บทที่ 8 ใครอยากเป็นคู่หมายเจ้า
คะ คู่หมาย?!
พูดเล่นอะไร!
หยุนฉือดีดตัวออกจากตัวเขาทันที ลุกขึ้นมาถอยห่างหลายก้าว
ส่วนอีกฝ่ายก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
เป็นอย่างที่คิด เมื่อรู้ว่าเขาก็คืออ๋องเจิ้นหลิง รู้ฐานะของเขาก็หวาดกลัวขึ้นมา
อย่างกับเขามีพิษยางน่องอย่างนั้น ใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขา แตะต้องตัวเขา แน่ล่ะ เขาก็ไม่เคยให้ใครเข้าใกล้เขาเช่นกัน
นางผู้นี้เป็นคนแรก
แต่ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากพูดเสียดก็ได้ยินนางพูดว่า “ตัวข้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ใสซื่อน่ารัก แต่ไหนมาก็ยึดถือการครองตัวเป็นสุข จู่ๆ จะมีคู่หมายโผล่มาได้ยังไง! อีกอย่าง สำนักเซียนอะไรนั่นข้าก็ไม่รู้จัก ธิดาเทพอะไรนั่นก็ไม่ใช้ข้าแน่ ถึงข้าจะแซ่หยุนจริง แต่ก็ไม่ได้ชื่อหยุนไต้อะไรนั่น ถ้าท่านอยากรู้ชื่อข้าจริง ข้าจะฝืนบอกให้ก็ได้ ข้าชื่อหยุนฉือ! จำไว้ด้วยล่ะ! อ๋องเจิ้นหลิง!”
อ๋องเจิ้นหลิง “...”
นี่นางพูดพล่ามอะไรกันเนี่ย?
“เจ้าไม่รู้จักสำนักเซียนฉี?”
“ไม่รู้จัก”
“ที่แห่งนี้ก็คือหลังเขาสำนักเซียนฉี คนนอกห้ามเข้าโดยพลการ แล้วเจ้าก็แซ่หยุน แล้วไม่ใช่คนของสำนักเซียนฉีหรอกหรือ?” อ๋องเจิ้นหลิงพูดส่อเสียด
แต่เมื่อฟังจากนำเสียงนางเมื่อครู่แล้วดูเหมือนไม่รู้จักฐานะเขาจริงๆ ขณะที่พูดว่า ‘อ๋องเจิ้นหลิง’ คำนี้ น้ำเสียงก็เบาเร็ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเผยความหวาดกลัวออกมา
หยุนฉือย้อนคิดถึงการสนทนาของชายสองคนเมื่อก่อนหน้า แล้วคิดถึงร่างกายอันผอมแห้งของตัวเองแล้ว ที่จริงเกิดความฉงนใจเหมือนกัน
ดูท่า...ไม่รู้เพราะอะไร นางมาถึงที่นี่ได้กลายเป็นคนของสำนักเซียนฉีอะไรนั่นแล้ว
แต่จะฐานะอะไรนั้นยังไม่แน่ชัด ทว่าสำนักเซียนฉีก็แซ่หยุนด้วยงั้นหรือ
ไม่รู้ว่าเป็นชะตาลิขิตหรือความบังเอิญ
“งั้นท่านก็ถือเสียว่าข้าเป็นคนสำนักเซียนฉีแล้วกัน ถึงยังไงฐานะของข้าก็ไม่สำคัญ ท่านจำแค่ว่าข้าไม่ใช่คู่หมายท่านก็พอแล้ว”
ถึงจะรูปงามเพียงใด ตรงสเปคนางขนาดไหน แต่นางก็ไม่คิดให้ตัวเองแต่งไปเรื่อย
สถานการณ์ในตอนนี้นางยังไม่แน่ชัด อย่างไรก็ออกจากที่นี่ไปก่อน รู้สาเหตุการมาที่นี่และฐานะในตอนนี้ของตนแล้วค่อยว่ากัน
แต่ก้นเหวนี่...
หยุนฉือคิดแล้วก็แหงนหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นก็ตกใจ
ท้องฟ้าด้านบนคละคลุ้งไปด้วยหมอกหนา บดบังแสงอาทิตย์กว่าครึ่ง ทำให้เส้นแสงเบื้องล่างหลุมยักษ์นี้มืดครึ้มราวกับวันฟ้าปิด ทั้งที่ก่อนตกลงมาด้านบนมีแสงตะวันเจิดจ้า
ตอนนี้เองก็มีสายลมพัดโชยมา นางหนาวสะท้านทันที และถึงรู้สึกว่าอุณหภูมิที่นี่ต่ำกว่าพื้นผิวหลายองศา พูดได้เลยว่าลมหนาวมาเป็นระลอก
แล้วตัวนางใส่อะไรอยู่ล่ะ...
หยุนฉือก้มมองดูตัวเอง ทันใดนั้นก็หน้าแดง
นางลืมไปสนิท ว่าเมื่อครู่ตอนที่ตกลงมากิ่งไม้ครูดเสื้อผ้านางขาดวิ่น ตอนนี้กะรุ่งกะรุ่งไม่มีชิ้นดี หน้าอกปรากฏให้เห็นเสื้อเอี้ยมสีขาวนวลออกมา แถมยังเผยผิวแผ่นกว้างออกมาอีก
“เรียบเป็นไม้กระดาน มีอะไรให้อายกัน”
เมื่อเสียงเย้ยดังมา หยุนฉือก็เดือดพลุทันที ถึงกับกล้าเยาะเย้ยว่านางหน้าอกแบนอีก!
ยอมให้ไม่ได้!
เพลิงโทสะลุกพือ แต่เมื่อเงยหน้ามากลับเป็นใบหน้าอ่อนโยน นางเดินไปตรงหน้าเขา ครั้นพบว่าศีรษะตัวเองอยู่แค่ไหล่อีกฝ่ายก็ถอยกลับอีกสองก้าว จากนั้นก็ฉีกยิ้มหวาน
รอยยิ้มนั้นราวกับรวบรวมทุกสิ่งไว้ในดวงตา แววตาระยับ ประกายทองชวนให้หลงใหลและไม่อยากละสายตา
ปากเชอร์รี่เผยอขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงราวกับกำลังท่องมนต์ปนเสน่ห์แห่งมาร บิดเอวบาง ไม่สนใจการเผยผิวตรงทรวงอก นางเดินไปทางเขา พูดอย่างออดอ้อน “คนเขายังเด็กอยู่นี่ แต่ยังไงก็ต้องโตอยู่ดี ท่านมาว่าข้าอย่างนี้ ข้าจะเสียใจเอานะ”