ตอนที่ 4 : ไม่เป็นอย่างที่คิด 1/1
ตอนที่
[2]
ไม่เป็นอย่างที่คิด
ฉีฉีสาวรับใช้ประจำเรือนปีกซ้ายของฮูหยินคนใหม่ของจวน เดินหันกลับมาด้วยความหงุดหงิดที่ตนต้องมารับใช้สตรีที่ไม่สามารถส่งเสริมอันใดตนได้ เดิมทีคิดว่าเป็นบุตรสาวมาจากตระกูลใหญ่ คงทำให้ตนที่มีหน้าที่รับใช้มั่งคั่งขึ้นได้ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่านอกจากจะไม่ดีขึ้น ยังถูกคนเรือนอื่นหัวเราะเยาะว่าต้องมารับใช้ฮูหยินตาขาวผู้นี้อีก แต่ยังดีที่ได้รับคำสั่งจากคนในเรือนใหญ่ ว่าสามารถระบายความไม่ชอบใจนี้กับฮูหยินผู้นั้นได้ และความคิดหลายอย่างก็ได้รับถ่ายทอดมารวมถึงตัวนางเองคิดเองด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงหงุดหงิดอยู่ดี เมื่อไรจะได้ไปดูแลเรือนอื่น ยิ่งเรือนใหญ่อย่างท่านแม่ทัพตนยิ่งอยากไป แม้จะรู้ว่ามีเจ้าถิ่นอยู่ที่นั่นก็ตาม ฉีฉีคิดไปโดยที่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลังของตนแม้แต่น้อย จนกระทั่ง
“เจ้าน่ะ”
กึก!
คราแรกสงสัยแต่เมื่อหันไปแล้วพบว่าเป็นฮูหยินไร้ประโยชน์ผู้นั้นจึงได้หันกลับมาแล้วเดินหน้าต่อ
แววตาของโรสหรือลู่หรงซินมืดครึ้มลง ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ฟังกันและนางก็คร้านจะพูดให้มากความ จึงได้เร่งฝีเท้าให้ตามอีกฝ่ายไปและ…..
ผลั่วะ!
“โอ๊ย”
ถีบลงไป….
ฉีฉีที่ไม่ทันตั้งตัวถูกถีบจนใบหน้าคว่ำลงกับทางเดินหินและไม่ทันจะหันไปดูว่าเป็นผู้ใดที่กล้าทำเช่นนี้ด้วยไม่คิดว่าจะเป็นฮูหยินผู้นั้นก็พบว่ามีของเหลวบางอย่างเคล้าอยู่ปาก และเมื่อถ่มมันออกมาก็พบว่าเป็นเลือดนอกจากนั้นยังมี…..
ฟัน!!
ฉีฉีเมื่อรู้แล้วว่าตนเพิ่งสูญเสียฟันหนึ่งซี่ไปก็กรีดร้องออกมา
“กรี๊ดดดดดด ไหน ผู้ใดมันทำข้า” ว่าแล้วก็หันไปดูก็พบวเพียงลู่หรงซินกำลังยืดกอดอกสีหน้าเรียบนิ่งอยู่
“เป็นเจ้าหรือ! ที่แท้เป็นเจ้า สตรีไร้ประโยชน์ คอยดูเถอะข้าจะไปฟ้องพี่ลี่ฉุนกับท่านแม่บ้านใหญ่!!” ยิ่งพูดเลือดยิ่งไหลออกมาและเมื่อกล่าวจบแล้วก็ส่งสายตาเคียดแค้นแล้วก็รีบพาตนเองลุกขึ้นวิ่งไปทันที
ลู่หรงซินมองภาพตรงหน้าแล้วแค่นยิ้มออกมาครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามไป จะไปฟ้องผู้ใดก็มาดูกัน
ระหว่างทางที่เดินไป หูนางก็ได้ยินคนจับกลุ่มพูดเรื่องนี้ เป็นสตรีอายุน้อยสามคน ดูท่าคงเป็นบ่าวในจวน
“เอาแต่ข้าวบูดให้กินเช่นนั้นก็ช่างทนได้หลายวันนะ” สตรีหนึ่งกล่าว
“นางคงไม่ได้คิดอันใด ขี้ขลาดตาขาวถึงเพียงนั้น วัน ๆ หากไม่อยู่ในจวนก็ออกไปข้างนอกทำตัวไร้แก่นสาร นี่น่ะหรือฮูหยินของพวกเรา” สตรีอีกผู้หนึ่งกล่าวแล้วกลอกตาอย่างไม่พอใจ
“ข้าล่ะ รอให้ท่านแม่ทัพหาเรื่องหย่ากับนางได้” สตรีสามกล่าวสมทบ
“สมรสพระราชทานเช่นนี้จะหย่าได้หรือ”
“แม้จะยากแต่ก็หย่าได้หากนางไม่มีคุณสมบัติมากพอ…...”
