บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 แต่งงาน

ตอนที่ 7

“หลินเอ๋อร์ หายหน้าหายตาไปนานเลย ไม่สบายหรือเปล่าลูก”

จางฮูหยินลูบใบหน้าซูบผอมของหญิงสาวคราวลูก ที่หายหน้าไปเลย นับตั้งแต่วันที่มาต้อนรับการกลับมาของบุตรชาย

“ดูสิ แม่ว่าลูกผอมลงไปมาก”

“ท่านแม่ ลูกไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ เพียงแค่กินไม่ได้นอนไม่หลับ ยิ่งพอทราบข่าวเรื่องงานแต่งของท่านพี่ด้วยแล้ว”

กุ้ยหลินก้มใบหน้าลง เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ บีบน้ำตาให้ไหลออกมา

“โธ่...หลินเอ๋อร์ เรื่องนี้แม่ก็เห็นใจเจ้า แต่ว่า...”

“เรื่องที่ท่านพี่ไม่เอ็นดูลูก ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ลูกกินไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ แต่เป็นเรื่องข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูสกุลชุนต่างหาก” กุ้ยหลินรีบเอ่ยแทรกขึ้นมา ก่อนที่จางฮูหยินจะกล่าวจบ

“ข่าวลืออะไรหรือ” นายหญิงของจวนย่นคิ้วสีหน้าแสดงความใคร่รู้กับข่าวลือของว่าที่ลูกสะใภ้

คุณหนูสกุลเฉียนได้ที เหลียวมองซ้ายขวา เมื่อไม่เห็นว่ามีใคร จึงได้ขยับเข้าไปกระซิบกระซาบข้างหูของหญิงวัยกลางคนอยู่เป็นนาน

“ตายจริง นางนิสัยแย่ขนาดนี้เชียวหรือ ฝูเอ๋อร์นะฝูเอ๋อร์ ทำไมถึงถูกนางหลอกเอาได้ง่าย ๆ”

จางฮูหยินยกมือทาบอก ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าว่าที่ลูกสะใภ้ นอกจากจะนิสัยไม่ดี ยังไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ดูอย่างไรก็ไม่มีคุณสมบัติ ที่จะเข้ามาเป็นฮูหยินเอกของแม่ทัพใหญ่...ไม่ได้ นางจะไม่ยอมรับคนแบบนี้มาเป็นลูกสะใภ้เป็นอันขาด

“แม่จะไปพูดกับฝูเอ๋อร์ให้รู้เรื่อง ลูกรอแม่อยู่นี้ก่อน”

เฉียนกุ้ยหลินรับคำอย่างว่าง่าย พอคล้อยหลังของผู้อาวุโสกว่า รอยยิ้มพึงใจก็ปรากฏบนใบหน้า ต่อให้ได้แต่งเข้ามาแล้วอย่างไร หากไม่ได้ใจแม่สามีไปครอง ก็อย่าหวังว่าจะอยู่ที่จวนสกุลโจวอย่างสงบสุขเลย

นางไม่มีวันปล่อยให้คนที่นางหมายปอง ไปเป็นของคนอื่นหรอก สักวันนางจะต้องแย่งเขากลับคืนมาแน่

หลังจากอดทนนั่งรออยู่สองเค่อ เสียงย้ำเท้าที่หนักกว่าเดิม บ่งบอกอารมณ์ของเจ้าของเสียงฝีเท้าได้เป็นอย่างดี สาวงามรีบตีหน้าสลดลง ก่อนที่หญิงวัยกลางคนจะเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามา

“เจ้าลูกคนนี้ ไม่รู้ได้นิสัยใครมา ยืนกรานว่ายังไงก็จะแต่งกับแม่นั่นเพียงคนเดียว...เหอะ...คอยดูนะ แม่จะกระชากหน้ากากให้ฝูเอ๋อร์ตาสว่าง ว่าภรรยาที่เขาเลือก ไม่มีอะไรดีเลยแม้แต่น้อย”

หน้าอกกระเพื่อมตามลมหายใจเข้าออก ตอนแรกจางฮูหยินก็ยินดีต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่หรอก แต่พอได้ฟังคำของกุ้ยหลินแล้ว ทำให้นางเริ่มไม่ชอบพอ จนไม่อยากได้คุณหนูสกุลชุนเข้ามาเกี่ยวดองด้วย

“ท่านแม่อย่าโมโหไป ต้องรักษาสุขภาพด้วย ในเมื่อท่านพี่ชอบพอแม่นางชุน พวกเราก็คงต้องทำใจเจ้าค่ะ ข้าละสงสารท่านแม่เหลือเกิน หากเป็นข้าที่ได้แต่งกับท่านพี่...”

