กลายเป็นคุณแม่ลูกแฝด
หลายเดือนผ่านไปใบหน้าของนางก็มีแต่ความทุกข์ บุตรทั้งสองของนางก็นึกเป็นห่วงแต่ไม่กล้าถาม เพราะถามไปทีไรก็ไม่รู้คำตอบ แถมมารดายังร้องไห้หนักเข้าเสียอีก มีแต่อ้อมกอดที่ปลอบประโลมมาให้รู้ว่าผู้เป็นแม่ไม่เป็นไร…หรือแท้จริงคนที่ไม่เป็นไรคือพวกตน
จากที่เดินเหินไปไหนมาไหนได้ แม้จะสีหน้าไม่สู้ดีก็เริ่มหมดหวังจนไม่มีเรี่ยวแรงออกไปไหน นางป่วยใจจนข้าวปลาไม่ยอมกิน ได้แต่หาให้ลูกแล้วแอบไปนั่งซึมคนเดียวยังมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน
หม่าเยี่ยนถิงเข้านอนคืนสุดท้ายด้วยใบหน้าอิดโรย และหลับไปอย่างไม่มีวันลืมตา
เยี่ยนถิงสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมากลางดึก หญิงสาวหอบหายใจถี่พร้อมมือที่จิกลงบนอก อาการบีบรัดจนหายใจไม่ออกก่อนหน้านี้ค่อย ๆ คลายออก เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าจนชุ่ม จับหน้าผากและลำคอตัวเองดูก็พบว่าตัวไม่ร้อนเท่าเก่าแล้ว
"เฮ่อ…" เธอผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะมีสติสังเกตสิ่งรอบข้างดี ๆ หญิงสาวมือสังหารเบิกตาโพลงหลังพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของเธอ ไม่ใช่โรงพยาบาล ไม่ใช่ห้องบำบัดขององค์กรด้วย ไหนจะเสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่นี่ก็ไม่เหมาะกับการเอามาให้คนป่วยใส่เลยสักนิด นอกจากจะอึดอัดแล้วยังมีหลายชั้นด้วย
เยี่ยนถิงลุกพรวดจากเตียงมองหากระจกตามสัญชาตญาณ เธอวนรอบห้องก่อนพบว่าสิ่งเธอหามันวางอยู่ข้างเตียงนี่เอง เจ้าของนัยน์ตาหงส์คว้าเอาสิ่งสะท้อนภาพนั่นมาส่องทุกองศาเท่าที่แขนจะยืดไปถึง
ไม่ว่าจะมุมด้านข้าง ด้านหน้า ด้านซ้ายด้านขวาที่ส่องมองจากมุมต่ำด้านล่าง นี่ก็เป็นใบหน้าของหม่าเยี่ยนถิงที่เธอเห็นในฝันอย่างไม่ต้องสงสัย
"นี่มันอะไรกัน…"
ที่เธอเห็นว่าตลอดนั่น อย่าบอกนะว่าไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความทรงจำ นี่เธอมาอยู่ในร่างคนอื่นอย่างนั้นหรือ
"ไม่จริง ไม่ ๆ ๆ ไม่เอาน่า นี่มันไม่ถูกต้องเลย"
เยี่ยนถิงขยุ้มผมตัวเองขึ้นมาสองกระจุกอย่างหาที่ระบายไม่ได้ เธอปรับลมหายใจอยู่นานแต่ก็ไม่ได้ผล เธอยังสติแตกเหมือนเดิม
"ไอ้บอสเวร…"
ถ้าเธอมาที่นี่ แปลว่าเธอตายไปแล้วใช่ไหม อย่างน้อยสวรรค์ก็ควรให้เธอแก้แค้นเสียหน่อยไม่ใช่เหรอ แล้วเธอควรทำอย่างไรต่อไปในสถานการณ์นี้ล่ะ?
ยังคิดไปได้ไม่เท่าไรก็ได้เสียงเลื่อนประตูดังกุกกัก เยี่ยนถิงหันไปมองตามก่อนมองผู้มาเยือนตาค้าง
นะ…น่ารักจัง!
เด็กน้อยสองคนที่หน้าตาคล้ายกันไปถึงแปดในสิบส่วน ชะโงกหน้ามามองเธอจากช่องว่างของประตูที่เปิดแง้มไว้ ท่าทางประหม่าเหมือนไม่กล้าเอ่ยทัก มีน้ำมีนวลสมบูรณ์พร้อมเพราะหม่าเยี่ยนถิงเลี้ยงดูไม่เคยบกพร่อง
"ท่านแม่?"
"..."
