บทที่ 2 กลับสู่จุดเริ่มต้น 1
บทที่ 2 กลับสู่จุดเริ่มต้น
“ภารกิจในครั้งนี้ไม่ใช่การลอบฆ่า แต่เป็นการฆ่าเพื่อปกป้องสิ่งนี้” คนพูดเอ่ยพร้อมกับยกภาพถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาให้บรรดาลูกน้องในสังกัดได้ดู
“พัด?” ปรางริ้วที่ยืนอยู่ใกล้กับณนิราเอ่ยขึ้น สีหน้าของหญิงสาวแสดงความแปลกใจออกมาให้เห็น
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ว่าจ้างพวกเขานั้นจะยอมเสียเงินหลายสิบล้านเพื่อจ้างนักฆ่าให้ไปคุ้มครองพัดเก่าๆ แค่อันเดียว
ณนิราเองก็มองรูปถ่ายนั้นด้วยความประหลาดใจไม่แพ้เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ พัดใบเก่าขนาดนั้นแล้วไม่รู้ว่าคนเป็นเจ้าของมันกำลังคิดอะไรอยู่ พัดเก่าๆ หนึ่งอันมาค่ามากกว่าเงินเกือบร้อยล้านที่จ้างพวกเธอมาคุ้มครองมันอีกหรือ?
แต่ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องของคนอื่น หน้าที่ของพวกเธอมีเพียงปกป้องมันให้ถึงที่หมายเท่านั้น
ภารกิจในครั้งนี้จากการคำนวณคร่าวๆ แล้วน่าจะใช้เวลาไม่เกินสิบสองชั่วโมงสำหรับเดินทางจากเมืองหลวงของประเทศมุ่งหน้าสู่จังหวัดหนึ่งในทางภาคใต้
รถตู้หรูสำหรับครอบครัวสัญชาติยุโรปคันหนึ่งถูกใช้เป็นยานพาหนะสำหรับการขนย้ายสิ่งของสำคัญในครั้งนี้
“ถึงจะเป็นแค่พัดเก่าๆ แต่เชื่อเถอะว่าต้องมีคนอยากได้มันแน่ ไม่อย่างนั้นเจ้าของมันคงไม่ลงทุนจ้างพวกเราขนาดนี้หรอก” ใครคนหนึ่งในทีมของนิราเอ่ยขึ้น “ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะได้เจอเพื่อนเก่ากลางก็เป็นได้”
ณนิราเห็นด้วยกับเพื่อนร่วมทีมคนนี้ สิ่งของที่ดูไร้ค่าสำหรับเราอาจจะกลายเป็นของล้ำค่าสำหรับผู้อื่นก็เป็นได้
“อืม ถ้าอย่างนั้นฉันจะแบ่งหน้าที่ให้แต่ละคนก็แล้วกัน” เสียงชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าดังขึ้นอีก “แกXXXอยู่ประจำกับXXXที่รถคุ้มกันคันหน้า ส่วนXXXกับXXXและXXXอยู่กับรถคุ้มกันคันหลัง ส่วนคนอื่นๆที่เหลืออยู่ในรถคันตู้คันกลางกับฉันแล้วก็ของ มีใครสงสัยอะไรไหม?”
เงียบ...
“ถ้าไม่มีก็ไปเตรียมตัวให้พร้อม อีกสิบนาทีมารวมกันที่นี่”
“YES!!!” ทุกคนในทีมขานรับพร้อมกันอย่างพร้อมเพียง
“นิราอยู่ก่อน พี่มีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย ตามมา” คนเป็นหัวหน้าเรียกแล้วเดินนำเข้าไปในห้อง
ณนิรามองตาม เธอหันไปพยักหน้าให้ปรางริ้วครั้งหนึ่งก่อนจะเดินตามหัวหน้าทีมไปในห้องด้านใน และเมื่อไปถึงหญิงสาวก็เห็นว่าหัวหน้าของเธอกำลังยืนรออยู่แล้วพร้อมกับสินค้าที่ต้องนำไปส่งให้ถึงที่หมายในค่ำคืนนี้
“หัวหน้ามีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ?” เอ่ยถามทันทีที่เข้ามาถึง ดวงตาเรียวปรายมองพัดเก่าๆในตู้กระจกบางนั้นด้วยความรู้สึกเรียบเฉยก่อนละสายตาออกจากมันเพื่อมองหน้าหัวหน้าทีมของตน
“เรื่องภารกิจในคืนนี้นี่แหละ”
“...? มีปัญหาอย่างนั้นหรือคะ”
“เปล่า ปัญหาไม่หรอก แต่อาถรรพ์น่ะมี”
“...?”
