ตอนที่ 3 : สตรีโง่งม 1/3
ตอนที่
[1]
สตรีโง่งม
ลู่หรงซิน บุตรสาวของอดีตฮูหยินเอกผู้ล่วงลับไปแล้วของเสนาบดีลู่ นางเป็นคนหัวอ่อน ไม่ว่าแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดาผู้นั้นจะว่าเช่นไรก็เชื่อไปเสียหมดจนตนเองแทบจะกลายเป็นตัวตลก จนกระทั่งโดนหลอกสร้างสถานการณ์ให้ไปพบกับบุรุษผู้หนึ่ง ฉูหวังหมิ่น เบื้องหน้าเป็นบัณฑิตหน้าซื่อท่าทางใจดี เขาเป็นเจ้าของร้านขายหนังสือเล็ก ๆ ในตรอกเมืองหลวง แต่เบื้องหลังคือผีพนันและลุ่มหลงในสตรีเร่าร้อนมากมาย เขาทำทีเข้ามาช่วยเหลือลู่หรงซินในตอนที่พบเจอเหตุการณ์อันน่าหวาดหวั่น สุดท้ายก็ได้พูดคุยกันทำให้จากนั้นทั้งคู่ต่างก็เกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน
และลู่หรงซินก็กลายเป็นสตรีโง่งมยิ่งขึ้นหลังจากนั้น
ฉู่หวังหมิ่นคือคนที่เมิ่งเจียอีและลู่ซูเจียว มารดาเลี้ยงและน้องสาวต่างมารดาส่งมาเพื่อสร้างสถานการณ์ แต่ลู่หรงซินไม่รู้!
ที่จริงแล้วทั้งคู่ต้องการให้ฉู่หวังหมิ่นทำให้ลู่หรงซินแปดเปื้อนและสุดท้ายนางก็ต้องตบแต่งออกไปกับเขา
แต่ทว่าจู่ ๆ เหตุการณ์ก็พลิกผันเมื่อฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้แม่ทัพผู้มากฝีมืออย่าง เซวียหลิงจ้าน กับบุตรีของเสนาบดีลู่และฮูหยินเอก
เพราะเขามีคุณความดีในการปราบพวกนอกด่านที่แข็งข้อต่อชายแดนของแคว้นฝั่งตะวันตกไว้ได้สำเร็จ
เดิมทีตระกูลลู่ก็คงไม่รู้สึกติดขัดอันใด ออกจะรู้สึกดีมากเสียด้วยซ้ำ ตระกูลเซวียนั้นสร้างผลงานต่อแคว้นมากมาย แม้บุรุษทั้งตระกูลจะตายในสงครามใหญ่เมื่อหลายปีก่อนและสตรีในจวนก็ยังออกไปช่วยสู้รบจนสุดท้ายก็ตายตกไปตามกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเหลือเซวียหลิงจ้านที่มากฝีมือ สามารถนำพาตระกูลเติบโตให้ยิ่งใหญ่ได้เหมือนเดิมด้วยตัวคนเดียวและเป็นที่ไว้วางใจกับฝ่าบาทเป็นอย่างมาก ทรัพย์สมบัติในจวนก็มากมาย อีกทั้งหากแต่งเข้าก็ไม่มีฮูหยินผู้เฒ่าให้กวนใจ จะกลายเป็นนายหญิงของจวนแต่เพียงผู้เดียว
แต่ทว่าพวกเขาตัดสินใจเลือกข้างแล้ว และยังมีแผนการใหญ่ในภายภาคหน้า หากถึงยามนั้นตระกูลเซวียก็ไม่นับว่าเป็นอันใด
ฉะนั้นการเล่นเล่ห์สับเปลี่ยนเจ้าสาวจึงเกิดขึ้น และฝ่าบาทก็ไม่ทันได้คัดค้านอันใด
บุตรีของภรรยาเอก ที่เดิมควรเป็นลู่ซูเจียว กลับกลายเป็นลู่หรงซิน ที่เป็นบุตรีภรรยาเอกเช่นกัน แต่เป็นในอดีตก็ไม่นับว่าผิดอันใด
แท้จริงแล้วนี่เป็นเกมการเมืองโดยแท้จริง ฝ่าบาทรู้ดีว่าองค์ชายสามมีการเคลื่อนไหวบางอย่าง และเตรียมการหลายอย่างเพื่อที่จะขึ้นเป็นผู้ครองบัลลังก์ต่อไป และรากฐานที่จะทำให้แข็งแกร่งได้ นั่นก็คือการหาตระกูลที่มีอำนาจเข้ามาส่งเสริมกัน ตระกูลลู่เป็นตระกูลใหญ่และมีอำนาจเพราะเสนาบดีลู่ก็มีบทบาทในท้องพระโรงไม่น้อย และลู่ลี่หมิงก็เลือกข้างองค์ชายสาม ดังนั้น ลู่ซูเจียว จึงถูกวางตัวในกระดานนี้ในฐานะพระชายาขององค์ชายสามแล้ว หรือไม่ก็อาจจะข้ามขั้นไปเป็นฮองเฮาเลยก็เป็นได้
ถึงจะรู้ว่าหนทางข้างหน้าตนจะอยู่เหนือผู้คนเพียงใดแต่ถึงอย่างนั้นในใจของลู่ซูเจียวก็ไม่สงบนัก เซวียหลิงจ้านขึ้นชื่อว่ารูปงามที่สุดในแคว้น แต่บุรุษผู้นั้นกำลังจะเป็นของลู่หรงซิน สตรีไร้ค่า พี่สาวที่นางเกลียดที่สุด!
