บท
ตั้งค่า

4. พระเอกในฝัน

แต่คนที่กลับเข้ามาในห้องตอนนี้กำลังแต่งกายใหม่ ด้วยอาภรณ์ที่รัดกุมราวกับบุรุษ แต่มองเช่นไรก็ยังงดงามเช่นสตรีเหมือนเดิมเพราะหน้าหวานงามราวภาพวาด

“จะเสด็จไปไหนเพคะ” เสี่ยวชิงเอ่ยถามทันที เพราะซูเยว่มิเคยออกจากตำหนักเลยตั้งแต่มาอยู่แคว้นนี้

“ฉันอยากออกไปเดินเล่นที่ตลาด เธอสองคนจะไปด้วยหรือเปล่า หากไม่ไปฉันจะไปคนเดียว”

“ไยพระชายาถึงเอ่ยคำประหลาดเพคะ” หลินหยาถามขึ้นเพราะสงสัยมานาน บางคราก็คิดว่าคนตรงหน้าอาจจะมิใช่ผู้เป็นนายที่เคยรับใช้ แต่ก็มิได้ตื่นกลัวจนมิกล้าอยู่ต่อ เพราะถึงอย่างไรซูเยว่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่มิเคยเลือนหาย นั่นคือความเมตตาที่มีให้กับคนสนิท เพียงแต่ตอนนี้ดูปากร้ายและเข้มแข็งขึ้นต่างจากแต่ก่อนเท่านั้นเอง

“เช่นนั้นพวกเธอก็สอนฉันแล้วกันนะ” เธอเอ่ยบอกก่อนจะเดินนำออกไปจากจวน ซึ่งทุกสายตาต่างก็จ้องมายังสตรีร่างเล็กผู้นี้ที่ดูแต่งกายต่างออกไปจากทุกที

“นั่นพระชายามิใช่หรือ”

“จริงด้วย ไยถึงลุกมาแต่งกายเช่นนี้”

“ก่อนนี้ท่านอ๋องสั่งขังแล้วนี่ ไยถึงออกมาเร็วเพียงนี้ล่ะ”

เสียงซุบซิบดังขึ้นพร้อมกับสอดส่ายสายตามองรอบข้างไปด้วย เพราะเกรงว่าจะถูกลงโทษหากมีผู้ใดมาได้ยิน ก่อนจะหยุดลงเมื่อเห็นร่างสูงเจ้าของจวนยืนมองอยู่เช่นกัน หรานจวิ้นมองตามร่างเล็กของชายาเดินออกจากจวนไป

เขาสั่งคนสนิทให้ตามเงียบๆ เพื่อดูว่านางจะไปที่ใดกันแน่ เพราะอยากรู้ว่าไยคนที่เคยอ่อนแอถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้เพียงแค่สามวันหลังจากจมน้ำ ตลาดยามบ่ายช่างคึกคักยิ่งนัก ทำให้คนต่างยุครู้สึกตื่นตาเป็นอย่างมาก แต่นั่นมันก็ยังมิสามารถดึงความสนใจของผู้คน

ได้มากเท่าสตรีตัวน้อยที่อยู่ในอาภรณ์ขาว ขับผิวเนียนละเอียดราวไข่มุกได้ ขนตางอนหนารับกับดวงตาเย้ายวนน่ามอง จมูกเรียวได้รูปรับกับปากอิ่มรูปกระจับน่าหลงใหล ทำให้ทุกสายตาต่างก็จ้องมองมิลดล่ะ นางดูโดดเด่นกว่าใครแม้จะอยู่ในอาภรณ์ราวบุรุษ

“ท่านแม่ทัพมาดูนี่สิ” ลู่เหยาเอ่ยเรียกสหายตนทันทีเมื่อเจอสตรีงามเดินอยู่ในตลาด ฟานจงซีส่ายหัวกับความเจ้าชู้ของอีกฝ่าย ที่มีให้เห็นในทุกวันยามที่ออกมาดื่มเช่นนี้ แต่ครานี้ต่างกันเมื่อสหายรบเร้าเขาเหลือเกิน

“หึ!หากมิงามอย่างเจ้าว่าวันนี้เจ้าต้องเป็นเจ้ามือนะ”

“มาดูก่อนเถอะ” ลู่เหยายังคงเอ่ยราวกับพบเห็นธิดาสวรรค์เสียอย่างนั้น จนแม่ทัพหนุ่มจำต้องเดินออกมายืนมองที่หน้าต่างด้วยอีกคนเพราะสหายดูท่าจะสนใจเป็นอย่างมาก พอมองลงไปด้านล่างเท่านั้นแหละ แม่ทัพหนุ่มก็ถึงกับตะลึงงันไปเช่นกัน เพราะมิคิดว่าเมืองหลวงจะมีสตรีงามเพียงนี้

