ตอนที่ 3 พบเจอกันถือเป็นวาสนา
ตอนที่ 3
“นายน้อย กลุ้มใจเรื่องแต่งงานหรือขอรับ”
‘หลี่เนี่ยนเจิน’ ชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับแม่ทัพใหญ่ และเติบโตมาด้วยกัน เมื่อเจ้านายได้เข้ารับราชการเป็นทหาร ผู้ติดตามเช่นเขาก็ต้องติดตามไปด้วย แล้วด้วยความสามารถที่ไม่แพ้ผู้เป็นนาย จึงไม่แปลกที่เนี่ยนเจินจะได้เลื่อนยศเป็นถึงรองแม่ทัพ
หลังกลับมาอยู่ในเมืองหลวงได้สามวัน นายน้อยของเขาก็เอาแต่มาคลุกอยู่ในหอสุรา ใบหน้าหล่อเหลานิ่งขรึม สายตาเหม่อลอย เหมือนกับกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่
“เนี่ยนเจิน เจ้านี้รู้ใจข้าไปเสียทุกเรื่องเลย ใช่...ข้ากำลังคิดเรื่องแต่งงาน ทั้ง ๆ ที่ใจข้ายังไม่อยากจะออกเรือนกับสตรีนางใดเลย” หย่งฝูกระดกสุราในจอกลงคอไปรวดเดียว
“ทำไมหรือขอรับ หรือว่านายน้อยยังไม่เจอสตรีที่ถูกใจ”
โจวหย่งฝูคิดตามคำพูดของคนสนิท หรือจะเป็นอย่างที่เนี่ยนเจินกล่าวมา ตัวเขานั้นคลุกคลีอยู่แต่ในสนามรบเสียส่วนใหญ่ จึงไม่คุ้นชิน ที่จะต้องมาคอยเอาอกเอาใจ หรือให้ผู้อื่นมาเอาอกเอาใจเขาเช่นกัน จึงไม่แปลก ถ้าเขาจะไม่สนใจบุตรีทั้งหลาย ที่ถอดแบบฉบับคุณหนูในห้องหอมา
“อาจจะจริงอยากเจ้าว่า แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อข้ารับปากว่าจะออกเรือนไปแล้ว”
เนี่ยนเจินเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของนายน้อย เขาเองก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย จนต้องนั่งหมกมุ่นคิดหาทางออกให้เจ้านายของตน
“ข้าคิดออกแล้ว นายน้อยก็ว่าจ้างหญิงสาวนางหนึ่งให้แต่งงานด้วยสิขอรับ เป็นการแต่งงานแบบหลอก ๆ ไม่ต้องเข้าหอกันจริง ๆ คราวนี้นายน้อยก็จะไม่ถูกฮูหยินบีบคั้นอีก และนายน้อยก็จะได้สบายใจกับการแต่งงานด้วย”
หย่งฝูดวงตาเป็นประกาย ใช่แล้ว...ทำไมเขาถึงคิดเรื่องแบบนี้ไม่ออกนะ เขาแต่งงานตามที่มารดาต้องการได้ และตัวเขาเองก็ไม่ต้องฝืนทนแกล้งทำตัวเป็นสามีที่ดี เขายังสามารถเป็นตัวของตัวเองได้
“ขอบใจเจ้ามากเนี่ยนเจิน ข้าเบาใจขึ้นเยอะเลย”
ที่เหลือก็แค่หาผู้หญิงมาสมอ้างเป็นฮูหยินกำมะลอ เมื่อแต่งแล้วก็ต่างคนต่างใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ซึ่งหญิงสาวที่จ้างมา คงจะต้องเป็นสตรีที่ไม่มีฐานะสักเท่าไร เพราะบุตรีของจวนสกุลใหญ่ ไม่ยอมรับงานแบบนี้แน่
อาการหนักอกหนักใจหายไปหมด หย่งฝูจึงนั่งดื่มสุราได้อย่างสบายใจเป็นครั้งแรก และคงจะเป็นเช่นนั้นต่อไป หากไม่มีเสียงดังโวยวายทะเลาะกัน ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา จนต้องเหลียวหลังไปมองที่มาของเสียง
