บทนำ แรกพบสบตา (2/2)
หมับ
หานหนิงเฉิงถึงกับสะดุ้ง เมื่อสตรีที่พากันมาห้อมล้อมเขานั้น เริ่มใช้ฝ่ามือเรียวบางสัมผัสลูบไล้ไปตามเรือนกายของเขาอย่างวาบวาม
เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ จนไม่อาจย่ำอาชาเชื่องช้าต่อไปได้อีก ไม่เช่นนั้นเห็นทีแม่ทัพเช่นเขา คงจะถูกตรึงเอาไว้อยู่กลางตรอกการค้าให้พวกนางเหล่านั้นรุมย่ำยีเป็นแน่
เขาจึงออกแรงกระตุกบังเหียนด้วยความแรง เพื่อให้อาชาพุ่งทะยานฝ่าวงล้อมของสตรีมากมายออกไปด้วยความตื่นกลัว ข้าศึกที่แข็งแกร่งยังไม่สามารถทำให้เขาหวาดกลัวได้มากเพียงนี้ หานหนิงเฉิงจึงบังคับอาชาอย่างไม่คิดชีวิต จนลืมไปว่าเบื้องหน้ายังมีผู้คนมากมายเดินอยู่เต็มสองฝั่งทาง
ฉับพลันดวงตาคมคายที่มองเห็นได้เป็นอย่างดีในระยะไกล มองเห็นสตรีร่างบางอรชรผู้หนึ่งกำลังวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากซอกหลืบเล็ก ๆ ภายในตรอกการค้า โดยที่นางผู้นั้นไม่ได้มองทางแต่อย่างใด อีกทั้งความเร็วของอาชาของเขานั้น ถือได้ว่าอยู่ในระยะประชิด ไม่ว่าเขาจะชะลอความเร็วลงเพียงใด สตรีผู้นั้นก็ไม่อาจหลบพ้น
“ระวัง!”
หานหนิงเฉิงได้แต่ตะโกนบอกสตรีเบื้องหน้าด้วยเสียงดังระคนไปด้วยความตกใจไม่แพ้กัน แต่ทว่าเสียงของเขากลับไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต่อนางเลยสักนิด
พลั่ก
โอ๊ย
อาชาสีนิลของเขาพุ่งชนร่างบางเข้าอย่างจัง จนร่างเล็กลอยละลิ่วไปเบื้องหน้าและตกลงสู่พื้นอย่างแรง ทำให้หานหนิงเฉิงรีบรุดลงจากอาชาเข้าไปดูสตรีผู้นั้นด้วยความเป็นห่วง เขาผิดเองที่ควบอาชาด้วยความเร็วที่เกินพอดีในย่านที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้
“เป็นอันใดหรือไม่” เสียงนุ่มทุ้มสุขุมเอ่ยถามขึ้นด้วยความอ่อนโยน
หานหนิงเฉิงชันเข่าลงข้างหนึ่ง ก่อนจะใช้ฝ่ามือหนาประคองร่างบางเอาไว้ประชิดอก โชคดีนักที่เขาชะลอความเร็วลงได้มากแล้วบนเรือนกายของนางจึงมีเพียงบาดแผลถลอก และฟกช้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“อื้อ ละ…หล่อ หล่อนัก”
ดวงตากลมโตใสซื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา นัยน์ตาของนางทอประกายขึ้นอย่างงดงาม จนหานหนิงเฉิงได้แต่ชะงักนิ่งไปกับดวงตาคู่สวยของสตรีที่เขาประคองเอาไว้ ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มเปรยขึ้นชมเขาไม่ขาดปาก พร้อมกับส่งฝ่ามือบางที่เปื้อนดำไปด้วยเศษฝุ่นเศษดินเข้ามาประคองใบหน้าของเขาด้วยความแผ่วเบา
แม้จะรู้ว่าฝ่ามือของนางเปื้อนและสกปรกเพียงใด แต่เขากลับหยุดนิ่งให้นางลูบไล้ใบหน้าของเขาได้อย่างตามใจ และไม่ได้นึกรังเกียจนางเลยแม้แต่น้อย
หานหนิงเฉิงจ้องมองสตรีผู้นี้อย่างไม่วางตา แม้ว่าสิ่งที่นางเอ่ยออกมาจะไม่ต่างจากสตรีผู้อื่นที่ทำให้เขารู้สึกขยาดและหวาดกลัว แต่ทว่ากับนางที่อยู่ในอ้อมกอด เขากลับไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนั้นเลย
มิหนำซ้ำใบหน้าของสตรีในอ้อมแขนผู้นี้ยังมีหน้าตาสวยงดงามและสดใสจนตกตะลึง แม้จะเปื้อนมอมแมมไปบ้างก็ตามที แต่กลับดูดีแทบไม่ต่างไปจากบุตรีของขุนน้ำขุนนาง หานหนิงเฉิงส่ายหน้าเพื่อให้หลุดออกจากภวังค์ ก่อนจะเอ่ยถามนางอีกครั้ง แต่ทว่า
“แหมนังบ้า! ข้านึกว่าเจ้าพูดไม่ได้เสียอีก เฮอะ ที่ไหนได้เห็นบุรุษรูปงามหน่อยไม่ได้เลยนะ”
สตรีร่างอ้วนกลมปรี่เข้ามากระชากร่างบางออกไปจากมือของเขาด้วยความแรง จนร่างบางลอยออกไปตามแรงดึง
“ท่านแม่ทัพ ข้าขออภัยด้วยนะเจ้าคะ นางเป็นเพียงสตรีบ้าใบ้เท่านั้น”
“บ้าใบหรือ” หานหนิงเฉิงถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
สตรีผู้นั้นเอ่ยขอโทษเขาเสียยกใหญ่ พร้อมกับฉุดรั้ง ลากดึงร่างบางที่จ้องมองสบตากับเขาจนหายลับตาไป ทิ้งให้หานหนิงเฉิงลืมเลือนวาจาที่จะเอ่ยถามเสียหมดสิ้น
“เฮ้อ ข้าเป็นอันใดของข้า”
หานหนิงเฉิงได้แต่มุ่นคิ้วแน่น กับคำเรียกของสตรีอวบอ้วนผู้นั้น “นางเป็นสตรีจิตฟั่นเฟือนอย่างนั้นหรือ ไยมีเสน่ห์นักเล่า หรือเป็นข้าที่บ้าไปแล้วกระมัง”
ริมฝีปากหนาสุขภาพดีเปรยรอยยิ้มขึ้นมาจาง ๆ ก่อนที่เขาจะควบอาชากลับไปยังจวนแม่ทัพด้วยความรู้สึกตราตรึง ด้วยใบหน้าและแววตาที่เปล่งประกายอย่างงดงามเมื่อยามแรกพบสบตาทำให้หานหนิงเฉิงได้แต่นึกถึงสตรีผู้นั้นอยู่ตลอดทั้งค่ำคืน
นอกจากหลินลี่หมิงชายาจองท่านอ๋องแล้ว สตรีที่ไม่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว เห็นทีคงจะมีเพียงสตรีบ้าใบ้ผู้นี้ที่เขารู้สึกสนใจในตัวนางตั้งแต่แรกที่ได้สบตา
“หวังว่าข้าจะได้มีโอกาสพบเจอกับเจ้าอีกครั้ง…”