“งามใช่ไหมจงซี” ลู่เหยาเอ่ยถามเมื่อเห็นสหายเงียบไป

“อืม งดงามดั่งเจ้าว่า นางเป็นใครกัน”

“อยากรู้ข้าจะถามให้” ลู่เหยากระตือรือร้นมิน้อย เพราะอยากให้สหายตัดใจจากบุตรสาวเสนาขวาเสียที เพราะมีบางอย่างที่จงซียังมิรู้เกี่ยวกับนาง

ร่างสูงของใต้เท้าหนุ่มมือปราบเดินลงจากหอน้ำชาทันที เขามุ่งหน้าตรงไปหาสตรีตัวน้อยที่ยังคงสนุกสนานกับข้าวของเครื่องใช่ที่แปลกตาในตลาด มินานก็เดินตามกันมาและขึ้นมาด้านบน ซึ่งเป็นฝั่งพิเศษที่มักจะถูกจองไว้จากคนชั้นสูงเช่นเขาสองคนนี้

“นั่งก่อนสิแม่นาง” ลู่เหยาเอ่ยกับอีกฝ่ายที่เดินตามมา เพียงแค่เขาบอกว่าด้านบนมีแม่ทัพฟานจงซีนั่งอยู่ ซูเยว่ส่งยิ้มให้แม่ทัพหนุ่มเมื่อได้พบหน้า ความฝันของเธอเป็นจริงแล้วเมื่อได้เจอตัวเป็นๆ ของพระเอกที่เธอแอบชอบจนไม่สามารถเก็บอาการได้ จนอีกฝ่ายถึงกับทำตัวไม่ถูก เมื่อมีสตรีนั่งจ้องหน้าตนราวกับรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน

“เจ้าเป็นบุตรีของผู้ใดกันหรือ” จงซีเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงเอาแต่จ้องตนเอง ทำให้ซีซีได้สติก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ต้องพูดว่าข้าใช่ไหม” เธอหันไปกระซิบถามคนสนิท

“เพคะ” เสี่ยวชิงตอบ ก่อนจะยืนนิ่งเช่นเดิม

“ข้านามว่าซูเยว่ เอ่อ เป็นพระชายาของอ๋องหรานจวิ้น แต่เจ้าสองคนมิต้องทำเหมือนข้าสูงส่งอะไรหรอกนะ ให้ข้าเป็นสหายปกติทั่วไปเถอะ ข้าอยู่ที่นี่ไม่มีเพื่อนเลย แค่อยากมีคนที่พูดคุยกันรู้เรื่องเท่านั้น”

เสียงหวานเอ่ยบอก นางมิรู้ว่าจะโกหกฐานะไปทำไม ในเมื่อสักวันทุกคนก็ต้องรู้อยู่แล้ว บอกความจริงน่าจะง่ายกว่าที่จะคบหากัน เพราะนิยายเรื่องนี้ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมากนัก มีแค่อ๋องหรานจวิ้นผู้เย็นชาเท่านั้นที่มักตั้งกฎของตนเองขึ้นมาเพื่อบังคับเธอ

แต่ตอนนี้ซีซีหลุดมาเป็นตัวละครหนึ่งในนี้แล้ว ก็เป็นสิทธิ์ที่เธอจะทำอะไรก็ได้ ในเมื่อไม่ได้มีโปรแกรมอะไรมาควบคุมนี่หน่า ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว เพราะชีวิตนี้คงต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป หากเป็นอย่างที่เจ้าของร่างบอก ซึ่งเธอชักจะสนุกกับมันแล้วล่ะ เพราะในยุคปัจจุบันเธอไม่มีใครนอกจากเพื่อนสนิทคนเดียว ยังไงเสียสักวันก็ต้องจากกันไม่ว่าเป็นหรือตาย

“แล้วท่านอ๋องจะมิต่อว่าเอาหรือพะย่ะค่ะ” ลู่เหยาเอ่ยถามอย่างกังวล เมื่อเห็นท่าทีใจเย็นของสตรีตัวน้อย

“เย็นชาเป็นน้ำแข็งเช่นนั้น ถามข้าอยู่ประโยคเดียวคือ วันใดจะเขียนจดหมายหย่าส่งให้ เขามิใส่ใจข้าหรอก”

เสียงเรียบเอ่ยบอกโดยมันมิได้เจื่อปนความเสียใจหรือตัดพ้อแม้แต่น้อย เพราะพูดจบนางก็รินน้ำชาดื่ม แต่! มันมิใช่นี่สิเพียงแค่จอกเดียวก็ทำเอาแก้มเนียนใสแดงก่ำจนน่ามอง ทำเอาแม่ทัพหนุ่มถึงกับมิยอมละสายตา

“พระชายานี่คือสุรานะเพคะ” หลินหยาเอ่ยท้วงทันที แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว เพราะยามนี้ซูเยว่รินดื่มต่อจนเกือบหมดเหยือกเล็กที่ตั้งอยู่ ทำเอาสองสหายต่างก็ยิ้มแห้งออกมาเพราะมิคิดว่าอีกฝ่ายจะคอแข็งเพียงนี้