“อยากมีเรื่องหรือไอ้หน้าอ่อน”
ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ยืนขึ้นเต็มความสูง ใบหน้าอันเต็มไปด้วยหนวดเคราแดงก่ำ เพราะฤทธิ์ของสุรา มือข้างหนึ่งจับข้อมือเล็กของสตรีนางหนึ่งเอาไว้
“คุณชายช่วยบ่าวด้วย” หญิงสาวตัวเล็ก พยายามแกะมือใหญ่ออกจากข้อมือของนางแต่ไม่เป็นผล เลยร้องเรียกขอความช่วยเหลือ จากบุรุษใบหน้าเกลี้ยงเกลา หากจะเอ่ยชมว่าหล่อเหลาย่อมไม่ตรงกับความจริง ต้องชมว่างดงามถึงจะถูกต้อง
“เอามือโสโครกของเจ้าออกจากคนของข้าเดี๋ยวนี้นะ แล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน”
คุณชายที่สตรีนางนั้นร้องเรียก ขนาดตัวก็เล็กพอ ๆ กับสาวใช้ ยกมือสองข้างขึ้นเท้าสะเอว ตีหน้าขรึมพร้อมจะเอาเรื่องคนตัวโตกว่า
“หึ ๆ” หย่งฝูหัวเราะในลำคอ เจ้าหนุ่มน้อยนั่นจะรู้หรือไม่ ที่ทำท่าทางแบบนั้นไม่ได้ดูน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย สวนทางกันกลับทำให้ดูเหมือนเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ
“ข้าไม่ปล่อย เจ้าจะทำอะไรข้าได้ เอวบางร่างน้อยขนาดนี้ หากบอกว่าเป็นสตรีข้าก็เชื่อ ว่าแต่เจ้าก็หน้าตาดีใช่ย่อย สนใจมาเป็นนายบำเรอให้ข้าไม่เล่า ข้าไม่ถือ ฮ่า ๆ”
‘ชุนเหม่ยอิง’ หน้าแดงก่ำไปด้วยสีเลือด ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวอันเกิดจากไฟแห่งโทสะ สองมือกำหมัดแน่น พุ่งเข้าหาชายฉกรรจ์ที่ตัวโตกว่ามาก ก่อนจะชกหมัดเข้าบริเวณหน้าท้องของอีกฝ่าย
“โอ๊ย! เจ็บ”
แต่คนที่ร้องเสียงหลง กลับเป็นฝ่ายที่พุ่งเข้าไปทำร้ายเสียเอง มือข้างหนึ่งกอบกุมมือที่ชกเข้ากับหน้าท้องแข็งราวกับหินเอาไว้แน่น ใบหน้างดงามราวอิสตรีเหยเกด้วยความเจ็บปวด
...ทำไมท้องหมอนี่แข็งราวกับหินผาเช่นนี้ ดูสิมือข้าระบมไปหมดแล้ว ไม่เห็นจะเหมือนตอนฝึกกับพี่ใหญ่เลย...
“ฮ่า ๆ เจ้าเปี๊ยกเรี่ยวแรงมีแค่นั้นนะหรือ เข้ามาอีกสิ”
ชายที่อยู่ในอาการเมามาย ส่ายหน้าท้องไปมา เยาะเย้ยหนุ่มน้อยที่ไม่ประมาณกำลังของตัวเองเลย มือข้างหนึ่งก็ดึงหญิงสาวเข้ามาสวมกอด แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปสูดดมกลิ่นกายสาว
“ปล่อยข้านะไอ้ชั่ว คุณหนู...คุณชายช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ” หญิงสาวพยายามเบี่ยงตัวหนีให้ห่างจากใบหน้าของชายฉกรรจ์
เหม่ยอิงเห็นคนของตนถูกหยามหมิ่น แม้รู้ว่าจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ ก็ยังพุ่งเข้ามา ตั้งใจจะจัดการกับคนตัวใหญ่กว่า