“เช่นนั้นพวกเราก็ช่วยฉีฉีอีกแรงนึงดีหรือไม่ ให้นางขาดคุณสมบัติ อีกทั้งอาจจะได้รางวัลจากพี่ลี่ฉุนด้วย” กล่าวจบทั้งสามก็มองหน้ากันอย่างมีความนัย
“แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงฉีฉีร้องเสียงดัง มิใช่ว่าโดนฮูหยินผู้นั้นรังแกหรอกนะ”
"สตรีอ่อนแอและขี้กลัวเช่นนั้น จะกล้าทำอันใดดะ...."
กร็อบ!
"โอ๊ยยย!!"
สตรีอายุน้อยยังกล่าวไม่จบก็พบว่านิ้วข้างหนึ่งของตนเองถูกหักจนผิดรูปไปแล้ว
“ข้าหักนิ้วได้ หักคอก็ได้เช่นกัน อยากลองดูหรือไม่เล่า” สิ้นเสียงทุกคนก็หันไปมองลู่หรงซินราวกับถูกผีหลอก ไม่นานความวุ่นวายก็เกิดขึ้น
ฉีฉีวิ่งไปที่เรือนใหญ่พร้อมน้ำตาทั้งเลือดที่หลั่งไหลออกมาจากปากมากมายราวกับมีเหตุร้ายก็ไม่ปาน ไม่นานเรื่องราวเมื่อครู่ก็ถูกถ่ายทอดออกมาให้กับ ลี่ฉุนหรืออู๋ลี่ฉุน บุตรสาวของฟ่านหงกับอู๋จ้ง แม่บ้านใหญ่และพ่อบ้านใหญ่ของจวนแม่ทัพเซวีย สามคนที่มีอำนาจรองลงมาต่อจากผู้เป็นเจ้าของจวน นั่นก็เพราะในอดีตฟ่านหงเคยเป็นมือซ้ายที่ตามติดฮูหยินผู้เฒ่าก่อนที่จะจากไป เมื่อคนสำคัญจากไปคนที่เหลืออยู่จึงได้รับหน้าที่ให้ดูแลจวน ไม่นานก็สามารถควบคุมดูแลทั้งหมดแทนเซวียหลิงจ้านอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะอู๋ลี่ฉุน ที่ทำราวกับตนเป็นฮูหยินของจวนก็ไม่ปาน คอยสั่งการดูแลทุกอย่าง ด้วยในใจก็อยากจะเป็นฮูหยินของเซวียหลิงจ้านด้วยนั่นเอง ยิ่งเจ้าของจวนน้อยครั้งที่อยู่จวน อำนาจเบ็ดเสร็จจึงตกเป็นของสามพ่อแม่ลูกโดยทันที
ในจวนบ่าวคนใดที่แข็งข้อไม่มีจุดจบดีสักคน หากอยากอยู่รอดต้องทำตัวสงบเสงี่ยมและไร้ตัวตนเข้าไว้ หรือไม่ก็หากประจบประแจงทั้งสามได้ดีก็อาจจะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
ตามหลังฉีฉีมาก็เป็นบ่าวอีกสองคนที่รีบวิ่งมาบอกเรื่องที่เกิดขึ้น ด้านผู้ที่โดนหักนิ้วนั้นให้บ่าวคนอื่นรีบพาไปหาหมอแล้ว
ด้านลี่ฉุนเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ด้วยอคติเป็นทุนเดิมที่ลู่หรงซินมาแย่งตำแหน่งของตนไป จึงได้คิดจะไปจัดการสตรีผู้นั้นให้ไม่กล้ามาแสดงอำนาจในพื้นที่ของตน แต่ไม่ทันจะได้ไปที่ใดก็พบกับลู่ซินหรงที่ยืนรออยู่หน้าเรือนอยู่แล้ว
“ฮูหยิน เดี๋ยวนี้ไม่ขังตนเองไว้ในเรือนแล้วหรือ จึงได้มีเวลามาทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้” แม้ว่าจะยังไม่เชื่อว่าลู่หรงซินจะกล้าทำ เพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่าอีกฝ่ายเป็นเช่นไร แต่วันนี้เป็นโอกาสที่จะได้ระบายความไม่พอใจออกไป ผิดไม่ผิดอย่างไร วันนี้ลู่หรงซินก็ไม่รอดแน่