“ไม่ต้องห่วง อย่างไรแม่ก็จะทำให้ฝูเอ๋อร์รับลูกเข้ามาเป็นฮูหยินอีกคนแน่ สะใภ้สกุลโจวต้องเป็นเจ้าเท่านั้น”

เฉียนกุ้ยหลินยิ้มบาง ยกมือไหว้มารดาของแม่ทัพหนุ่ม เสาหลักที่นางควรยึดเกาะเอาไว้ให้แน่นที่สุด เพราะเป็นคนเดียวที่จะทำให้นางได้สมหวังในสิ่งที่ต้องการ...

เช้าวันรุ่งขึ้น ขบวนแห่รับเจ้าสาวได้เคลื่อนตัวออกจากจวนสกุลโจว ตรงไปยังจวนสกุลชุน โดยการนำของเจ้าบ่าวในชุดสีแดงสด ที่กำลังควบอาชาคู่ใจนำหน้าขบวน

พอถึงหน้าจวนของเจ้าสาว ก็ดำเนินการตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิมทุกอย่าง จนกระทั่งเสร็จสิ้นพิธี

เจ้าสาวที่สวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้า ก็ถูกพาตัวมาขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว จากนั้นขบวนแห่ก็เคลื่อนขบวนกลับไปยังสกุลโจวตามเดิม

ต่อจากนั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ทำพิธีสามคำนับ หนึ่งคำนับฟ้าดิน สองคำนับบิดามารดา สามคำนับกันเอง

เมื่อเสร็จสิ้นทุกกระบวนการเรียบร้อย ก็มาถึงขั้นตอนส่งตัวเข้าหอ แม่ทัพหนุ่มไม่ได้โอ้เอ้อยู่กับการดื่มฉลองกับบรรดาสหายทั้งหลายจนดึกดื่นมากนัก แต่ตรงมาที่เรือนหลักส่วนหลัง ซึ่งเขาขอบิดาให้ใช้เป็นเรือนหอของเขา แทนการอยู่ที่เรือนหลักส่วนหน้า เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวมากที่สุด

ภายในห้องนอนใหญ่ เจ้าสาวไม่ได้นั่งหลังตรงรออยู่บนเตียงเฉกเช่นสตรีอื่น แต่ยามนี้นางกำลังเอนหลังพิงหัวเตียง สองขายกวางราบบนเตียงนอนนุ่ม ศีรษะสัปหงกไปหน้ามาหลังไม่หยุด

จนการสัปหงกครั้งสุดท้าย ทำให้ร่างบางตะแคงข้างกำลังจะตกจากเตียงนอน

ด้วยสัญชาตญาณ หย่งฝูรีบขยับกายไปรับร่างบอบบางเอาไว้ ผลที่ได้คือศีรษะของเจ้าสาวซบอยู่บนไหล่ของเขาแทน ผ้าคลุมเจ้าสาวขยับหลุดออกจากใบหน้าอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นใบหน้าที่แต้มไปด้วยสีสัน ขับความงามที่มีอยู่เดิม ให้งามมากยิ่งขึ้นอีก

“จะนอนซบไหล่ข้าอีกนานไหม” เสียงเข้มเอ่ยปลุกเสียงดัง

ชุนเหม่ยอิงสะลึมสะลือ ลืมตาตื่นขึ้นมา พอเห็นว่านางอยู่ใกล้ชิดใบหน้าของเทพบุตรหล่อเหลามากเกินควร จึงรีบขยับกายถอยหลังหนี