“เจ้าของคนปัจจุบันบอกมาว่าอย่างนั้น พัดนี่...เหมือนจะมีอาถรรพ์ซ่อนอยู่”
“ยังไงคะ?”
“ว่ากันว่ามีวิญญาณสิงอยู่และไม่ยอมจากไปไหน ใครเข้าใกล้เป็นอันต้องฝันร้าย ใครแตะต้องมันก็ถึงตาย ในตอนที่เจ้าของมันได้มันมาก็มีคนงานคนส่งและการ์ดตายไปสี่ศพ นี่ยังไม่นับรวมกับที่ตายไปก่อนหน้านี้นะ มันผ่านเจ้านายมานับสิบ ตอนที่อยู่กับเจ้านายแต่ละคนอย่างน้อยๆ ต้องมีคนตายสักคนหรือสองคน ท่าทางเฮี้ยนน่าดู”
ณนิรายืนฟังด้วยอาการสงบ จนตอนนี้หญิงสาวก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าหัวหน้าทีมของเธอมีเจตนาอะไร เขาเรียกเธอมาเพื่อฟังเรื่องผีในเวลาเช่นนี้หรือ?
“เล่าลือกันว่าพัดเล่มนี้ในอดีตเคยเป็นของฮองเฮาพระองค์หนึ่งเมื่อนานมาแล้ว นานมากจนไม่เหลือหลักฐานอะไรให้สืบค้นต่อว่ามาจากสมัยไหน”
ณนิราหันหน้าไปมองพัดเล่มดังกล่าว ตัวโครงของพัดน่าจะทำมาจากไม้หายากและคงจะมีราคาสูงมากในสมัยนั้น ในส่วนของตัวพัดก็คาดว่าน่าจะมาจากผ้าหรือไม่ก็เยื่อไม้ชนิดหนึ่งนำมาปักด้วยด้ายสีเหลืองให้เป็นรูปคล้ายใบไม้ตามที่เห็น ไม่แน่ว่าสีเหลืองหม่นๆ ที่เห็นอยู่นั้นแท้จริงแล้วอาจจะไม่ใช่ด้าย แต่เป็นทองก็เป็นได้ ในเมื่อคนสมัยก่อนมีวิธีดึงทองให้เป็นเส้นและนำไปปักลงบนเสื้อผ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดของกษัตริย์และนางสนม รวมไปถึงขุนนางผู้มีอันจะกินทั้งหลายด้วย
“ทำไมถึงบอกว่าไม่มีหลักฐาน ตัวพัดนี่มันเป็นหลักฐานชั้นดีเลยไม่ใช่เหรอ? ไม้ที่ใช้ทำโครงผ้าที่ใช้ปักน่าจะบอกอายุคร่าวๆ ของมันได้...”
“ก็มันเป็นพัดผีสิงไง เลยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้” คนเป็นหัวหน้าเอ่ยแทรกขึ้นทั้งที่ลูกน้องพูดยังไม่ทันจบ “จับคนก็ตายคน จับสิบก็ตายสิบ ความจริงแล้วมันควรจะไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์บรรจุเป็นมรดกชาติด้วยซ้ำ ติดที่เฮี้ยนเกินจนไม่มีใครเอาอยู่”
“...” ณนิรากะพริบตาปริบๆ หัวหน้าของเธอพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน?
ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าพัดอาถรรพ์ขนาดนี้ เขาก็ยังรับงานนี้มาให้ลูกน้องทำอย่างนั้นหรือ!
“แล้วแบบนี้พวกเราจะไม่เป็นอะไรเหรอคะ?” มาถึงตอนนี้ก้อดห่วงชีวิตของตัวเองไม่ได้จริงๆ หัวหน้าบ้านี่คิดอะไรอยู่ถึงได้รับงานแบบนี้มา หากว่าพัดนี่มีอาถรรพ์อยู่จริงบรรดาลูกน้องที่เข้าร่วมภารกิจไม่ตายกันหมดหรอกหรือ?
เรื่องนี้คนอื่นอาจจะเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ไม่ก็ฟังหูไว้หู แต่กับคนที่เคยเผชิญหน้ากับเรื่องปาฏิหาริย์เหนือธรรมชาติมาด้วยตัวเองอย่างเธอ แน่นอนนางเชื่อสิ่งที่หัวหน้าเล่ามาอย่างสนิทใจ
ทะลุมิติข้ามห้วงมาเลาอยู่ในร่างของคนอื่นอีกทั้งยังได้ความทรงจำของมาด้วยก็นับว่าเป็นที่สุดของที่สุดของเรื่องมหัศจรรย์แล้ว
แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องของอาถรรพ์หรือดวงวิญญาณ ณนิราเองก็ย่อมต้องเชื่อเรื่องเหล่านั้นอย่างสนิทใจแน่นอน