บทที่ 1 ความน่าเบื่อที่น่าตื่นเต้น (1/2)
จวนแม่ทัพใหญ่…
หานหนิงเฉิงตื่นนอนตั้งแต่ยามฟ้าสาง หรือจะเรียกว่ายังไม่ได้นอนเลยก็ยังได้ นั่นเป็นเพราะใบหน้าที่งดงามสดใสของสตรีบ้าใบ้ผู้นั้นตามไปรบกวนเขาถึงในห้วงแห่งความฝันจนต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ฝ่ามือหนาใช้ค้ำยันประคองศีรษะเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งได้แต่ยกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยสายตาที่เลื่อนลอย
“ท่านแม่ทัพ ไยท่านตื่นเช้านักเล่า เช้าเสียยิ่งกว่าตอนไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เสียอีก”
ห่าวซิน บ่าวรับใช้ที่มียศทางการทหารเป็นแม่ทัพชั้นรองที่อยู่ข้างกายเขามาตั้งแต่วัยเยาว์เอ่ยขึ้น หลังจากที่เข้ามาส่งอาภรณ์ชุดใหม่ให้แก่เขาตามคำสั่งของหานฮูหยินผู้เป็นมารดา
“ห่าวซิน ข้าแทบจะไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ” หานหนิงเฉิงบอกกับห่าวซินไปพร้อมกับการอ้าปากหาว
“ยามไม่มีศึก ท่านกลับไม่นอน แต่เมื่อยามมีศึกท่านกลับอยากนอนเสียอย่างนั้น” ห่าวซินได้แต่ส่ายหน้าไม่เข้าใจผู้เป็นนายเลยสักนิด
“ให้น้อย ๆ หน่อยนะห่าวซิน” เขาส่งสายตาเป็นเชิงปรามบ่าวรับใช้ข้างกายเล็ก ๆ
“ท่านแม่ทัพ ฮูหยินฝากเทียบเชิญมาให้ท่านด้วย”
เทียบเชิญทำจากกระดาษชั้นดีถูกส่งมาให้กับเขา หานหนิงเฉิงเปิดอ่านด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะสะบัดหน้าไปมาพร้อมกับวางเทียบเชิญลงบนโต๊ะอย่างไม่สนใจใยดี
“ข้าไม่ไป”
“แต่ฮูหยินกำชับมาว่า งานนี้ท่านไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
“ข้าเบื่อยิ่งนัก”
หานหนิงเฉิงยังคงนั่งเท้าศีรษะจิบชาด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความเบื่อหน่าย พักการศึกแทนที่เขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขแต่กลับต้องออกไปตามเทียบเชิญตามคำสั่งของมารดา แบบนี้สู้ให้เขารั้งตัวอยู่แต่ในค่ายทหารเสียยังดีกว่า
“ข้าจะไปเตรียมรถม้าให้นะขอรับ”
ห่าวซินเข้าอกเข้าใจหานหนิงเฉิงเป็นอย่างดี งานเลี้ยงที่แฝงไปด้วยวิธีการจับคู่ของมารดา และบรรดาสตรีที่อยากเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพจนตัวสั่นถึงได้คิดแต่หาข้ออ้างให้ผู้เป็นนายของเขาออกไปพบเจอเช่นนี้
เมื่อยามโหย่ว [1] มาถึง หานหนิงเฉิงเดินออกจากจวนแม่ทัพด้วยอาภรณ์ผ้าไหมชั้นดีสีเขียวราวกับสีของหยก พร้อมกับฝีมือการปักลายผ้าที่เขาจดจำได้เป็นอย่างดีว่านี่คือฝีมือของมารดาเขา
เรือนผมสีดำมันวาวถูกปล่อยสยายไปกับแผ่นหลังกว้าง อีกครึ่งมวยเอาไว้สวมด้วยกวานเงินสลักลวดลายผูกด้วยริบบิ้นผ้าไหมพลิ้ว
ไสวสีเดียวกับอาภรณ์
ส่วนใบหน้าของเขาหาได้แต่งแต้มสิ่งใด ห่าวซินบอกเพียงว่า การที่เขาไปงานเลี้ยงด้วยใบหน้าซีดเซียวก็ยังดูดีกว่าบรรดาคุณชายที่โหมประโคมโฉมแข่งกับสตรีพวกนั้นหลายเท่านัก
รถม้าประจำจวนของแม่ทัพแล่นออกไปโดยมีห่าวซินเป็นผู้บังคับอาชาให้โลดแล่นไปตามทาง ทำให้เขาได้อยู่อย่างสงบภายในรถม้า ไม่นานห่าวซินก็พาเขามาถึงจวนสกุลหลี โดยมีหลีหานโจว เสนาบดีกรมโยธาเป็นประมุขของตระกูล
เพียงแค่รถม้ามาถึง ผู้คนในงานและบรรดาสตรีต่างก็มารุมล้อมรถม้าของเขาเอาไว้ โดยที่หานหนิงเฉิงยังไม่ทันจะได้ก้าวเหยียบพื้นพสุธาเสียด้วยซ้ำ
“กรี้ด ท่านแม่ทัพมาแล้ว”
“อิจฉาคุณหนูตระกูลหลีนัก หากท่านแม่ทัพถูกใจนาง สตรีทั่วทั้งแคว้นคงจะชอกช้ำไม่น้อย”
เสียงที่ดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่ ทำให้หานหนิงเฉิงพ่นลมหายใจก่อนจะเดินลงจากรถม้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
เขามาถึงก่อนเวลาค่อนข้างมาก ด้วยความที่ด้านในจวนหลีนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวายและน่าเบื่อยิ่งนัก หานหนิงเฉิงจึงเดินลัดเลาะหลีกหนีผู้คนออกมาทางด้านหลังจวนด้วยความเงียบเชียบแต่ทว่า
“คุณชายใหญ่ ปล่อยนังบ้าเถอะนะเจ้าคะ”
เสียงของสตรีที่ฟังแล้วคุ้นหู ทำให้หานหนิงเฉิงหยุดชะงักไปพร้อมกับสาดส่งสายตาสำรวจ เบื้องหน้ามีสตรีที่เขาจำได้ว่าเคยพบเจอที่ตรอกการค้ากำลังยกมือไหว้อ้อนวอนบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังรวบแขนเล็กของสตรีร่างบางเอาไว้แน่น