บทที่ 3 การปะทะกันของน้ำแข็งกับไฟ
บ้าน...นายสิ!
หยุนฉือเบิกตาโพลง ออดในใจดังเกรียวกราว
ชายงามแห่งยุคยังเลือดเย็นอำมหิตด้วย!
ถึงกับทิ้งนางลงไปทั้งอย่างนี้ได้!
เหวลึกขนาดนี้ หากนางตกลงไปต้องม่องเท่งแน่ แล้วยังต้องตายอุบาทว์อีก!
นางรักชีวิตมาก
เมื่อครู่นางผิดเองที่กระชากสายรัดเอวของเขา ทั้งยังเกือบทำให้เขาต้องตายไปพร้อมกับนาง แต่นางไม่ได้ตั้งใจนี่!
ก็จะออกจากตัวเขาเดี๋ยวนี้แล้ว แค่แป๊บเดียวเขายังไม่ให้เวลา แล้วยังจะทิ้งนางลงไป
หยุนฉือวัดเท้าพลิกตัวอย่างรวดเร็ว ให้ศีรษะลงอยู่ด้านล่าง เกี่ยวเอวของเขาไว้
“เจ้าไม่ชอบช่วยคน แต่ข้าก็ไม่ชอบความตาย แล้วก็ไม่ชอบตกลงไปตายด้วย!”
หลังจากยึดเอวเขาแล้ว หยุนฉือก็เอี้ยวตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สองมือโอบคอเขา
เมื่อเป็นอย่างนี้ก็กลายเป็นว่านางแนบติดอยู่กับแผ่นหลังเขา ถูกเขาแบกอยู่
ร่างกายอยู่ท่ามกลางหน้าผา ไร้สิ่งช่วยเหลือใดๆ แต่ท่วงท่านางกลับคล่องแคล่วพลิ้วไหวได้เช่นนี้ ทำให้ชายงามแห่งยุคต้องแปลกใจอยู่เหมือนกัน
ทว่าความแปลกใจนี้ไม่อาจหยุดยั้งจิตสังหารและเพลิงโทสะที่พุ่งเฉียดฟ้าได้
ไม่เคยมีใครกล้าแตะต้องเขามาก่อน และไม่มีใครกล้าแนบชิดแผ่นหลังให้เขาแบกด้วย!
สตรีทั่วหล้าต่างเกรงกลัวหนีหาย เมื่อได้เห็นเขาก็ต้องหน้าซีดเผือด เนื้อตัวสั่นพั่บ
แต่นางผู้นี้ช่างกล้านัก!
ไร้ยางอายด้วย!
ท่าทางที่สองขาเกี่ยวรัดเอวบุรุษคล่องแคล่วว่องไวเช่นนี้ ฝึกมาจนเชี่ยวแล้วหรือยังไง?
“ลงไปเดี๋ยวนี้!”
เขาตะคอกออกไป และขณะที่เขากำลังจะเดินกำลังผละตัวนางออก หยุนฉือก็โอบรัดคอเขาแน่นแล้วร้องขึ้น
“ดะเดี๋ยวๆๆ! ฟังดูสิ นี่มันเสียงอะไร?”
เมื่อเห็นชายงามแห่งยุคนิ่งเงียบ ร่างกายเย็นเยือกขึ้นทุกทีจนเป็นเหมือนกับน้ำแข็งทรงมนุษย์แล้ว หยุนฉือก็ใจหายวาบ นางเอามือบิดใบหน้าเขามา ส่วนตัวก็เอื้อมเข้าไปหาแล้วประกบริมฝีปากแดงเข้ากับปากบางเขาด้วยความเร็วสายฟ้าแลบ!
สองปากปะทะกัน
หนึ่งเย็น หนึ่งร้อน
อุณหภูมิสองฝั่งขั้วเข้าปะทะกันแบบกะทันหัน
ราวกับมีประกายไฟ ‘ซี่ๆ’ พุ่งออกมา
ชายงามแห่งยุคชะงักกึก
ร่างกายเย็นเยือกเข้ากระดูกเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ และเร่าร้อนในที่สุด
ความอบอุ่นและเร่าร้อนนี้ทำให้จิตสังหารของเขาหยุดชะงัก
หยุนฉือไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก เพียงแค่ประกบริมฝีปากกับเขาอยู่อย่างนั้น
นางเบิ่งตาโต ใบหน้านางห่างกับเขาเพียงแค่นิดเดียว ผสานลมหายใจ
แม้แต่ตัวนางเองก็คิดไม่ถึงว่าจูบแรกของนางต้องเสียไปทั้งอย่างนี้ แล้วยังเสียให้กับชายที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ แถมเจอหน้าก็คิดจะเอาชีวิตนาง
ทว่าลมหายใจของเขาช่างยอดเยี่ยมเสียจริง
หอมเย็นสดชื่น
และเมื่อรู้สึกว่าจิตสังหารที่พลุกพล่านของเขาลดลงแล้ว นางก็เคลื่อนตัวออกจากริมฝีปากเขา แต่ยังไม่กล้าผ่อนแรง สองเท้าเกี่ยวรัดแน่น และปากก็ยังอยู่ข้างๆ ปากของเขา
“อย่าฆ่าข้า ไม่งั้นข้าก็จะฉุดเจ้าไปตายด้วยกันซะเลย อีกอย่าง เมื่อกี้ข้าก็ช่วยชีวิตเจ้าไว้ครั้งหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ? เรามาจับมือสันติกันก่อนเป็นไง? เจ้าดูสิ เราต่างก็เป็นคนน่าสงสารที่ตกหน้าผามาเหมือนกัน...”
ริมฝีปากนางยังอยู่ตรงนั้น ลมปากระหว่างที่เอ่ยวาจานั้น ใกล้ชิดหาใดเปรียบ
นัยน์ตาบุรุษเริ่มวูบลงอีก เมฆครึ้มก่อตัว
เป็นหญิงไร้ยางอายมาจากไหนกัน...
ที่เขาเกลียดที่สุดก็คือการข่มขู่ แต่นางกลับขู่ว่าจะให้เขาตายด้วย?
“งั้นเปิ่นหวาง (*สรรพนามเรียกแทนตัวเองของอ๋อง) ก็จะดูซิว่าเจ้าจะมีปัญญาซักแค่ไหน”
แม้เสียงของเขาจะเย็นชา แต่กลับเสนาะหูนัก เสียงทุ้มได้ที่ หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่อำนวย หยุนฉืออาจเทคะแนนให้เขาก็เป็นได้
แต่ตอนนี้เองหยุนฉือถึงได้ยินชัดว่าเขาเรียกตัวเองว่าอะไร
เปิ่งหวาง เปิ่นหวาง...
นางยังไม่ทันคิดได้ก็รู้สึกชาไปทั้งตัว เรี่ยวแรงถดถอยอย่างน้ำลด ถลาพรวดลงจากแผ่นหลังเขา
นี่เขาก็ยังจะฆ่านางอีก!