ตอนที่ 8 คืนเข้าหอ
ตอนที่ 8
หลังจากนั่งเงียบ ๆ สักพัก หย่งฝูสั่งให้บ่าวไพร่เข้ามาจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย พอบ่าวไพร่เก็บถ้วยชามไปจนหมดแล้ว เขาก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวนอกออก
“ท่านจะทำอะไรนะ”
เหม่ยอิงรีบยกมือขึ้นปิดตาแทบไม่ทัน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะแก้ผ้าออกหมด
“ดึกมากแล้วเจ้าจะไม่นอนหรืออย่างไร”
หย่งฝูกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างสบายอารมณ์
เหม่ยอิงแยกนิ้วมือกางออก มองลอดผ่านปลายนิ้วมือ พอเห็นชายหนุ่มนอนหลับตาบนเตียงอย่างมีความสุข คิ้วเรียงสวยขมวดมุ่นเข้าหากัน หญิงสาวรีบลุกขึ้นขยับเข้าไปใกล้เตียง
“เราจะต้องนอนเตียงเดียวกันหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามในสิ่งที่กำลังสงสัย
“ใครบอก นี้คือเตียงของข้า ส่วนเจ้าก็หาที่นอนเอาเอง” หย่งฝูตอบโดยไม่ยอมลืมตาขึ้น
คนงามอ้าปากค้าง ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยแม้แต่น้อย เป็นผู้ชายควรจะเสียสละให้ผู้หญิงนอนบนเตียงสิ ส่วนตัวเองก็นอนพื้นไป...เรื่องอะไรที่นางจะต้องนอนบนพื้นแข็งกระด้างหรือนอนบนตั่งขนาดเล็กนั่น
เหม่ยอิงรีบอ้อมไปขึ้นเตียงจากอีกด้าน ไม่ได้คิดหวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะข่มเหงนางหรือเปล่า เพราะตามที่เขาพูดและแสดงออก เขาไม่ได้พิศวาสนางแม้แต่น้อย
“ไม่ได้ฟังที่ข้าพูดหรือ เจ้าไปนอนที่อื่น บนตั่งเล็กก็ได้”
หย่งฝูรู้สึกว่าฟูกยวบยาบลง พอลืมตาขึ้นมอง พบว่าคนตัวเล็กขึ้นมานอนอยู่เคียงข้างแล้ว สีหน้าที่แสดงออกจึงไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
“ไม่คนที่ลงไป ควรเป็นท่านต่างหาก”
เหม่ยอิงตอบหน้าตาย นอนกางแขนกางขาออกกว้าง หลับตาพริ้มกวนอารมณ์คนข้าง ๆ
“ได้ ไม่ยอมลงดี ๆ ใช่ไหม” หย่งฝูแค่นเสียงลอดไรฟัน
จากนั้นบนเตียงไม้ก็เกิดศึกแย่งชิงเตียงนอนกันขึ้น ต่างฝ่ายต่างยื้อยุดฉุดกระชาก พยายามให้อีกฝ่ายลงจากเตียง แบบไม่มีใครยอมใคร
จนเตียงไม้ขยับไปมา ขาไม้ทั้งสี่เสียดสีกับพื้นจนเกิดเสียงดังขึ้น เล็ดลอดออกไปภายนอกเรือน ทำให้บ่าวไพร่ที่จางฮูหยินส่งมาแอบฟัง พากันหน้าแดงไปตาม ๆ กัน จินตนาการถึงท่าร่วมรักอันเร่าร้อนของคู่บ่าวสาว ว่าถึงพริกถึงขิงขนาดไหน ถึงขาเตียงได้ดังมากขนาดนี้
...ตุ๊บ...