“ท่านจะทำอะไรข้า คิดจะกลับคำพูดหรือ ที่ว่าเราสองคนจะไม่มีอะไรเกินเลยกัน”

“เจ้านี้ช่างโวยวายเหลือเกินนะ ต่อให้เจ้าแก้ผ้าข้าก็ไม่มีอารมณ์พิศวาสเจ้าลงหรอก อย่าหลงตัวเองหน่อยเลย สตรีอะไรนอนหลับได้น่าเกลียดพิลึก”

หย่งฝูชักสีหน้า ไม่รู้ว่าสตรีตรงหน้าเอาสมองส่วนไหนคิด ว่าเขาจะล่วงเกินนาง...เหอะ...ต่อให้เปลือยกายทั้งตัว เขาก็ไม่หวั่นไหวหรอก ไม่อย่างนั้นคงมีเหย้ามีเรือนไปนานแล้ว

ในเมื่อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวหลุดไปเองแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่จำเป็นต้องทำตามพิธีอะไรอีก จึงขยับมาทิ้งกายลงนั่งข้างโต๊ะที่มีอาหารและสุรามงคลจัดวางเอาไว้อยู่

...โครก...

เสียงท้องร้องน่าเกลียดดังขึ้น ทำให้หย่งฝูต้องเอื้อนเอ่ยขึ้นมา

“หิวก็ลงมากิน ข้าไม่อยากฟังเสียงน่าเกลียดนี้ไปตลอดคืน”

เหม่ยอิงรีบลงมาจากเตียง กำหมัดชกลมอยู่ด้านหลังชายหนุ่ม พอเขาหันหน้ากลับมามอง นางก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินไปทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามเจ้าบ่าวในนามของนาง

จากนั้นก็ไม่สนใจอะไรอีก ตั้งหน้าตั้งตาจัดการอาหารมากมายบนโต๊ะ คำแล้วคำเล่าที่ถูกตักเข้าใส่ปากเล็ก โดยที่เจ้าตัวไม่สนใจว่าท้องแบนราบนั้นจะรับอาหารมากมายขนาดนี้ได้ไหวหรือ

ทางด้านหย่งฝู ที่รับประทานอาหารอย่างช้า ๆ เคี้ยวข้าวให้ละเอียดก่อนค่อยกลืน มองหญิงสาวตรงหน้าตาค้าง เท่าที่จำความได้ เขาไม่เคยเห็นสตรีคนใดกินเยอะและกินมูมมามเหมือนเจ้าสาวกำมะลอของเขามาก่อนเลย

ยิ่งเห็นท่าทางเอร็ดอร่อยของคนตรงหน้า เขาจึงล้างไม้ล้างมือ อิ่มไปโดยปริยาย

“ท่านอิ่มแล้วหรือ ยังเหลืออยู่เยอะ น่าเสียดาย” เหม่ยอิงที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า จึงหิวมากกว่าปกติเป็นธรรมดา บวกกับแม่ครัวของที่นี่ ทำอาหารได้ถูกปากนางมากด้วย

“เห็นเจ้าสวาปามแล้วข้ากินไม่หลง” หย่งฝูกล่าวออกมาตามตรง

เหม่ยอิงไม่สนใจคำค่อนแขวะนั่น เอาไว้รอให้ท้องของนางเต็ม จนมีแรงเต็มร้อยก่อนเถอะ คอยต่อปากต่อคำก็ยังไม่สาย

ครึ่งชั่วยามทั้งอาหารและสุรามงคลก็เกลี้ยงโต๊ะ ชนิดที่ว่าไม่มีอะไรติดถ้วยชามเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

“อิ่มจัง” มือเรียวงามลูบหน้าท้องที่ยื่นออกมามากกว่าเดิมเอาการ สีหน้าฉายแววความสุขจากการได้กินอิ่มหนำสำราญ

ส่วนหย่งฝูถึงกลับส่ายหน้าในความตะกละตะกลามของอีกฝ่าย ตัวเล็กแค่นี้ไม่รู้กินเข้าไปได้ยังไงจนเกลี้ยงโต๊ะ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel