บทที่ 7 อกข้าสบายไหม
“ใช่ ใช่!” น้ำตานางหงพลันไหลพราก “สวรรค์ ท่านเทียนซือจือยีช่างมีเมตตาจริง! ท่านบอกว่าวันนี้เจ้าจะเกิดปัญญา เป็นจริงด้วย จริงๆ ด้วย!”
จากนั้นนางก็รีบร้อนบอกกับฟางเฉ่า “เร็ว รีบไปรายงานเรื่องน่ายินดีกับท่านเจ้าสำนักเร็วเข้า!”
ฟางเฉ่ากับฟางหวารับคำ วิ่งพรวดออกไปด้วยความดีใจ
เมื่อภายในห้องเหลือเพียงสองแม่ลูกแล้วก็กอดกันร้องไห้ไปยก หยุนชูไต้สงบสติได้ก่อน ครั้นแล้วก็นึกเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ รีบกุมมือนางหงผู้เป็นมารดา เอ่ยถาม “ท่านแม่ หยุนฉืออยู่ไหนคะ?”
นางหงคิดไม่ถึงว่าบุตรีที่ปัญญาน้อย เซ่อซ่ามาสิบหกปี พอฟื้นขึ้นมาก็ถามถึงสาวใช้คนนั้น ตะลึงไปชั่วขณะแล้วจึงถาม “เจ้าถามถึงนางทำไม?”
เมื่อพูดถึงนังเด็กคนนี้ ดวงตานางหงก็แวบความชั่วร้ายออกมา
หยุนชูไต้ชะงักไปแพล็บหนึ่ง มองนางแล้วค่อยกล่าว “ท่านแม่ หลายปีมานี้คนข้างนอกรู้แค่ว่าท่านพ่อมีข้าเป็นลูกสาวคนเดียวใช่หรือไม่?”
นางหงพยักหน้า “แน่ล่ะสิ ข้าจะให้นางเด็กนั่นชิงลาภยศในสำนักเซียนฉีกับเจ้าได้ยังไง? นังนั่นก็แค่คนต่ำต้อย เทียบกับชูไต้ของข้าได้ที่ไหน”
“เช่นนั้น...” เมื่อนั้นดวงตาคู่งามหยุนชูไต้ก็ปรากฏความเหี้ยม พูดออกมาอย่างชัดเจน “ก็ขอให้ท่านแม่กำจัดมันให้สิ้นซาก! ลูกไม่ขออยู่ร่วมโลกกับมัน!”
นางหงตะลึงงัน ราวกับไม่ชินกับลูกสาวที่สมองทึ่มมาหลายปีแล้วพอฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่...เมื่อปรับตัวได้แล้วก็อดลูบศีรษะหยุนชูไต้เป็นไม่ได้ กดเสียงลงต่ำ “ข้ารู้ ข้ารู้ เมื่อคืนข้าจ้างนักฆ่าให้ไป...นังเด็กนั่นแล้ว”
นางทำท่าปาดคอ ปรากฏความโหดออกมาจากหน้าสวย “แม้ตายข้าก็ไม่ให้มันตายสวยๆ หรอก!”
……
ในที่สุดกิ่งไม้ก็รับน้ำหนักคนสองคนไม่ไหว หักเป๊าะแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
พวกเขาตกลงไปอีกครั้ง หยุนฉือจับสายรัดเอวชายงามอย่างกับลิงจ๋อแล้วดันตัวขึ้นไป
ตุบ
ทั้งสองตกสู่พื้นพร้อมกัน
แต่ความเจ็บปวดที่จินตนาการไว้กลับไม่ปรากฏ ร่างกายเบื้องล่างอุ่นๆ ทั้งยังเป็นความอุ่นที่คุ้นเคยอยู่หน่อยๆ
หยุนฉือลืมตาขึ้นพึ่บ พบว่าใบหน้าชายงามอยู่ตรงหน้าพอดี ใกล้จนแทบได้กลิ่นลมหายใจกัน เขาอยู่ล่าง นางอยู่บน นอนทับอยู่บนตัวเขา ถูกเขาเหนี่ยวอยู่กับอก
ดวงตาดำคู่นั้นมองนางนิ่งๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แผ่นอกข้าสบายดีหรือไม่?”
“ฮะ?”
“ยังไม่ไสหัวออกไปอีก!”
“อ้อ!”
หยุนฉือลนลานรีบลุกขึ้นมา แต่มือดันไม่ทันระวังไปกดถูกท้องน้อยเขา เกือบได้เป็นหญิงใจทรามแล้วไหมล่ะ
เมื่อนางลุกขึ้นได้ก็พบว่าใต้เท้ามีใบไม้คลุมอยู่หนาๆ เกือบถึงน่อง ไม่ทันได้ยืนดีก็เซล้มใส่เขา
เดิมอีกฝ่ายกำลังจะลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ถูกนางล้มทับอยู่กับพื้นอีก
ทั้งสองสบตากัน จมูกต้องกัน ริมฝีปาก...ก็แทบแนบสนิทกัน ประสานลมหายใจ ร่างกายทับซ้อน
ใบไม้หนาขนาดนี้ ราวกับปูฟูกนุ่นหลายชั้น มิน่าล่ะเขาถึงไม่ตกลงมาตาย
หยุนฉือกะพริบตาปริบ พูดเสียงเบา “ถ้าข้าบอกว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญอีก ท่านก็น่าจะเชื่อใช่ไหม?”
นัยน์ตาชายงามดำขลับ ก่อเมฆทะมึน
ไม่เคยมีใครแตะต้องตัวเขามาก่อน และไม่มีใครใกล้ชิดกับเขาเช่นนี้ด้วย
“เจ้าไม่กลัวข้าจริงหรือ?” เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ อย่างเย็นชา
เป็นหญิงมาจากไหน ไม่เพียงใจกล้า ไร้ยางอาย สุขุม ใจเย็น ไหวพริบเป็นเลิศ ใจแข็ง แล้วยังไม่กลัวเขา ไม่หลบลี้เหมือนเขาเป็นอสรพิษอีก
หยุนฉือกะพริบตาปริบ “ท่านเป็นอ๋องอะไร? น่ากลัวมากเหรอ?”
นัยน์ตาเขายะเยือก “หากเจ้าเป็นธิดาเทพแห่งสำนักเซียนฉีจริง เช่นนั้นข้าก็คือคู่หมายเจ้า อ๋องเจิ้นหลิงแห่งต้าจิ้น”