"ท่านแม่!" หลังเห็นเธอเงียบไม่ตอบ เด็กที่ยังไม่รู้ความสองคนก็พุ่งเข้ามาหาเธอ กอดขาผู้เป็นแม่คนละข้างแล้วร้องไห้จนน้ำตาไหลเป็นเขื่อนแตก
เยี่ยนถิงถึงกับทำตัวไม่ถูก เธอไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางไว้ตรงไหน หากจับแรงไปพวกเขาจะช้ำเอาหรือไม่ ในสายตาของหญิงสาว เด็กสองคนนี้เหมือนลูกกระรอกที่อยู่ในกำมือ ต้องจับแบบไหนถึงจะดี ต้องพูดอะไรพวกเขาถึงจะไม่กลัว ชั่วชีวิตนี้เยี่ยนถิงไม่เคยรับมือกับการเลี้ยงเด็ก เธอจึงประหม่ายิ่งกว่าฆ่าคนครั้งแรกเสียอีก
"ท่านแม่ไม่ตายแล้วใช่ไหม ท่านป้าร้านหมั่นโถวบอกว่าท่านอาจจะตายก็ได้"
"ท่านแม่ไม่หายใจ ข้านึกว่าท่านจะไม่ตื่นอีกแล้ว"
"ท่านแม่ต้องกินข้าวบ้าง ท่านไม่ต้องทำอะไรให้พวกข้าแล้วก็ได้ เป่าเปาจะยกให้ท่านทั้งหมดเลย"
เด็กสองคนแย่งกันพูดไม่หยุดจนเธอฟังไม่ทันว่าใครพูดอะไรบ้าง แต่สถานการณ์แบบนี้ ให้เอามีดมาจ่อคอเธอก็คงพูดไม่ออกหรอกว่าแม่จริง ๆ ของพวกตายไปแล้วน่ะ
"เอ่อ…ข้า ข้าไม่เป็น แค่ไข้ขึ้นสูงจนสลบไปเท่านั้น" เยี่ยนถิงยิ้มแห้ง หาคำแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ
"ท่านแม่อย่าทิ้งพวกข้าไปอีกนะ" ทั้งสองร้องไห้สะอึกสะอื้น พูดไปก็สูดน้ำมูกไปจนเยี่ยนถิงพูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม สถานการณ์แบบนี้เธอจะบอกความจริงได้อย่างไรกัน
ตลอดช่วงเวลานั้นหญิงสาวไม่มีคำกล่าวใดจะเอ่ยออกมาได้ ตัวเองยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ได้แต่กอดปลอบทั้งสองคนไปมา คล้ายว่าเห็นภาพซ้อนตัวเองในอดีต เธอพลัดพรากกับครอบครัว พวกเขาตายในสงคราม อยู่ตัวคนเดียวในโลกที่มีผู้คนมากมาย และเธอก็ถูกหยิบยื่นเคียวยมทูตให้
หากปล่อยเด็กทั้งสองคนไว้แล้วเธอไปตามทางอย่างอิสระ พวกเขาจะพบจุดจบแบบเดียวกันหรือไม่ จะมีแสงสว่างในชีวิตหลงเหลืออีกหรือเปล่า เยี่ยนถิงได้แต่ยิ้มขมขื่น
เพียงนึกหน้าขึ้นมา ชื่อที่ใช้เรียกขานก็เอ่ยออกมาได้อย่างคล่องปาก
"เป่าเปา เหมียวเหมียว ช่วยพยุงแม่ไปที่ครัวที" เธอขาดน้ำจนแทบสลบรอบที่สามได้แล้ว ตอนนี้เธอต้องประคองร่างกายตัวเองที่พึ่งได้มาหมาด ๆ ไม่ให้ทรุดก่อน
เป่าเปากับเหมียวเหมียวเป็นชื่อที่มารดาเอาไว้เรียกคล้ายเป็นฉายาหรือชื่อเล่นอะไรทำนองนั้น หากรู้ว่าบิดาเป็นใครก็คงให้ใช้แซ่บิดา แต่หม่าเยี่ยนถิงกลับนึกทั้งหน้าและชื่อของคนผู้นั้นไม่ออก คล้ายมีหมอกมัวมาบดบัง นึกถึงทีไรต้องปวดหัวเสียทุกที
นักฆ่าถูกปลดยืนหน้ามืดครึ้มอยู่หน้าหม้อต้มยาที่ท่านป้าร้านหมั่นโถวฝากเด็ก ๆ มาให้เธอ คิดไปแล้วสามีผู้นี้ของนางก็ทำตัวน่าตรอมใจตายจริง ๆ อย่างที่เกิด หม่าเยี่ยนถิงก็จิตใจอ่อนโยนถูกถนอมกล่อมเกลามาอย่างที่สตรีผู้หนึ่งพึงเป็น
แต่เยี่ยนถิงไม่เคยรับรู้ความรู้สึกนั้นแม้แต่น้อย ชีวิตที่ผ่านมาทำให้เธอค่อนข้างแข็งกระด้างกับเรื่องพรรค์นั้น แต่เธอก็จิตใจอ่อนไหวต่อเด็กเป็นพิเศษเช่นกัน
หลังเคี่ยวยาให้ตัวเองจนได้ที่ เธอก็กลั้นใจดื่มมันเข้าไปจดหมอ เพราะมันขมจนฝาดติดลิ้นไปอีกหลายวันได้เลยเชียว โรคอะไรก็ตามที่ทำให้ต้องกระเดือกยานี่ลงคอ เธอจะไม่ยอมเป็นอีก!
ไม่มียาที่รสชาติดีกว่านี้แล้วหรือไง ถ้าต้องเลือกระหว่างเจ้านี่กับยารักษาโรคจากโลกเก่าแต่ต้องเคี้ยวเอาห้ามกลืน เธอยอมเคี้ยวมื้อละสิบเม็ดเลยก็ได้!