สิ่งที่พอจะบรรเทาความคิดริษยาในใจของนางลงได้นั่นคือ เซวียหลิงจ้านมีลูกติด แม้จะไม่ใช่ลูกที่แท้จริง แต่อย่างไรก็ถือว่าเป็นลูก หากแต่งเข้าไปก็ต้องกลายเป็นมารดาเลี้ยง ต้องคอยเลี้ยงลูกคนอื่น หน้าที่นั้นนางไม่ต้องการสักนิด!
ก่อนวันมงคลลู่หรงซินไม่ยินยอมร้องไห้ออกมาเสียชุดใหญ่ เสนาบดีลู่จบเกือบจะง้างมื้อตบหน้าบุตรสาวที่เขาไม่ไยดีผู้นี้เสียแล้วแต่ผู้เป็นภรรยาใช้สายตาห้ามปรามไว้
“ข้าสัญญาว่าหากเจ้าแต่งออกไปกับแม่ทัพเซวียแล้ว ข้าจะหาทางให้เจ้าได้หย่ากับเขาในเร็ววัน แล้วเจ้าจะได้ไปอยู่กับคุณชายฉู่เร็ว ๆ”
“จริงหรือเจ้าคะ แต่หากคุณชายฉู่รู้เข้าคงต้องโกรธข้ามากแน่” ลู่หรงซินที่คราแรกจะยินยอมแต่เมื่อนึกถึงหน้าบุรุษที่ตนมีใจก็ส่ายหน้าน้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง แต่ทว่าในช่วงเวลานั้นเสียงหนึ่งกลับดังขึ้น
“ข้ายินยอม”
“คะ…คุณชายฉู่”
“คุณหนูลู่ นี่เป็นเรื่องสำคัญ ราชโองการของฝ่าบาทไม่อาจขัดได้ แต่หากหย่านั้นสามารถทำได้ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะรอท่าน” ฉู่หวังหมิ่นส่งสายตาเชื่อมั่นไปให้หญิงสาว
“ท่านจะไม่รังเกียจข้าใช่หรือไม่”
“ไม่ ข้าไม่มีวันรังเกียจท่าน”
และเพราะเหตุนี้ทำให้ลู่หรงซินขึ้นเกี้ยวแดงมงคลไปในหลายวันต่อมา
แต่ผู้ใดจะรู้ เมื่อแต่งไปก็ไม่มีท่าทีว่าเมิ่งเจียอีจะช่วยเหลือให้นางหย่าแต่อย่างใด คนรักก็ขาดการติดต่อไปตั้งแต่ยามนั้น ราวกับเขาตัดนางออกไปโดยสิ้นเชิง แต่ในใจก็ยังไม่เชื่อว่าเขาจะทำเช่นนั้น คุณชายฉู่เป็นคนดี ไม่มีทางทิ้งนางแน่ คิดได้ดังนั้น จึงรวบรวมความกล้าไปหาเซวียหลิงจ้านที่กลับบ้านมาในรอบสามเดือนตั้งแต่แต่งงานกันไป
“ทะ…ท่าน…แม่ทัพ…ท่านไม่ชอบข้า…ข้าก็ไม่ชอบท่าน…เช่นนั้น ท่านหย่าให้ข้าเถิด” แม้จะหวาดกลัวด้วยนิสัยทุนเดิม แต่จำต้องกล่าวออกไปเพราะอยากออกไปใช้ชีวิตกับบุรุษอันเป็นที่รัก
เซวียหลิงจ้านมองฮูหยินที่ตนเพิ่งตบแต่งเข้ามาแต่ยังไม่ได้เข้าหอกันเมื่อสามเดือนก่อนด้วยสายตายากจะคาดเดา เขาไม่ทันจะกล่าวอันใด ก็มีคนมารายงานบางอย่างเสียก่อน และหลังจากนั้นลู่หรงซินก็ไม่ได้พบเจอเขาอีก จนความอดทนของนางสิ้นสุดลง จึงได้แอบออกจากจวนไปหาฉู่หวังหมิ่น อยากให้เขาช่วยหาทาง เมื่อไปถึงร้านหนังสือของเขากลับพบว่ามันปิดสนิท แต่นางมั่นใจว่าเขาต้องอยู่ในนั้นจึงได้แอบเข้าไป แต่แล้วภาพตรงหน้ากลับทำให้นางตัวแข็งทื่อ ไม่นานดวงตาก็คลอไปด้วยน้ำตาที่ไหลเป็นทาง
“คุณชายฉู่!”