แต่อีกฝ่ายใช้มือเพียงแค่ข้างเดียว ดันศีรษะของคนตัวเล็กเอาไว้ หมัดที่รัวชกออกมา จึงต่อยได้เพียงลมเท่านั้น
“ฮ่า ๆ สนุกจริงโว้ย”
“ปล่อยคนของข้าเดี๋ยวนี้” เหม่ยอิงยังคงดิ้นรนต่อ ในเมื่อชกต่อยอีกฝ่ายไม่สำเร็จ จึงได้เปลี่ยนมาดึงมือที่ดันศีรษะของตนอยู่ลงมากัด จนน้ำลายไหลเยิ้มออกมา
“วอนตายซะแล้ว”
ชายร่างใหญ่เมื่อถูกกัดจมเขี้ยว รีบปล่อยตัวหญิงสาวเป็นอิสระ และจับร่างเล็กของคนที่กำลังออกแรงกัด เหวี่ยงจนร่างนั้นกระเด็นเสียหลักออกไปไกล
หย่งฝูเห็นดังนั้น รีบถลาเข้าไปรับไม่ให้หนุ่มน้อยกระเด็นปะทะกับผนังของหอสุรา โดยใช้แขนเพียงข้างเดียวก็สามารถคว้าเอวคอดกิ่วเอาไว้ได้แล้ว
“ไม่เป็นไรนะน้องชาย”
แม่ทัพหนุ่มก้มลงมองใบหน้าเนียนในวงแขนครู่หนึ่ง ก่อนจะคลายอ้อมแขนหันกลับไปเล่นงาน ชายฉกรรจ์ที่เมาสุราแล้วชอบอาละวาด เพียงไม่กี่กระบวนท่า ชายผู้นั้นก็ใบหน้าบวมปูดลงไปล้มกลิ้งอยู่บนพื้น
“ฝากไว้ก่อนเถอะพวกเจ้า ได้เห็นดีกันแน่” ชายร่างยักษ์ยันกายลุกขึ้นยืน ไม่มีแม้แต่ผู้ใดที่จะให้ความช่วยเหลือ
“รีบมาเอาคืนแล้วกัน ข้าไม่ชอบรับฝากอะไรนาน ๆ”
ชายร่างยักษ์จ้องมองบุรุษผู้เข้ามายุ่งเรื่องของชาวบ้านด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย ก่อนจะโซซัดโซเซออกจากหอสุราไป
“พี่ชายท่านนี้ วรยุทธ์ล้ำเลิศนัก ขอบคุณที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ หากไม่รังเกียจ ขอข้าเลี้ยงสุราพี่ชายเป็นการตอบแทนได้หรือไม่”
“เท่าที่จำได้ท่านแม่มีข้าเป็นลูกแค่คนเดียว แล้วเจ้ามาเป็นน้องชายข้าตอนไหน” หย่งฝูมองสำรวจใบหน้าหวานนวลเนียนเกินกว่าจะเป็นใบหน้าของบุรุษเพศ เมื่อเห็นอาการสะอึกของอีกฝ่าย จึงเอื้อนเอ่ยต่อไปว่า “ข้าล้อเล่น แต่พวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดที่จะเรียกพี่ชายกับน้องชายได้ เจ้าเข้าใจความหมายหรือเปล่า”
“เข้าใจขอรับ”
เหม่ยอิงกัดฟันยิ้มรับคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า แต่ความรู้สึกภายในใจกำลังเดือดราวกับน้ำที่กำลังต้มสุก ดูเอาเถอะ อุตส่าห์ชื่นชมในฝีมือที่ล้ำเลิศกว่าพี่ชายอยู่แท้ ๆ แทบจะเก็บเอาคำชมกลับมาไม่ทัน
คนอะไรปากคอเราะร้ายยิ่งกว่าอิสตรี นี้ถ้าไม่ได้ช่วยเหลือนางเอาไว้ จะไม่มีวันเข้าไปข้องเกี่ยวกับคนเช่นนี้หรอก อย่าว่าแต่ข้องเกี่ยวเลย ยิ่งเอามาเป็นสามียิ่งแล้วไปกันใหญ่
“คุณชาย บ่าวว่ากลับจวนดีกว่าเจ้าค่ะ”
“ได้อย่างไร หมอนี้ช่วยเหลือข้าไว้ เลี้ยงเหล้าตอบแทนจะได้จบ ๆ ไม่มีอะไรติดค้าง จนไปเจอกันชาติหน้าอีก” เหม่ยอิงกระซิบข้างหูของสาวใช้คนสนิท...