“โอ๊ย”
ร่างของคนตัวเล็กถูกคนตัวโตกว่า ถีบจนตกจากเตียงลงมากระแทกพื้น ส่วนคนที่ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ ก็ขยับกายทิ้งตัวลงนอน กางแขนกางขา ไม่เหลือที่ว่างให้ผู้อื่นขึ้นมานอนได้อีก
เหม่ยอิงลุกขึ้นยืน ใบหน้างามงอง้ำ มือข้างหนึ่งลูบบั้นท้ายที่กระแทกกับพื้นอย่างแรง อยากจะหวีดร้องออกมาดัง ๆ ก็ทำไม่ได้ ครั้นจะกลับขึ้นไปบนเตียงต่อก็คงสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้เหมือนเดิม ทำได้เพียงกระทืบเท้าระบายอารมณ์อยู่กับที่
“แม่ทัพอย่างท่าน รู้จักไหมคำว่าสุภาพบุรุษ”
“รู้จัก แต่พอดีข้าไม่ชอบทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ”
หย่งฝูตอบหน้าเฉย โยนหมอน ผ้าห่มให้ผู้พ่ายแพ้ พร้อมกับชี้มือไปทางตั่งเล็ก
เหม่ยอิงทำปากขมุบขมิบ แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา หญิงสาวก้มลงหอบหมอนผ้าห่ม ไปนอนลงบนตั่งที่มีขนาดพอดีตัวนาง แต่ไม่มีฟูกนุ่มเหมือนบนเตียงนะสิ
นัยน์ตาหงส์มองค้อนคนตัวโต ที่นอนอมยิ้มมองการกระทำของนางอยู่ จากนั้นจึงนอนตะแคงหันหลัง ให้เจ้าบ่าวกำมะลอ ไม่นานก็เผลอหลับไปในที่สุด
“เจ้าตื่นได้แล้ว”
ยามอิ๋น (03.00-04.59) หย่งฝูลุกขึ้นมาแต่เช้ามืด เดินมาหยุดอยู่ข้างตั่งเล็ก พยายามปลุกหญิงสาวให้ตื่น เพราะคิดว่ามารดาอาจจะส่งคนเข้ามาดูยามฟ้าสางแน่ แต่คนตัวเล็กที่นอนคุดคู้ใต้ผ้าห่มไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่าย ๆ
“นอกจากตะกละแล้วยังขี้เซาอีก”
ชายหนุ่มบ่นออกมา ในเมื่อปลุกไม่ยอมตื่น ก็ต้องใช้วิธีการอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมา โดยไม่ได้คิดว่าคนตัวเล็กอย่างนาง จะหนักมาก จนทำให้เขาเสียหลักล้มลงบนตั่ง ในลักษณะที่ทับบนตัวของอีกฝ่าย ริมฝีปากสัมผัสถูกริมฝีปากอวบอิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ
หย่งฝูนิ่งค้างไปพักหนึ่ง เพราะนี้เป็นครั้งแรก ที่ได้ลิ้มรสริมฝีปากอุ่นนุ่มของสตรี แต่ก็รีบสะบัดศีรษะขับไล่ความรู้สึกหวิว ๆ ออกไป กลั้นใจออกแรงอุ้มคนตัวเล็กอีกครั้ง จนสามารถพาไปนอนบนเตียงได้สำเร็จ
“ขนาดนี้ยังไม่ตื่น หากข้าลักหลับเจ้า คงจะไม่รู้สึกตัวหรอกกระมัง”
แม่ทัพหนุ่มส่ายหัว ปีนกลับขึ้นไปนอนบนเตียงเคียงข้างเจ้าสาวกำมะลออีกครั้ง แล้วหลับไปในที่สุด
“หมอนข้างกอดเต็มไม้เต็มมือดีจัง”
เหม่ยอิงงัวเงียตื่นขึ้นมา มือเล็กควานไปตามหมอนข้างที่นางก่ายกอดอยู่ทั้งแขนและขา...แต่ว่าบนตั่งที่นางนอนไม่มีหมอนข้างนี้นา
นัยน์ตาหงส์เปิดกว้าง มองเห็นหมอนข้างตามความเข้าใจของนางชัดเต็มสองตา
“กรี๊ด”
...พลั่ก...