“เบาๆ พะย่ะค่ะ สุรานี้แรงมากนะ”

“ข้ารู้น่าแค่นี้มิเมาหรอก ว่าแต่ท่านสองคนเถอะไยถึงมิดื่ม วันนี้ข้าเลี้ยงเองนะถือว่าได้พบคนในฝันแล้ว”

“คนในฝันอย่างไรหรือพะย่ะค่ะ” จงซีถามด้วยความสงสัย เมื่อคนตรงหน้าเอ่ยออกมาเช่นนี้

“ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็พูดไปเรื่อย อย่าใส่ใจเลย” นางตอบก่อนจะรินสุราดื่มอีกครั้ง ทั้งสามจึงอยู่พูดคุยทำความรู้จักกันให้มากขึ้น จนกระทั่งพลบค่ำจึงแยกย้ายกันกลับ ซึ่งยามนี้ซูเยว่นั้นมีใบหน้าแดงก่ำยิ่งจมูกด้วยแล้ว มันดูโดดเด่นน่ามองยิ่งนัก

“กระหม่อมส่งแค่นี้นะพะย่ะค่ะ เกรงว่าท่านอ๋องจะตำหนิเอาได้ หากรู้ว่าพระองค์ไปดื่มกับพวกเรา”

จงซีเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลงจากม้ามาส่งสหายใหม่เข้าจวน เขายืนห่างเพื่อเว้นระยะมิให้เป็นที่ครหา ส่วนซูเยว่นั้นมีนางกำนัลทั้งสองคอยประคองอยู่ ซึ่งตอนนี้ร่างกายมันอ่อนปวกเปียกอย่างไรมิรู้

“ข้ามิว่าอันใดหรอก หากเจ้าอยากรับนางออกไปเที่ยวข้างนอก ข้าก็ยินดีที่จะอนุญาต”

เสียงทุ้มของอ๋องหรานจวิ้นดังขึ้น ด้านหลังของทั้งคู่ เขายืนมองอยู่นานแล้วตั้งแต่ได้รับรายงานจากคนสนิท จึงเปิดโอกาสให้สองคนนี้ได้รู้จักกัน หากซูเยว่มีใจก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เขาจะได้มิต้องกำจัดแม่ทัพหนุ่มให้เสียแรง

“ได้หรือเพคะ ไยท่านอ๋องถึงใจดีนัก” เสียงหวานดังอ้อแอ้เพราะตอนนี้ลิ้นแทบจะพันกันอยู่แล้ว มิหนำซ้ำยังเดินเข้าไปหาคนตัวโต พร้อมกับเอามือลูบลงที่อกแกร่ง

จนหรานจวิ้นยืนชะงักนิ่งมิกล้าทำสิ่งใด มันเป็นครั้งแรกที่นางสัมผัสและเข้าใกล้เพียงนี้ กลิ่นสุราหมักบวกกับกลิ่นกายหอมที่เขามิเคยสูดดม อีกทั้งใบหน้าแดงก่ำและดวงตายั่วยวนที่ส่งให้ มันทำเอาใจเขาสั่นไหวมิน้อย แต่ก็นั่นแหละหรานจวิ้นเกลียดนาง การกระทำทั้งหมดเขาจึงมองมิถูกใจ

“เอาตัวเจ้านายเจ้าไป ก่อนที่ข้าจะทนไม่ไหว” เสียงรอดไรฟันดังขึ้น ก่อนจะใช้มือเช็ดตามร่างกายตนที่คนตัวเล็กสัมผัส ซีซียกยิ้มมองภาพเบื้องหน้าก่อนจะนึกสมเพศเจ้าของร่างที่สามีดูท่าจะรังเกียจเสียเหลือเกิน

“ชิ! ทำยังกะฉันจะอยากเข้าใกล้นักหนา หล่อตายล่ะ” เสียงหย่อนยานดังขึ้นก่อนจะหันมาโบกมือลาแม่ทัพ

“เอาไว้เจอกันใหม่นะสหายแม่ทัพ” มือเล็กยกขึ้นโบกไปมา ก่อนจะถูกหิ้วปีกเข้าด้านในโดยคนสนิท จงซีมองตามพร้อมกับนึกขำ เขามิเคยคิดว่าจะมีสตรีที่ไม่รักษาภาพลักษณ์ตนเองเช่นนี้ในเมือง 

# ทำไมคนอ่านน้อยจัง ของคนอื่นยอดเป็นแสน ของเราไม่ถึง 100

# สู้เด้อ หลินซีเอ้ย สู้เขา เพื่อคนที่รออ่านนี่แหละ ขอบคุณทุกยอดเก็บ อยากร้องไห้ 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel