บทที่ 5 บุตรสาวของมารดา
บทที่ 5 บุตรสาวของมารดา
“ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ถามไถ่ ท่านอาจารย์ของข้าติดธุระวันนี้จึงไม่อาจมาสอนได้เจ้าค่ะ” จ้าวจินมี่เอ่ยตอบ ใบหน้าอ่อนหวานนั้นยังยกยิ้มไม่จางหาย
จ้าวจินหรูเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมหุบยิ้มนางจึงยิ้มตอบกลับไปบ้าง การฟาดฟันกันด้วยรอยยิ้มเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ หากเป็นภพชาติก่อนหน้านางคงปล่อยหมัดใส่จ้าวจินมี่ไปแล้ว หรือไม่ก็คงจะจัดการมอบลูกตะกั่วให้อีกฝ่ายเอาไปกินแทนข้าวแล้วก็คงจัดแจงให้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงใต้ดิน จะได้เลิกมาปั้นหน้ายกยิ้มเสแสร้งและเลิกเอ่ยวาจาตอแหลปลิ้นปล้อนต่อหน้านางเสียที...รำคาญยิ่ง
แต่จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องน่าตลกที่นางกับจ้าวจินมี่มีอายุห่างกันเพียงแค่สองชั่วยามเท่านั้น อีกทั้งฝ่ายนั้นยังคลอดจากท้องมารดาก่อนนาง แต่เพราะเกิดจากมารดาที่เป็นอนุจ้าวจินมี่จึงต้องกลายเป็นบุตรคนรองไปเสียอย่างนั้น
ซึ่งผู้ตัดสินก็ไม่ใช่ใคร เป็นท่านปู่ที่เพิ่งเสียไปห้าปีก่อนนี้ของพวกนางเอง
และอาจจะเป็นเพราะสาเหตุนั้น จ้าวจินมี่จึงมักจะมีนิสัยชอบเปรียบเทียบตัวเองกับนาง เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนางอีกฝ่ายก็มักจะมองเป็นการแข่งขันไปเสียหมด ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของซ่งหลี่หมิ่น
“ว่าแต่พี่ใหญ่เถอะเจ้าค่ะ ช่วงนี้ท่านไม่ได้ร่ำเรียนวิชาใดบ้าง? หรือว่าอาการป่วยก่อนหน้านี้ยังไม่หายดีหรือเจ้าคะ?”
“คุณหนู ได้เวลากลับเรือนไปพบฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ” ยังไม่ทันที่จ้าวจินหรูจะได้เอ่ยตอบ จวี้ตันสาวใช้คนสนิทของนางก็เอ่ยเรียกขึ้นเสียก่อน
“อืม” เด็กสาวพยักหน้ารับพร้อมกับลุกจากม้านั่งแล้วหันหน้าไปมองคนที่ยืนอยู่ “พี่สบายดี ไม่ลำบากเจ้าเป็นห่วง ขอบใจที่ถามไถ่นะมี่เอ๋อร์” พูดจบแล้วจ้าวจินหรูก็เดินจากไปทันที ไม่สนใจสายตาที่มองตามของจ้าวจินมี่เลยแม้แต่น้อย
“เย่อหยิ่งต่อไปเถอะ อยากจะรู้นักว่าในวันที่นางรับรู้ว่าบุรุษที่นางต้องแต่งงาน ด้วยรักใคร่เพียงแต่ข้า นางจะทำสีหน้าเช่นไร?”
