถีบไปข้างหน้าถูกเข้าที่หน้าท้องของสตรีวัยกลางคนอย่างแรง จนทำให้ร่างของนาง เสียหลักล้มไปกองอยู่ที่พื้น
“แม่บ้านซู” สาวใช้สองนางรีบเข้าไปช่วยพยุงสตรีวัยกลางคนขึ้นมา
แม่บ้านซูพอลุกขึ้นมาได้ ให้เลือดขึ้นหน้า เงื้อมือจะเข้าไปตบเอาเรื่องกับตัวก่อเหตุอีก แต่สาวใช้นางหนึ่งคิดอะไรได้ รีบเข้ามาจับมือนั้นหยุดเอาไว้ก่อน
“ใจเย็นก่อน ฆ่ามันตายตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ แค่นี้นางก็เจ็บมากแล้ว เรานำความไปฟ้องฮูหยินลี่อินไม่ดีกว่าหรือ ให้ฮูหยินลงโทษนางอีกที หรือบางทีอาจจะทำโทษนายของนางด้วย”
แม่บ้านประจำเรือนรองฉุกคิดตามคำพูดของสาวใช้ จริงอย่างที่นางว่า ทำร้ายแม่คนนี้ไปก็เจ็บมือเปล่า ๆ สู้นำความไปฟ้องฮูหยิน ใส่สีเติมนั้นนิดนี้หน่อย อาจจะทำให้เจ้านายของสาวใช้นางนี้ถูกลูกหลงไปด้วย แล้วมาดูกันว่าหากนางต้องเห็นเจ้านายของตนถูกลงโทษ เพราะความอวดดีของนางเอง จะเจ็บปวดมากแค่ไหน
“พวกเจ้าจับตัวนางไว้ให้ดี ข้าจะไปเรียนฮูหยินก่อน” สั่งความสาวใช้เสร็จ สตรีวัยกลางคนก็เดินออกจากโรงครัวไป ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ คิดหาคำพูดที่จะต่อเติมเสริมแต่ง ไว้ฟ้องเจ้านายของตน...
“กำเริบใหญ่แล้ว นางคนนี้ ไปพาตัวนางมา”
จ้าวลี่อินหลังจากได้ฟังความของสาวใช้คนสนิทจบ แม้จะรู้ว่า บางคำพูดสาวใช้ข้างกายได้เสริมแต่งเข้ามาเอง แต่ด้วยความที่ไม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้อยู่แล้ว จึงพร้อมที่จะหาเรื่องได้ทุกเมื่อ
แม่บ้านซูแย้มยิ้มออกมา รีบส่งสายตาให้สาวใช้คนหนึ่ง ไปตามคนในโรงครัวมา...ใช้เวลาไม่นาน สาวใช้ในโรงครัวก็พากัน ลากร่างของเซ่าซาง ที่ถึงแม้จะบอบช้ำ แต่ก็ยังคงดิ้นรนขัดขืนไปตลอดทาง
พอทั้งหมด เข้ามาอยู่ในโถงรับรองที่เรือนหลักของสกุลรองเฉียน ได้พากันจับตัวของสาวใช้ที่ก่อเรื่องให้นั่งลงคุกเข่าบนพื้น ต่อหน้าฮูหยินลี่อินที่นั่งเด่นเป็นประธานอยู่
“แม่บ้านซู มารายงานข้าว่า เจ้ามาก่อความวุ่นวาย หาเรื่องคนในโรงครัว เพียงเพราะว่า พวกเขาขอทานข้าวเสร็จก่อน ถึงจะนำถ่านไปส่งให้ที่เรือน...อะไรกัน เรื่องเพียงเท่านี้ เจ้าก็กล้าทำร้ายคนของข้าแล้วหรือ เจ้านายของเจ้าไม่เคยสั่งสอนหรืออย่างไร”
“อือ อือ อา อา”
เซ่าซางส่ายหน้า พยายามเอ่ยปากแก้ต่างให้กับตนเอง ว่าสิ่งที่แม่บ้านซูพูดไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ทำได้เพียงส่งเสียงอึก ๆ อัก ๆ เพราะว่ามีผ้ามัดปิดปากเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ข้าอุตส่าห์เปิดโอกาสให้เจ้าแก้ต่าง แต่ไยเจ้าไม่พูด แสดงว่าสิ่งที่แม่บ้านซูพูดนั้นเป็นความจริงใช่หรือไม่”
สตรีที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น ส่งเสียงไม่เป็นคำ ส่ายหน้ารัว ๆ เป็นการปฏิเสธ แต่ว่าดูเหมือนฮูหยินลี่อิน จะไม่ตัดสินอย่างยุติธรรมเสียแล้ว เพราะขนาดเห็นว่านางมีผ้าปิดปากเอาไว้ ยังไม่คิดจะออกคำสั่งให้คนเอาออก เพื่อให้นางได้พูดอธิบายอย่างชัดเจน นัยน์ตาของสาวใช้ตอนนี้เริ่มมีน้ำตาขึ้นมาเอ่อคลอ มองเห็นบทลงโทษที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ว่าสิ่งที่นางกำลังกลัว ไม่ใช่บทลงโทษ แต่เป็นห่วง ว่าจะทำให้คุณหนูต้องมาเดือดร้อนไปด้วย