“โอ๊ย”
เสียงหวีดร้องด้วยความตกใจดังขึ้นมา พร้อมกับบางสิ่งบางอย่างที่หนักมากหล่นลงมาจากเตียงนอน
“เจ้าถีบข้าทำไม” หย่งฝูกัดฟันถามออกมา
ยังไม่ทันที่เหม่ยอิงจะได้โวยวาย สาวใช้ของจางฮูหยินสองคนก็ถือวิสาสะเข้ามาในห้องนอน ตามคำสั่งของนายหญิงใหญ่ของจวน
“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ”
สายตาสองคู่จับจ้องมองหญิงสาวบนเตียง ที่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมปิดลำตัวจนหมด สลับกับแม่ทัพหนุ่มที่กำลังยันกายลุกขึ้นยืน
“ไม่มีอะไร ข้าคิดจะลักหลับภรรยาข้า นางเกิดตกใจเลยถีบข้าตกเตียง พวกเจ้ารีบออกไป อย่าเสียมารยาท สามีภรรยาเข้าจะพลอดรักกัน” หย่งฝูจ้องหน้าคนบนเตียงเขม็ง ห้ามไม่ให้เอ่ยคำใดออกมา
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งสองหน้าแดงยอมถอยร่นออกไปโดยดี และเตรียมนำสิ่งที่เห็นไปรายงานจางฮูหยินด้วย ว่าฮูหยินของท่านแม่ทัพเป็นสตรีที่กักขฬะจริง ๆ
“เจ้าเป็นบ้าอะไร”
ทันทีที่สาวใช้ออกไปแล้ว หย่งฝูหันมาเล่นงานฮูหยินของเขา แต่พยายามใช้เสียงแผ่วเบาที่สุด
“ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม ท่านคิดจะทำอะไร นี้คิดจะลักหลับข้าจริง ๆ ใช่ไหม คนลามก ผิดคำพูด นิสัยไม่ดี ปากพูดอีกอย่าง แต่กลับทำอีกอย่าง” เหม่ยอิงพ่นคำออกมาเป็นชุด แทบไม่หายใจหายคอ
หย่งฝูกลัวสาวใช้ด้านนอกจะได้ยิน รีบกลับขึ้นเตียง เอามือปิดปากของหญิงสาวเอาไว้แน่น แม้อีกฝ่ายพยายามจะดิ้นรนต่อสู้ก็ไม่ยอมปล่อย
“ข้าเคยบอกว่าไม่พิศวาสเจ้าเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น ที่อุ้มพามานอนนี้ ก็เพื่อตบตาคนของท่านแม่เท่านั้น คิดได้เช่นไรว่าข้าอยากแตะต้องเจ้า แม้แต่ปลายก้อยข้ายังไม่อยากสัมผัสเลย” หย่งฝูได้ทีก็ร่ายเป็นชุดเช่นกัน
เหม่ยอิงหลุบตามองต่ำ หย่งฝูมองตาม จึงรีบคลายมือออก แล้วขยับถอยออกห่าง
“ไม่ได้คิดก็ดี” หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมา
“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว...แต่ตอนนี้เจ้าช่วยข้าเขย่าเตียง และส่งเสียงครางดัง ๆ ก่อน”
เหม่ยอิงเข้าใจว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร เพียงแต่ว่านางไม่รู้จะครางอย่างไร เสียงที่เล็ดลอดออกไปจึงเหมือนวัวที่กำลังถูกเชือด
จนทำให้สาวใช้ทั้งสองที่แอบฟัง จินตนาการถึงท่าทางพิสดารและความรุนแรงจากการร่วมรัก ทำให้พากันทนฟังไม่ไหว รีบวิ่งหนีกลับไปรายงานเรื่องต่าง ๆ ให้จางฮูหยินทราบ...