เพราะมารดาเป็นที่โปรดปราณของบิดา ดังนั้นทุกๆ สองวันบิดาจะมาค้างที่เรือนของพวกนาง และด้วยความรักความโปรดปราณที่จ้าวหานรั่วมีให้ฉีซินผู้เป็นมารดาของนางทำให้บ่อยครั้งผู้เป็นบิดาก็เผลอบอกเล่าสิ่งที่เขาวางแผนไว้ หรือสิ่งที่เขาจะทำหรือต้องการทำออกมาให้พวกนางสองคนแม่ลูกฟัง
เรื่องขององค์ชายสี่ซ่งหลี่หมิ่นก็เช่นเดียวกัน
จ้าวจินมี่รู้ว่าบิดาจะให้บุตรีของภรรยาเอกแต่งกับองค์ชายสี่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้เขาและเพื่อให้ตนเองได้ก้าวไปถึงตำแหน่งเสนาบดีกรมอากรอย่างมั่นคง ด้วยเหตุนั้นเองนางจึงได้เลือกที่จะลงมือสร้างบุพเพให้ตนเองกับองค์ชายสี่ก่อนหนึ่งก้าว เพื่อที่วันหน้านางจะได้มีโอกาสแต่งเข้าจวนของพระองค์ได้อย่างวางใจและมั่นใจว่าบุรุษผู้เป็นสามีจะรักใคร่เพียงนางมากกว่าสตรีผู้เป็นชายาเอกของเขาอย่างพี่สาวต่างมารดาของนางผู้นั้น
สำหรับจ้าวจินมี่แล้ว การเกิดมาเป็นลูกอนุไม่นับว่าเป็นจุดด้อยแต่อย่างใดและการที่นางจะแต่งเป็นอนุให้ใครก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเป็นเรื่องที่เสียศักดิ์ศรี ตราบใดที่คนเป็นภรรยาเอกของสามีคือพี่สาวต่างมารดาของนางผู้นั้น...จ้าวจินหรู
“คงจะดูไม่ได้เลยทีเดียวเจ้าค่ะคุณหนู” เสี่ยวชิงเอ่ยเสริมผู้เป็นนายตน ช่างเป็นนายร้อง บ่าวรับกันดีจริงๆ
“กลับกันเถอะ วันนี้ข้าสนุกพอแล้ว”
ปากบอกว่าถึงเวลาที่ต้องกลับเรือนไปหามารดา ทว่าความจริงแล้วจ้าวจินหรูกลับแอบซ่อนกายอยู่บนยอดไม้ห่างจากศาลริมน้ำออกไปไม่ไกลนัก เจตนาก็เพื่อเฝ้ามองน้องสาวต่างมารดาผู้เป็นที่รักนั่นเอง
“คุณหนู พวกเขาไปแล้ว ลงมาได้แล้วเจ้าค่ะ” จวี้ตันที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้เงยหน้าเอ่ยบอกคุณหนูของตน
สาวใช้วัยสิบหกยกมือปิดปากทาบอกตนเองแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนอยู่ๆ ก็กระโดดขึ้นไปเกาะอยู่บนต้นไม้อย่างรวดเร็วราวกับผู้ฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็กๆ
“คุณหนู ลงมาเถอะเจ้าค่ะ เกิดใครมาเห็นเข้ามันจะไม่งามนะเจ้าคะ เชื่อบ่าวเถอะเจ้าค่ะทูนหัวของบ่าว”
พริบตาเดียวร่างเล็กบอบบางของจ้าวจินหรูก็ลงมาจากต้นไม้ใหญ่ได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนทั้งยังคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างยิ่ง กิริยาราวกับลูกลิงของนางสร้างความประหลาดใจให้สาวใช้คนสนิทยิ่งนัก
รวมไปถึงคนที่แอบมองสองนายบ่าวอยู่ไกลๆ ด้วย
“บ่าวเองเพิ่งจะรู้นะเจ้าคะฮูหยินว่าพรสวรรค์การปีนต้นไม้จะสืบทอดมาทางสายเลือดด้วย”
“นั่นสิ ข้าเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน”
“กลับเข้าเรือนกันเถอะเจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวคุณหนูใหญ่ก็ไปถึง คุณชายสี่ก็คงใกล้จะตื่นแล้วเหมือนกัน”
“อืม”
เจียงฮุ่ยอินหมุนกายเดินกลับไปยังเรือนของตนที่ตั้งอยู่ทางปีกซ้ายของจวน เรือนหลังใหญ่ที่หรูหราโอ่อ่าเหมาะสมกับฐานะฮูหยินเอกของจวนตระกูลจ้าว...แม้ว่าความจริงแล้วมันจะเทียบไม่ได้เลยกับตำหนักเล็กๆ ในวังหลวง
แต่อย่างน้อยที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสงบสุขที่นางกับบุตรสาวอาศัยอยู่มาเนิ่นนานนับสิบสี่ปี…
วาสนาคนเรานั้นแสนสั้น...แต่ความทรงจำกลับยืดยาว