“ในเมื่อเจ้าทำความผิด ข้าคงต้องลงโทษให้หลาบจำ คราวหลังจะได้ไม่คิดที่จะทำอีก เด็ก ๆ นำตัวนางไปโบยยี่สิบไม้”
สิ้นคำสั่งของฮูหยินเรือนรอง สาวใช้สองนางเข้ามาฉุดให้สตรีที่นั่งคุกเข่า ขึ้นไปนอน บนแท่นไม้ที่ใช้สำหรับให้คนที่ถูกสั่งโบยนอนคว่ำหน้า สองมือสองเท้าจะถูกผูกตรึงติดกันเอาไว้
“ท่านแม่ ช้าก่อน”
สตรีร่างอรชรหนึ่งนาง ก้าวเท้ายาว ๆ เข้ามาภายในโถงรับรองด้วยท่าทีร้อนรนกระวนกระวายใจ หลังจากเห็นสาวใช้คู่ใจหายตัวมาโรงครัวนานจนเกินไป จึงได้ออกติดตามหา จนกระทั่งได้รู้ว่าเกิดเรื่องและถูกพาตัวมาที่เรือนหลักนี้
“ท่านแม่ ได้โปรดเมตตาคนของลูกด้วย”
“เหม่ยเอิน เจ้ามาก็ดีแล้ว การที่สาวใช้นางนี้นิสัยกำเริบเสิบสาน ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเจ้า ที่ไม่สั่งสอนให้ดี”
ฮูหยินลี่อิน มองใบหน้าของลูกสะใภ้ ด้วยสายตาแสนจะเย็นชา ก่อนจะส่งสายตากำชับให้ สาวใช้ร่างใหญ่สองนาง ที่ยืนถือไม้โบยขนาดใหญ่ ให้ลงมือเฆี่ยนตีลงบนหลังของสาวใช้ข้างกายลูกสะใภ้ได้
“อือ” เสียงครางไม่เป็นภาษาดังเล็ดลอดออกมาจากปากที่ถูกผ้ามัดเอาไว้ หลังจากที่โดนโบยไปบนแผ่นหลังได้เพียงสองไม้
“ท่านแม่ เซ่าซางทำผิดเป็นเพราะลูกไม่อบรมสั่งสอนให้ดี ท่านแม่ได้โปรดลงโทษลูกแทนเถอะ ลูกขอร้อง”
เหม่ยเอินกล่าววิงวอน เสียงสั่นเครือ ยามที่ได้ยินเสียงไม้กระทบลงบนเนื้อของสาวใช้ มันบาดเข้าไปในจิตใจของนาง จนเสมือนกำลังถูกโบยเสียเอง
ฮูหยินที่เป็นใหญ่ในเรือนรอง สีหน้าในตอนนี้เต็มไปด้วยความหฤหรรษ์ ยามได้เห็น ท่าทางทุกข์ร้อนของสะใภ้ที่ตนเกลียดชัง นัยน์ตาสีนิลทอดมองไปด้านนอกหน้าต่าง คล้ายกับกำลังขบคิดสิ่งใดอยู่ ใช้เวลาสักพัก นางจึงหันหน้ามามองสตรีร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"ได้ หากเจ้าต้องการเช่นนั้น พวกเจ้าหยุดโบยได้แล้ว ส่วนโทษโบยที่เหลือ เปลี่ยนมาให้ ฮูหยินของบุตรชายข้า ออกไปนั่งคุกเข่าสำนึกผิด จนกว่าข้าจะพอใจ”
กว่าฮูหยินลี่อิน จะออกคำสั่งได้ เซ่าซางนางก็ถูกโบยไปห้าถึงหกไม้แล้ว สาวใช้ที่ยืนอยู่ พากันลงมือแก้เชือก ที่มัดมือมัดเท้าและปากออก คนที่ถูกโบย แม้จะรู้สึกเจ็บปวดบริเวณกลางหลัง พอปากได้รับอิสระ นางก็รีบทวงถามความยุติธรรมจากฮูหยินลี่ทันที
“ฮูหยิน แม่บ้านซูโกหก เรื่องที่นางพูดไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย คุณหนูของบ่าวเองก็ไม่สมควรได้รับโทษ”
“หุบปากของเจ้าไปเสีย ไม่อย่างนั้น ข้าจะสั่งโบยเจ้า ห้าสิบไม้ คราวนี้มาดูกันว่า เจ้าจะยังมีแรงมากล่าววาจาใส่ร้ายผู้อื่นแบบนี้อีกหรือไม่” ฮูหยินลี่อินตวาดเสียงเข้ม สายตาที่จ้องมองสาวใช้ถมึงทึง
“แต่เรื่องที่บ่าวพูดเป็นความจริง...”
“เซ่าซางหยุด...ท่านแม่ ลูกขอโทษแทนคนของลูกอีกครั้ง ลูกจะออกไปคุกเข่าสำนึกผิดเดี๋ยวนี้เจ้าคะ”
เหม่ยเอินกลัวว่าสาวใช้ จะถูกสั่งโบยห้าสิบไม้จริง ๆ รีบเดินออกไปนอกเรือน ลงไปยังลานกว้าง ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยหิมะ ที่กำลังตกลงมาไม่หยุดหย่อน แล้วนั่งคุกเข่าลง ส่วนของร่างกายด้านล่างจมลงไปในกองหิมะบนพื้น
ในตอนนี้แม้ร่างกายจะสวมใส่เสื้อผ้าหลายชั้น บวกกับเสื้อกันหนาวที่ทำจากขนสัตว์ แต่ไอเย็นยังสามารถเล็ดลอดเข้าไปภายในได้ ทำให้ร่างกายอันบอบบาง เกิดสั่นสะท้าน ราวกับลูกนกตัวน้อยที่ตกลงไปในสระน้ำแข็งก็มิปาน...