ฉู่หวังหมิ่นและสตรีอีกคนกำลังพลอดรักกันอย่างดูดดื่ม ทั้งคู่อยู่ในสภาพไร้อาภรณ์ปิดกาย คราแรกฉู่หวังหมิ่นตกใจเป็นอย่างมาก พยายามที่จะอธิบายบางอย่าง แต่เมื่อนางไม่ยอมฟังทั้งยังจะเข้าไปทำร้ายสตรีของเขา ความอดทนจึงสิ้นสุดลง
เพียะ!
“ลู่หรงซิน เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
“…..”
“สตรีจืดชืดเช่นเจ้ามีสิทธิ์อันใดมาทำร้ายจี้เออร์ของข้า!!”
“ฮึก ๆ เพราะเหตุใดท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้” ลู่หรงซินส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ แต่ฉู่หวังหมิ่นคิดว่า ไหน ๆ งานของเขาก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเสแสร้งกับสตรีผู้นี้อีกต่อไป
“เพราะข้าไม่เคยชอบเจ้า ไม่ได้ชอบเจ้าตั้งแต่แรก หากไม่ใช่เพราะลู่ฮูหยินให้เงินข้ามามาก มีหรือข้าจะสนใจเจ้า”
“ฮึก”
“แม้จะงดงามแต่ก็จืดชืดไร้เสน่ห์สิ้นดี ไหนจะนิสัยขี้ขลาดเอาแต่หวาดกลัว แต่ที่ข้ายังพอทนได้ อีกอย่างก็เพราะเจ้าไม่ตระหนี่สินเดิมของมารดาเจ้าอย่างไรเล่า ข้าถึงมีเงินเอามาซื้ออาภรณ์สวย ๆ ให้จี้เออร์ของข้าได้ เจ้าน่ะเทียบจี้เออร์ของข้าไม่ได้สักนิด เจ้า….”
“หยุดนะ!!”
ลู่หรงซินฟังเขากล่าวต่อไปไม่ได้อีก มันทำร้ายจิตใจของนางเกินไป จึงได้วิ่งออกมาจากร้านและตรงกลับไปที่จวนตระกูลเซวียทันที จากนั้นจึงตัดสินใจจบชีวิตตนเองเพราะผิดหวังในความรักครั้งนี้
บอกแล้วว่านางโง่งม
โรสในยามนี้เกลียดลู่หรงซินเป็นอย่างมาก
ไม่นานโรสก็ต้องกุมหัวกับภาพที่เห็นในหัวและภาพที่เห็นในโรงหนังลึกลับนั่นอีกครั้ง
ระหว่างที่ความคิดกำลังทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ โรสหรือลู่หรงซินในยามนี้ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ฮูหยิน ข้าวของท่านข้าวางไว้หน้าประตูนะเจ้าคะ!” เสียงนั้นกระแทกกระทั้นราวกับคนไม่พอใจ ไม่นานก็จะได้ยินเสียงวางบางอย่างลงพื้นด้วยเสียงที่ดังเช่นกัน
แม้ตอนนี้จะไม่ชัดเจนว่าจะเริ่มจัดการชีวิตใหม่นี้อย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดในตอนนี้คือ
จัดการบ่าวรับใช้ที่มันเอาแต่ข้าวบูดมาให้ลู่หรงซินกินทุกวันก่อน!!